เรื่องนี้มีบางคนอาจจะเคยได้ยินมาเเล้วบายน่ะค่ะ
ก็ไปอ่านเจอมันเศร้ามากก็เลยเอามาลง...^^
สวนอีกเรื่องหนึ่งก็คิดว่ามีน้อยคนน่ะค่ะที่เคยเจอ^^นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบๆเปล่าๆ
ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจาก น้ำแข็งก้อนใหญ่กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว
น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็งทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็งก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป
วันหนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก
นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจหนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่านาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน
ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก
จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน
น้ำแข็งรู้ดีว่าถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล
แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่
น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆแทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย
ดวงจันทร์โคจรผ่านมา
น้ำแข็งจึงถามว่าอีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง
ดวงจันทร์บอกว่า
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทันเพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก
ยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก
ทันทีที่รู้ น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย........
สายเกินไป ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว
เมื่อน้ำแข็งมาถึงก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้ายจากปากของนาฬิกาทราย
"ฉันรักเธอ"
ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที
น้ำแข็งจึงเริ่มละลายในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน
กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน
คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์ อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้
ขอขอบคุณ ที่มา บทความโดย จากคอลัมน์ Lifestyle > Forward mail เว็บไซต์เด็กดีดอทคอม
http://dek-d.com/content/view.php?id=931 คือที่มาระหว่างทะเลกับหาดทรายขาว...
ยังไม่จบน่ะ
ผู้หญิงคนหนึ่งมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันมาตั้งเเต่มัธยม
เเละตอนนี้เธอก็ขึ้นมหาลัยเช่นเดี่ยวกับเพื่อนผู้ชาย (ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะเรียนเเล้ว)
วันหนึ่งเธอทะเลาะกับเเฟนอย่างหนัก เธอจึงโทรไปหาเพื่อนชาย
" ฉันทะเลาะกับเเฟนมา " เธอบอกทั้งๆที่ร้องไห้อยู่
"เเล้วเธอรักเขาไหมล่ะ" ฝ่ายชายถาม
"รักสิ"
"งั้น จงรักเขาต่อไป^^ คืนดีกับเขาสิ"
"มาหาเราหน่อยได้ไหม" เธอพูด
" ไม่ได้... เราไม่ว่าง"
"นี่ นายไม่เเคร์ฉันเลยหรือ??" เธอพูดเสียน้อยใจ
เพื่อนกำลังมีปัญหาทำไมไม่คิดจะปลอบใจกันบ้างกลับบอกว่าไม่ว่าง
"ได้...เดี๋ยวฉันไป.."
(เขาก็มาเเละปลอบเธอจนเธออาการดีขึ้น เเต่การปลอบเธอนั้นก็กินเวลานาน)
เธอจึงกลับไปคบกับเเฟนตามเดิมด้วย...
เมื่อถึงวันรับใบปริญญา เธอไม่เห็นเพื่อนชายมารับใบปริญญา ก็สงสัยเเต่ก็ไม่ได้ถาม
เเละในที่สุดเธอก็เเต่งงานกับเเฟนคนนั้น...เมื่อจบการศึกษามหาลัย
ฝ่ายชายก็มาเเสดงความยินดีกับเธออวยพรให้เธอมีความสุขมากๆ
เเล้วมีอยู่วันหนึ่ง เธอก็ทะเลาะกับสามีอีกครั้ง
เธอเสียใจมาก เธอจึงโทรไปหาเพื่อนชายอีกครั้ง
"ฮัลโหล ว่างไหม เราทะเลาะกับเขาอีกเเล้ว" เธอพูดพร้อมกับร้องไห้ปานขาดใจ
"เเล้วเธอรักเขาหรือเปล่า"
" รักสิ.."
"งั้นจงรักเขาต่อไป^^ ไปคืนดีกับเขาสิ^^"
"อืม..นายว่างไหม" เธอพูด
"เราไม่ว่างล่ะ...วันนี้ทั้งวันเลย"
"นี่นายไม่เห็นความสำคัญของฉันใช่ไหม นายไม่เเคร์ฉันเลยหรือ??"
เธอน้อยใจอีกคราที่เพื่อนชายลอกไม่ว่าง
เพื่อนชายเงียบไปสักพักหนึ่งเเล้วบอกว่า
" ได้ ฉันว่าง รออยู่ที่นั้นน่ะ ฉันจะไป"
(เช่นเดียวกัน การปลอบเเละให้เธอคืนดีกับสามีใช่เวลานานกว่า 1 วัน)
จนในที่สุดเธอก็คืนดีกับสามี
ผ่านไปสัปดาห์...เพื่อนอีกคนที่ไม่ค่อยสนิท โทรมาบอกเธอว่า
เพื่อนชายที่สนิทของเธอป่วย เป
เธอรีบไปหา ในระหว่างนั้นเพื่อนคนที่โทรก็บอกความจริงทุกๆอย่างว่า
ที่เขาไม่ได้ใบปริญญาก็เพราะตอนสอบเขาไม่ได้สอบเพราะมัวเเต่มาปลอบใจเธอ
เขาเเคร์มาก.....
เเละตอนนี้ที่เขาป่วยเพราะเขาไม่รับเข้าผ่าตัดเเต่เขากลับมาหาเธอตอนที่เธอทะเลาะกับสามี
เธอสำคัญกับเขามากเเละเขาก็เเค่ธอมากถึงขนาด ยอมไม่ผ่าตัดมะเร็ง
เพื่อมานั่งเป็นเพื่อนเธอ....ทำไมเขาถึงยอมเส่ยงเช่นนี้
เธอรีบวิ่งไปหาเพื่อนชาย
เธอจับมือเขาไว้เเน่น..เพื่อนชายคลี่ยิ้มบางๆให้เธอ
"ทำไมต้องทำเเบบนี้" เธอถาม
"ก็เธอกำลังเสียใจ ...ไม่มีใครอยู่นี่... ฉันอยากเห็นเธอมีความสุข อย่าร้องเลยน่ะ"
เธอร้องไห้เพราะรู้ว่าสายไปเสียเเล้ว คนที่รักเธอโดยไม่คิดถึงชีวิต รักเเท้ของเธออยู่ใกล้ๆเเค่นี้
เเต่เธอกลับมองมันไม่เห็น
"ฉัน......รัก........เธอ" เเล้วเพื่อนชายก็ไปอย่างสงบ
ทิ้งใหเธอ....
ถึงรู้ตัวก็สายไปเสียเเล้ว เธอคงไม่มีโอกาสบอกคำนั้นคำที่เขาเองก็อยากที่จะได้ยิน
เเละคำนี้ที่เธอเพิ่งจะรู้...
"ฉันก็รักนาย" เเต่มันก็สายไปเสียเเล้วที่จะเอ่ย...เธอก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกับคำพูด คำนี้ เรื่องนี้ ที่มา เพื่อนเล่าให้ฟัง เราคิดว่ามันซึ่งดีก็เลยเอามาลงน่ะค่ะ
ปล.ถ้าเคยอ่านเเล้วต้องขอโทษด้วยจริงๆน่ะ