หวัดดีค่ะ...เพื่อน บ้าน PSW
ขอโทษที่หายไปนาน นะค่ะ... พอดี ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่...
วันนี้เลยเอาลง ทีเดียว 3 ตอนรวดเลย อ่านกันให้ สะใจ...ไปเลย ^^
แวะเข้ามาแล้ว มา ทักทาย เป็นกำลังใจ ติชม กันหน่อยนะค่ะ
เหงาๆ... จะได้มีกำลังใจ แต่งต่อไป.... ^^
พูดมาเยอะแหละ....ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ
_______________________________________________________
ตอนที่ 2 การเริ่มต้นชีวิต รูปแบบใหม่
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องทดลองระเบิด
ภาพที่ปรากฏต่อหน้า เด็กสาว ชายชรา และชายหนุ่ม ทำให้ทั้ง 3 คนถึงกับยืนตกตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
เฮอร์ไมโอนี ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อพยายามเก็บอาการตกใจ
ชายชรารู้สึกขาอ่อน แทบจะทรงยืนทรงตัวไม่อยู่ จนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องเข้ามาประคองไว้
ชาย ชราพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางมองไปรอบๆ บริเวณชั้น 2 ที่เป็นห้องทดลองซึ่งตอนนี้อุปกรณ์ทดลองทุกอย่างของเขาแตกกระจายอยู่ทั่ว บริเวณพื้นห้อง
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นเนี่ย" ชายชราพึมพำ ในขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆ ประคองชายชราให้เดินไปนั่งพักที่โซฟา
เฮอร์ไมโอนียังคงเฝ้ามองมัลฟอย ด้วยความเป็นห่วง พลางหันไปบอกชายหนุ่มที่กำลังประคองชายชราไปโซฟา
"หนูคิดว่าเราควรย้ายเขาไปนอนพักที่ห้องรับรองเพื่อตรวจดูอาการนะค่ะ" ชายหนุ่มหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี พร้อมกับพยักหน้ารับคำสั่ง
"ได้ ครับ..คุณหนู" เมื่อจัดแจงให้ชายชราได้นั่งพักที่โซฟาแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่เตียงทดลอง พร้อมกับอุ้มร่างของมัลฟอยขึ้นอย่างเบาหวิว
เฮอร์ไมโอนีมองตามไป อย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มอุ้มร่างของมัลฟอยเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 ซึ่งมีห้องพักอยู่มากมาย โดยมีเฮอร์ไมโอนีเดินตามไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อ ถึงห้องรับรองสำหรับแขก ชายหนุ่มเดินตรงไปที่เตียงอย่างเร็ว และค่อยๆ วางร่างของมัลฟอยเบาๆ และหันกลับมาก้มศีษระอย่างสุภาพให้เฮอร์ไมโอนี
"กระผมของอนุญาติลงไป จัดเตรียมน้ำอุ่นสำหรับเพื่อนคุณหนูนะครับ" เฮอร์ไมโอนีก้มศีษระให้ชายหนุ่มเบาๆ
"ขอบคุณค่ะ" ชายหนุ่มยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เฮอร์ไมโอนี เลื่อนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมาไว้ข้างๆ เตียง เธอนั่งลงจ้องมองใบหน้าที่เปลี่ยนไปของมัลฟอยอย่างห่วงใย
พลางลูบผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของเขาเบาๆ ใบหน้าเขามีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด เหมือนกับว่า เขากำลังอึดอัด
เมื่อ เห็นดังนั้น เฮอร์ไมโอนีจึงลุกขึ้นไป เปิดหน้าต่างบานใหญ่ที่มีอยู่รอบๆ ห้องรับลม แม้อากาศด้านนอกจะหนาวเย็นมากก็ตาม แต่ก็ขอให้อากาศภายในได้ถ่ายเทสะดวกขึ้น
ไม่นานนัก คุณวิลเลี่ยมพ่อบ้านชราซึ่งตอนนี้กลับเป็นหนุ่มแน่น กลับเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำร้อนสีเงินใบเล็กๆ และถาดเงินที่มีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดวางอยู่
เขาเดินตรงมาที่เตียง พร้อมกับวางสิ่งของที่นำมาด้วยไว้บนโต๊ะข้างเตียง พลางหันมามองเฮอร์ไมโอนี
"คุณหนูจะจัดการเองไหมครับ..หรือจะให้กระผมทำให้" เขาถามขึ้นอย่างสุภาพ
เฮอร์ไมโอนี ลังเลใจอยู่สักครู่ ก่อนจะให้คำตอบชายหนุ่ม
"เอ่อ..เอ่อ..หนูคิดว่า รบกวนคุณช่วยจัดการให้ดีกว่าค่ะ..ฝากเขาด้วยนะค่ะ" เฮอร์ไมโอนีตอบออกไปอย่างเขินอาย
ชายหนุ่มยิ้มให้เธอเล็กน้อย
"ไม่ เป็นไรครับ..ทางนี้ผมจะจัดการให้เอง..คุณท่านบอกว่า ท่านต้องการให้คุณหนูลงไปพบครับ" เมื่อพูดจบชายหนุ่มหันไป กำลังจัดแจงจะถอดเสื้อให้มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนีหันมองไปทางอื่น ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ลงบันไดไปหาคุณตาเธอ
เมื่อลงไปถึงชั้น 2 เฮอร์ไมโอนีเห็นชายชรานั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลจากเครื่องทดลอง เขากำลังนั่งอ่านแผ่นกระดาษยาวเหยียดซ้ำไปซ้ำมา
เฮอร์ไมโอนีเดินเข้าไปและนั่งลงใกล้ๆ ชายชรา
"คุณ ตาเป็นยังไงบ้างค่ะ..หายตกใจหรือยัง" เฮอร์ไมโอนีถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ชายชราผละสายตาออกจากกระดาษแผ่นยาว มองมาที่เฮอร์ไมโอนีอย่างอ่อนโยน
"ตาไม่เป็นไร..หลานรัก" ชายชราตอบคำถามของหลานสาวคนสวย พลางลูบเรือนผมลอนของเธออย่างเอ็นดู
"ว่าแต่..เพื่อนของหลานเป็นอย่างไรบ้าง เฮอร์ไมโอนี" เฮอร์ไมโอนีดูสีหน้าเศร้าลงทันที เธอส่ายหน้าเบาๆ
"ยัง ไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ..เขายังหลับไม่รู้เรื่องอยู่เลย" เฮอร์ไมโอนีตอบชายชรา น้ำเสียงเธอฟังดูกังวลมากทีเดียว ชายชราลูบเรือนผมของเธออีกครั้ง
"ไม่ เป็นไรหลานรัก..ตาทำให้เขากลับมาเหมือนเดิมได้แน่นอน..แต่คงต้องใช้เวลาสัก หน่อย กว่าตาจะซ่อมของที่พังเสร็จและปรุงยาฟื้นฟูเซลขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง" พูดจบชายชราหันไปมองกระดาษแผ่นยาว
เหยียดอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี
"หลานรัก..ตาอยากให้หนูตอบคำถามตาหน่อย" เฮอร์ไมโอนีมองชายชราอย่าง งุ่นงง ชายชราขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเริ่มคำถามแรกกับเธอ
"ตา อยากรู้ว่า เพื่อนคนนี้ของหลาน เขาเป็นใครกันแน่" แววตาชายชราจริงจังมากขึ้น เฮอร์ไมโอนีอึกอักอยู่สักครู่ ก่อนเริ่มตอบคำถามชายชราอย่างอธิบาย
"เอ่อ..คุณตารู้เรื่องโรงเรียน ที่หนูเรียนอยู่ใช่ไหมค่ะ..มัลฟอยคือคนที่เรียนที่เดียวกับหนู..แต่เขาแตก ต่างมากกว่า.." สิ้นคำตอบเฮอร์ไมโอนี ชายชราขยับแว่นตาไปมา
"ใช่ตา รู้...แต่เพื่อนคนนี้เขาต่างจากหนูยังไง" ชายชราเริ่มคำถามอีกครั้ง สีหน้าเขาสงสัยมากขึ้น เฮอร์ไมโอนีจ้องมองแววตาอ่อนโยนของชายชรา ก่อนจะหลบสายตามองไปทางอื่น
"คือ..มัลฟอยไม่เหมือนกับหนูตรงที่ เขาเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นผู้วิเศษ คือพ่อแม่ที่มีเวทมนต์มาตั้งแต่เกิด แต่หนูเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นคนธรรมดา..ไม่มีเวทมนต์" สิ้นสุดคำตอบของเฮอร์ไมโอนี
ชายชราหันกลับไปมองที่กระดาษแผ่นยาวนั่นอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
"ตา คิดแล้วไม่มีผิดเลย" เฮอร์ไมโอนีหันมองหน้าชายชรา อย่างงุ่นงง เมื่อเห็นสีหน้าของหลานสาวที่กำลังสงสัย ชายชราจึงวางแผ่นกระดาษยาวเหยียดนั้นลงบนโต๊ะเตี้ยๆ หน้าโซฟา พร้อมขยับมันให้เฮอร์ไมโอนี
ได้ดู เฮอร์ไมโอนีขยับตัวเข้าใกล้แผ่นกระดาษนั้นมากขึ้นอย่างสนอกสนใจ
"ดู นี้สิ..เฮอร์ไมโอนี..นี้คือกระดาษที่ออกมาขณะทำการทดลอง สังเกตุดูให้ดีตรงเส้นสีน้ำเงิน..นี้คือ เส้นแสดงคลื่นความถี่ของสมองมนุษย์ นี้คือ คลื่นความถี่สมองของเพื่อนหลาน" เมื่อพูดจบ
ชายชราเดินไปที่ ตู้กระจกหลังหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กระจกแตกกระจายไปหมดแล้ว จึงทำให้มันเหลือแต่โครงเหล็กธรรมดา ชายชราหยิบม้วนกระดาษม้วนหนึ่งขึ้นมา
พร้อมกับคลี่มันออก ก่อนจะนำมาวางเทียบกันให้เฮอร์ไมโอนีดู ชายชรานั่งลงที่โซฟาอีกครั้งและเริ่มอธิบาย
"กระดาษ ม้วนนี้ เป็นรายงานผลการทดลองของคุณวิลเลี่ยม ซึ่งหลานเห็นไหม..เส้นสีน้ำเงินนี้ อยู่ในระดับความถี่ปกติ..แต่.." ชายชราเคลื่อนกระดาษอีกใบที่อยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้อีก
"ใบนี้เป็นของเพื่อนหลาน..เห็นเส้นสีน้ำเงินไหม" เฮอร์ไมโอนีมองตามไปพร้อมกับคิดวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ เธอหันไปมองหน้าชายชราอีกครั้ง
"ทำไม.. คลื่นความถี่สมองของมัลฟอย..ถึงได้ขึ้นสูงผิดปรกติแบบนี้หละค่ะ.." สีหน้าเฮอร์ไมโอนีดูสับสนไม่น้อย ชายชรายิ้มเบาๆ ให้เธอ พลางขยับตัวพิงโซฟาอย่างผ่อนคลาย
"จากเรื่องที่ได้ฟังจากหลาน..และผล รายงานแผ่นนี้ รวมทั้งเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และด้วยสมองอันชาญฉลาดของตา หากตาคาดคะเนไม่ผิด..มันเป็นเพราะ เพื่อนหลานเอง"
เฮอร์ไมโอนีแสดงสีหน้างุ่นงง ขึ้นชัดเจน ชายชราไม่รอช้า เขาเริ่มอธิบายต่อไปอีก
"ตา คิดว่า..มนุษย์ธรรมดาและมนุษย์ที่เป็นพ่อมดหรือแม่มด มีคลื่นความถี่ของสมองที่ไม่เหมือนกัน คลื่นความถี่ของสมองเป็นตัวสร้างพลังงานกระแสไฟฟ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ มันมีจะพลังงานมากจนบางที
อาจจะสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุได้เลย หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า พลังจิต ตาคิดว่า มนุษย์ที่สามารถใช้เวทมนต์ได้จะต้องมีคลื่นความถี่ของสมองสูงมากๆ เพราะนั่นจะเท่ากับว่า มีพลังจิตสูงด้วย
ตัวอย่างจากมัลฟอย เพื่อนของหลาน เขามีความถี่สมองที่สูงมาก มันจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเขาจึงเป็นพ่อมด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตาคิดว่า มันน่าจะเกิดจากความถี่ของสมองภายในจิตใต้สำนึกของเขา
เกิดการต่อต้าน จนทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ระเบิดวัตถุรอบข้างจนราบคราบ..ตาถึงได้ถาม หลานไง ว่าเพื่อนของหลานคนนี้เขาเป็นใคร " เฮอร์ไมโอนียังคงมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ ชายชรามองเธออย่างสงสัย ก่อนจะถามเธอขึ้น
"หลานมีอะไร ที่ไม่เข้าใจหรือเปล่า" เฮอร์ไมโอนีแสดงสีหน้าออกมาชัดเจน
"มัน ก็ใช่ค่ะ..แต่คุณตาค่ะ..ในกรณีของมัลฟอย เขาเป็นพ่อมดได้ เพราะ พ่อแม่เขาเป็น...แล้ว..กรณีอย่างหนูหละค่ะ" เมื่อได้ฟังคำถามแคล่งใจของหลานสาว
ชายชราเดินไปที่ตู้กระจกที่เคยมี กระจกหลังเดิมอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงหยิบ ม้วนกระดาษอีกม้วนหนึ่งขึ้นมา และเดินกลับไปที่โซฟาพร้อมกับส่งมันให้เฮอร์ไมโอนี
เฮอร์ไมโอนีรับม้วน กระดาษมาอย่างไม่เข้าใจ เธอค่อยๆ คลายมันออกอย่างช้าๆ เนื้อหาภายในไม่แตกต่างจาก 2 แผ่นแรกเลย ชายชรานั่งลงที่โซฟาอีกครั้งและเริ่มอธิบาย
"มันคือ..ข้อมูลของหนู..เฮอร์ไมโอนี" เฮอร์ไมโอนีหันมองชายชราอีกครั้ง เขาก็ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธออีก
"จำ ได้ไหม..ตอนหลาน 4 ขวบ..อืม..แต่คิดว่าคงจำไม่ได้..ช่างมันเถอะ..ตอนนั้นหลานปวดหัวมากโดยที่ ไม่มีสาเหตุ พ่อแม่หลานจึงพามาที่นี่ เพื่อให้ตาตรวจดูอาการ กระดาษแผ่นนี้คือ ผลวิเคราะห์สมองของหลาน"
เมื่อได้ฟังเรื่องราว เฮอร์ไมโอนี ค่อยๆ ดูมันอย่างช้าๆ พร้อมกับลองเปรียบเทียบข้อมูลของเธอกับของมัลฟอย
ผล ปรากฏว่า มันคล้ายกันมาก เฮอร์ไมโอนีตกใจเล็กน้อย ชายชราสังเกตุเห็นอาการของหลานสาว เขาไม่รอช้าที่จะเต็มใจอธิบายเรื่องราวให้เธอฟังอีก
"เห็นแล้วใช่ไหม ว่า มันคล้ายกันมาก..นี้คือ เหตุผลที่หลานสามารถใช้เวทมนต์ได้ ..แต่คลื่นความถี่สมองของหลานไม่สูงมากเท่ากับมัลฟอยเพื่อนหลาน..เหตุผลนั้น อาจมาจาก พ่อแม่ต่างกัน
เด็กๆ ที่เกิดมามีคลื่นความถี่สมองสูงๆ แบบนี้ พบได้ไม่มากนักหรอกนะ..ตั้งแต่ตาเป็นหมอวิจัยด้านสมอง มาจนถึงเดี๋ยวนี้ ตายังพบไม่ถึงพันคนเลย..หึหึ " เมื่อได้ฟังคำอธิบายยืดยาวของคุณตา
เฮอร์ไมโอนีจึงรู้ซึ้งแล้วว่า เหตุใด ลูกมักเกิ้ลธรรมดาๆ อย่างเธอและเพื่อนๆ มักเกิ้ลในโรงเรียน จึงมีความสามารถใช้เวทมนต์ได้ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ไม่ใช่ผู้วิเศษ
เฮอร์ไมโอนีคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ภายใจ เธอแสดงสีหน้ากังวลใจอยู่มาก ชายชราสังเกตุใบหน้าของหลานสาวคนสวยอีกครั้ง
"หนูมีคำถามอะไร..อยากจะถาม ตาไหม" เฮอร์ไมโอนีผงะจากความคิดของตัวเองครู่หนึ่ง เธอหันมองใบหน้าของชายชราอย่างอึกอัก
"เอ่อ.. คือคุณตาค่ะ คุณตาคิดว่า จะใช้เวลานานไหมค่ะกว่า มัลฟอยจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม" เมื่อได้ฟังคำถามแสนซื่อของหลานสาว ชายชรายิ้มเล็กน้อยพลางคลึงเบาๆ ที่ขมับ
"อืม..ตาคิดว่า น่าจะประมาณ 1 เดือนนะ" เฮอร์ไมโอนีถอนใจอย่างโล่งอก เพราะหากเกินกว่านั้น ต้องมีเรื่องใหญ่เกินขึ้นแน่นอน เพราะไหนจะต้องไปโรงเรียนและเรื่องที่มัลฟอยหายออกไปจากบ้าน
พ่อและแม่ของเขาคงต้องตามหาแน่ๆ และเรื่องร้ายแรงอาจเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ
ขณะที่คุณตาผู้ชาญฉลาดและหลานสาวมักเกิ้ลแสนสวย กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาตินั้น
"เพล้ ง!!!!" เสียงกระจกแตกดังลงมาจากด้านบนชั้น 3 ทั้งสองคนหยุดการสนทนานั้นลง ชายชราและเฮอร์ไมโอนีเหลือบสายตาขึ้นมองเพดานด้านบนพร้อมกัน
"อ๊ากก กกกกกกกกกกกกกกก!!!!! ฉันจะฆ่าพวกแกกกกกกกกกกกก" เสียงของคนที่เพิ่งตื่นจากการทดลองกำลังร้องตะโกนโวยวายด้วยความบ้าคลั่ง อยู่ในห้องชั้น 3
ไม่เพียงแต่เสียงร้องโวยวายเท่านั้น แต่ยังคงมีเสียงของสิ่งของที่โดนทำลายอีกนับไม่ถ้วนตามมากลับเสียงโวยวาย
ชาย ชราอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเริ่มยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ชายชราหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนีที่กำลังนั่งขมวดคิ้วมองเพดานอยู่
"ตา ว่า..เพื่อนหลานคงตื่นแล้วหละ..เราขึ้นไปดูเขาหน่อยดีกว่า" เฮอร์ไมโอนีลุกขึ้นยืนอย่างเร็วและเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในเสื้อ คลุมของเธอ แล้วจึงเดินตามชายชราที่เดินนำหน้าเธออย่างกระชับกระเฉง
เสียง ทำลายข้าวของนั้นยังคงไม่หยุดลง เฮอร์ไมโอนีกำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น พร้อมกับคิดคาถาต่างๆ ในใจอยู่มากมาย ชายชราเดินไปหยุดที่หน้าห้องนั้นแล้วค่อยๆ หันกลับมามองหน้าเฮอร์ไมโอนีที่มีสีหน้ากังวลเต็มที่
เขายิ้มให้เธออย่างเป็นกำลังใจ
"หลานพร้อมนะ.." เฮอร์ไมโอนีมองชายชราด้วยสายตามุ่งมั่น เธอเม้นปากเล็กน้อย พร้อมกับผยักหน้าให้ชายชราเบาๆ
ชายชราผลักประตูบานใหญ่สีขาวที่อยู่ตรงหน้า ภาพที่ปรากฏต่อทั้ง 2 คน คือ สภาพของภายในห้องดูไม่ต่างจากห้องเก็บขยะเลย
กระจก ที่โต๊ะเครื่องแป้งแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง ผ้าม่านริมหน้าต่างฉีกขาด บ้างก็หลุดลงมากองอยู่ที่พื้น หมอนขนเป็ดอย่างดีถูกฉีกจนแตก จนขนเป็ดกระจายไปทั่วห้อง แจกันและรูปปั้นงานศิลป์ต่างๆ
แตกหักอยู่ที่พื้น เสียงทำลายสิ่งของเมื่อครู่นี้ เงียบลงไปแล้ว
เฮอร์ ไมโอนียืนอยู่ข้างๆ ชายชรา เธอมองดูสภาพรอบๆ ห้อง แต่ยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เธอได้ยินเสียงของคนๆ หนึ่งหอบเสียงดังแสดงถึงความเหนื่อย อยู่ไกลๆ
เฮอร์ไมไอนีและชายชราค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องช้าๆ เฮอร์ไมโอนีสังเกตุเห็นเงาดำที่อยู่หลังผ้าม่านฉีกขาดที่ยังไม่หลุดออก จากราวแขวน เฮอร์ไมโอนีเดินเข้าไปใกล้เงาดำนั้นช้าๆ
เธอได้ยินเสียงหอบดังและเริ่มถี่ขึ้น เฮอร์ไมโอนีค่อยๆ แหวกผ้าม่านช้าๆ เพื่อเจอกับคนที่อยู่หลังผ้าม่าน
เธอ สะดุดเฮือก เมื่อได้สบตากับดวงตาสีเงินที่แดงกล่ำด้วยพายุอารมณ์ที่บ้าคลั่ง เฮอร์ไมโอนีจ้องมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าเขาดูเหนื่อยจัด เหงื่อออกทั่วตัวจนเสื้อที่เขาสวมใส่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ใบหน้าที่ขาวซีด ของเขาแสดงสีหน้าซีดมากกว่าเดิม สีหน้าของผู้ที่อยู่ตรงหน้าแสดงถึงความโกรธแค้นอย่างรุนแรง เฮอร์ไมโอนีรู้สึกสั่นๆ เล็กน้อย แต่เธอก็ต้องข่มใจเพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งไม่หวาดกลัวต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้า
"มะ..มัล ..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีเรียก เดรโก มัลฟอย ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อได้ยินเฮอร์ไมโอนีเอ่ยชื่อเขา มัลฟอยแสดงสีหน้าโกรธแค้นมากกว่าเดิม เขาดึงผ้าม่านออกอย่างแรง
จนมันหลุดออกจากราวลงมากองที่พื้น มัลฟอยเหลือบไปเห็นชายชราที่ยืนอยู่หน้าประตู
"ตาเฒ่ามักเกิ้ล!!! ฉันจะฆ่าแกกกกก" มัลฟอย พุ่งตัวออกไปหาชายชราอย่างเร็ว ทำให้เฮอร์ไมโอนีตกใจมาก
"มัลฟอย..อย่า !!!" เฮอร์ไมโอนีคว้าตัวมัลฟอยอย่างเร็ว และพยายามรั้งร่างที่กำลังจะพุ่งไปหาคุณตาของเธอด้วยความโกรธแค้น
มัลฟอยพยายาม ดื้นให้หลุดออกจากวงแขนของเฮอร์ไมโอนีที่คว้าร่างของเขาไว้
"ปล่อยฉัน..เกรนเจอร์..ปล่อยเดี๋ยวนี้ !!!" มัลฟอยตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโหและยังคงพยายามดิ้นอยู่
เฮอร์ ไมโอนีกอดมัลฟอยแน่นขึ้น จนทำให้เขาอึดอัดและหายใจไม่ออก มัยฟอยรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อเฮอร์ไมโอนีกอดเขาแน่นและแรงขึ้น เขารู้สึกเขินเล็กน้อยและรู้สึกดีที่มีผู้หญิงมากอดเขาแน่นขนาดนั้น
แต่...!!!! มันไม่ได้ทำให้เขาดีใจเลย เมื่อร่างกายของเขาที่เฮอร์ไมโอนีกำลังกอดอยู่มันคือ ร่างกายของเด็กอายุ 5 ขวบ มัลฟอยยังคงไม่หมดอารมณ์โกรธแค้น เขายังคงดื้นแรงขึ้น
"เกรน เจอร์..ปล่อยนะ ปล่อยสิ" เฮอร์ไมโอนีรู้สึกหมดความอดทนต่อผู้ที่เธอกำลังกอดรั้งร่าง ไม่ให้เข้าไปทำร้ายคุณตาของเธอ เดรโก มัลฟอย ขณะนี้กลายเด็กน้อยร้ายกาจเจ้าอารมณ์ที่กำลังบ้าคลั่งมาก
เฮอร์ไมโอนีสุด กลั้นอารมณ์โมโหที่มีต่อเด็กชายตัวน้อยที่ดิ้นไปมา เฮอร์ไมโอนีชันเข่าขวาขึ้นอย่างเร็ว เธอกระชากร่างเล็กๆ ของมัลฟอยหันข้างลงมาคร่อมที่หน้าขาขวาของเธอ
เฮอร์ไมโอนีกดศีษระของมัลฟอยลง ทำให้บั้นท้ายของเขาโด่งขึ้น มัลฟอยไม่ทันตั้งตัว เขาตกใจมาก
"อ๊ะ!!! จะ จะ ทำอะไรหน่ะ เกรนเจอร์" มัลฟอยพยายามดื้นหนีออกจากการล็อคตัวของเฮอร์ไมโอนี แต่เธอกดศีษระเขาแรงขึ้น ทำให้เขาขยับตัวหนีเธอไม่ได้
"ก็ทำให้เธอหยุดบ้าหน่ะสิ..เลิกอาละวาดซะที!!!" เฮอร์ไมโอนีตะหวาดมัลฟอยเสียงดัง
หลังจากนั้น..........
"เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!" เสียงหวัดบั้นท้ายน้อยๆ ของเด็กชายมัลฟอยดังขึ้น หลังจากเสียงตะหวาดของเฮอร์ไมโอนีจบลง
"โอ๊ย!!โอ๊ย ปล่อยฉันนะ !!โอ๊ย" มัลฟอยร้องออกมาสุดเสียง เมื่อเฮอร์ไมโอนีฟาดฝ่ามือเล็กๆ ของเธอแต่เต็มไปด้วยแรงมหาศาลลงบนบั้นท้ายของมัลฟอย
"เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!" เสียงตีนั้นยังไม่หยุดลง เมื่อมัลฟอยยังคงดื้นและกล่าววาจาก้าวร้าวต่อคุณตาของเฮอร์ไมโอนี
"เธอ จะเลิกอาละวาดได้หรือยัง!!มัลฟอย..แล้วก็เลิกว่าคุณตาฉันซะที..ทั้งหมดมัน เป็นเพราะตัวเธอทำเองทั้งนั้น !!" เฮอร์ไมโอนีตะหวาดขึ้นเต็มแรง เธอเองก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน
ที่ต้องรบกับมัลฟอย ถึงแม้ร่างกายเขาจะกลายเป็นเด็กอายุ 5 ขวบ แต่ความร้ายกาจนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลย
"ตัว ฉันงั้นหรอ..น่าขำ..เกรนเจอร์..มันเพราะตาเฒ่ามักเกิ้ลนั้นต่างหากที่ไม่ได้ เรื่องงงงง โอ๊ย!! โอ๊ย!!" เมื่อได้ยินมัลฟอยพูดแบบนั้นอีก เฮอร์ไมโอนีเม้มปากลง พร้อมกับหวดฝ่ามือเข้าที่บั้นท้ายของมัลฟอยอีก
ชาย ชรายืนมองสงครามระหว่างหญิงสาวตัวโตกับเด็กชายร้ายกาจตัวน้อย อย่างนึกขบขัน อันที่จริง เขาไม่ได้โกรธเคืองมัลฟอยเลยที่เด็กหนุ่มกล่าวถ้อยคำดูถูกหรือเหยียดหยามเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ต้องโมโห
หรือแค้นใจเมื่อ ต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองกลับกลายร่างเป็นเด็กอีกครั้ง ชายชราขยับแว่นตาเบาๆ พร้อมกับเดินไปที่ทั้งสองช้าๆ
ชายชราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี
"พอ เถอะ..หลานรัก" ชายชรากล่าวกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนีชะงักมือ แต่ก็ยังคงกดศีษระของมัลฟอยเอาไว้ ชายชรายิ้มขึ้นเบาๆ
"ไม่ต้องห่วงนะ..พ่อหนุ่ม..ใจเย็นๆก่อน ฉันทำให้เธอกลับมาเหมือนเดิมได้แน่นอน แต่ฉันต้องขอเวลากับเธอประมาณ 1 เดือน พอได้ไหม" ชายชรากล่าวอย่างอ่อนโยนกับเด็กชายที่ถูกกดศีษระเอาไว้
มัลฟอยทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่ถูกเฮอร์ไมโอนีกดเอาไว้อีก ทำให้เขาต้องยอมก้มหน้าลงไปอย่างจำนน
"อะไร นะ 1 เดือนเลยหรอ..แล้วฉันจะทำยังไงหละ!!..จะให้ฉันกลับบ้านสภาพแบบนี้หน่ะหรอ ..เชอะ..มีหวังพวกเลือด..พวกคนธรรมดาอย่างคุณคงได้ตายเพราะ พ่อผมแน่ๆ " มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน แต่ถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วย
ความห่วงใยใน ความปลอดภัยของครอบครัวเฮอร์ไมโอนี .. เฮอร์ไมโอนีเองก็รู้สึกเช่นกัน เขาไม่ได้เรียกคุณตาของเธอว่า เลือดสีโคลน ถึงแม้จะเกือบเรียก แต่มันก็ยังดีที่เขายังรู้สึกตัวได้ว่ามันไม่สมควร
เฮอร์ไมโอนีรู้ว่า มัลฟอยคงเริ่มสงบลงได้แล้ว หลังจากที่ถูกเธอตี และได้ฟังเรื่องที่คุณตาของเธอสามารถช่วยเขาได้ เธอจึงค่อยๆ ปล่อยมัลฟอยลงให้นั่งอยู่ที่พื้น
มัลฟอยสบัดตัวออกจากเฮอร์ไมโอนี ด้วยท่าทางหวาดๆ เขาขยับออกไปนั่งห่างจากเธอมากโข มัลฟอยเงยหน้ามองชายชราด้วยความสงสัย
"ทำไม ต้องใช้เวลา 1 เดือน เร็วกว่านั้นไม่ได้หรือไง" เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ชายชรายืนเอามือข้างไขว้หลัง มองมัลฟอยด้วยท่าทีสบายๆ
"ฉันต้องใช้เวลาซ่อมอุปกรณ์ที่เธอทำพัง และปรุงยาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง..มันต้องใช้เวลาหนุ่มน้อย" คิ้วของมัลฟอยขมวดกันจนจะกลายเป็นโบว์ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชราพูด
"ผม..ผม ทำอะไรพัง..แล้วพังได้ยังไง" มัยฟอยถามขึ้น เพราะเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชายชราและเฮอร์ไมโอนีจึงได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนทำข้าวของพัง
ชายชราเริ่มอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มัลฟอยฟัง พร้อมทั้งอธิบายเรื่องคลื่นความถี่ของสมองที่เขาได้อธิบายให้เฮอร์ไมโอนีฟัง
เมื่อ ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด มัลฟอยจึงคลายความสงสัยขึ้นได้บ้าง เขาจึงได้ยอมรับความจริงว่า เรื่องการทดลองที่เกิดความผิดพลาดนี้ มันเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง..เพราะ เขาคือ พ่อมด..พ่อมดขนานแท้
เฮอร์ไมโอนี ที่นั่งห่างมัลฟอยหลายช่วงตัว มองหน้าเขาด้วยสีหน้ากังวล
"เอ่อ.. มัลฟอย แล้วเธอจะบอกเรื่องนี้กับครอบครัวยังไง" มัลฟอยหันมาสบสายตาเฮอร์ไมโอนีอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแง่งอน
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรทั้ง นั้น..เพราะฉันบอกครอบครัวแล้วว่า ปิดเทอมจะออกไปเที่ยวและจะไม่กลับจนกว่าจะใกล้เปิดเทอม" เมื่อตอบคำถามจบ มัลฟอยหันใบหน้ากลมซีดไปทางอื่น
เฮอร์ไมโอนีอมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของมัลฟอย เขาดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่กำลังโกรธเพราะไม่ได้ดั่งใจตัวเองจริงๆ
"ถ้า งั้น..เธอพอจะพักที่นี้ได้ไหม..เพราะฉันต้องตรวจเช็คร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ของเธอเรื่อยๆ เพื่อเก็บข้อมูล" ชายชราพูดขึ้น เมื่อได้ฟังคำถาม มัลฟอยอึกอักอยู่สักครู่
คนอย่างเขาต้องมาอยู่กับพวกมักเกิ้ลหรือนี้ ...แล้วเขาจะอยู่ยังไง กินอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน คำถามนับล้านๆ ผุดขึ้นมาในสมองของมัลฟอยจนเต็มแน่นไปหมด
ชายชรายืนมองมัลฟอยที่กำลังลังเลกับคำถามเขา ชายชราจึงตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อให้จบปัญหาไป
"เอาหละ..ไม่ต้องคิดแล้ว..สรุปว่า เธอต้องอยู่ที่นี่ เพราะนั่นก็เพื่อตัวเธอเอง และ เฮอร์ไมโอนี หลานก็ต้องอยู่ที่นี้ด้วย
เพราะ พ่อหนุ่มนี้เป็นเพื่อนของหลาน..หลานต้องช่วยตาดูแลเขา..เรื่องในวันนี้จบแค่ นี้..ตาจะลงไปค้นคว้าอะไรที่ห้องสมุด..แล้วเจอกันตอนมื้อค่ำ" เมื่อกล่าวคำตัดสินจบ ชายชราไม่ได้รอฟังคำตอบจากผู้ใด
เขาเดินเอามือไขว้หลัง ออกไปจากห้องนั้น ทิ้งให้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีนั่งตกตะลึงกับคำตัดสิน
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี หันมาสบตากันแว่บเดียว เฮอร์ไมโอนีถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของมัลฟอย ที่แสดงต่อเธอ
เขา คงเริ่มกลัวและเกรงใจเธอได้บ้างแล้ว เพราะ ตอนนี้ เธอเหนือกว่าเขาทุกอย่าง ทั้งพละกำลัง ร่างกาย ยกเว้นเรื่องหัวสมอง เพราะเธอเหนือกว่าเขามานานแล้ว
เฮอร์ไมโอนีตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างเบาๆ เธอมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือโบกสบัดมันไปเบาๆ
สิ่งของที่มัลฟอยทำลายลงไป เริ่มค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิมปกติ ยกเว้นแต่มัลฟอย ที่ยังคงตัวเล็กอยู่
เฮอร์ ไมโอนียืนมองมัลฟอย ซึ่งตอนนี้ เขานั่งขัดสมาธิเอามือกอดอกและหันหลังให้เธอ เฮอร์ไมโอนีอมยิ้มออกมา หากมัลฟอยไม่ร้ายกาจ เขาก็เป็นเด็กผู้ชายวัย 5 ขวบที่น่ารักมากทีเดียว
ฟัน กระต่ายคู่ใหญ่ด้านหน้าฟันของเขากลับยิ่งทำให้มัลฟอยดูน่ารักมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้น เฮอร์ไมโอนีเพิ่งสังเกตุได้ว่า มัลฟอยตอนนี้ใส่เสื้อเชิ้ตชุ่มเหงือกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวโคร่งซึ่งมันดู เหมือนกางเกงขาบานตัวใหญ่ซะมากกว่า
เฮอร์ไมโอนีมองดูรอบๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปนอกห้อง เธอหันกลับมาหามัลฟอยอีกครั้ง
"เธอ อาบน้ำซะนะ..เดี๋ยวฉันจะเอาไปเสื้อผ้ามาให้" มัลฟอยยังคงไม่สนใจต่อคำพูดของเฮอร์ไมโอนี เขาไม่ได้หันมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนีรู้ดีว่า เขาต้องโกรธมากแน่นอน แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
หากเธอไม่ทำแบบนั้น เขาก็อาจจะทำร้ายคุณตาของเธอด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบนั้น เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย
"เอา ละ..จะไม่ฟังฉันก็ได้..แต่ถ้าฉันกลับมาที่นี้อีกครั้งแล้วเธอยังมีสภาพแบบ นี้หละก็..เธอจะโดนหนักมากกว่าเมื่อกี้..แน่นอน" เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงแข็ง อันที่จริงเธอก็ไม่อยากขู่มัลฟอยเท่าไหร่
เพราะกลัวว่า เขาอาจจะหนีไปและคุณตาของเธออาจจะเดือดร้อนก็ได้ แต่หากไม่ทำทมัลฟอยก็จะไม่เลิกทำนิสัยเสียและเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ เฮอร์ไมโอนีเดินออกจากห้องและปิดประตูเบาๆ
มัลฟอยหันกลับมามองที่ประตู เขารีบลุกขึ้นอย่างเร็ว แม้จะระบมบั้นท้ายตรงที่เฮอร์ไมโอนีตีเขาก็ตาม มัลฟอยรีบวิ่งไปที่ประตูโดยเร็วและลงกลอนทั้งที
"ค่อยดูนะ..ฉันจะ เอาคืนเธอให้สาสมเลย เกรนเจอร์" มัลฟอยคิดในใจอย่างแค้นเคือง แววตาของเขามุ่งมั่นที่จะแก้แค้นมาก แต่ก่อนจะคิดแก้แค้นเฮอร์ไมโอนี..
มัลฟอยเดินไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัว
"....." อันที่จริงเขาก็ไม่ได้กลัวเฮอร์ไมโอนีอะไรนักหนา แต่เพราะตอนนี้เขาสู้อะไรเธอไม่ได้เลย .. มัลฟอยจึงต้องยอมจำนน ทำตามที่เฮอร์ไมโอนีสั่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ถูกตี อีก (-_-!)
_________________
เวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมง
มัล ฟอยอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว แต่เขาไม่มีเสื้อผ้าที่จะใส่ จึงใส่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เขาเดินสำรวจภายในห้องพักที่เขาต้องพักในห้องนี้ถึง 1 เดือน
ห้องนี้เต็ม ไปด้วยภาพวาดงานศิลป์มากมาย แต่มันน่าแปลกสำหรับเขามากกว่ารูปวาดที่เคลื่อนไหวได้ เพราะรูปวาดพวกนี้ดูมีจิตวิญญาณและสามารถสร้างจินตนาการณ์ให้กับเขาได้มาก มายนัก
"ก๊อก!! ก๊อก !!" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้มัลฟอยสะดุดเล็กน้อย เขาเดินไปที่ประตูเบาๆ และใช้หูข้างหนึ่งแนบประตู
"ใครหน่ะ" มัลฟอยตัวน้อยตะโกนถามผู้ที่เคาะประตู
"ฉัน เอง..เกรนเจอร์..ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้" เมื่อรู้ตัวผู้เคาะประตู มัลฟอยค่อยๆ เขย่งเท้าเล็กๆ ของเขา เพื่อเอื้อมมือไปปลดล็อคกลอนประตู
เมื่อปลดล็อคประตูเสร็จ เขาเดินหันหลังออกมาจากประตู ก่อนที่จะมีคนเปิดประตูห้องเข้ามา
"อุ๊ย!!!" เสียงของเฮอร์ไมโอนี อุทานออกมาเสียงดัง ทำให้มัลฟอยหันไปหาเธอที่กำลังหันหลังให้เขา
"มี อะไร..เกรนเจอร์" ใบหน้าของมัลฟอยแสดงถึงความสงสัยที่ จู่ๆ เฮอร์ไมโอนีก็อุทานออกมาแบบนั้น เขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ และเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองหน้าเธอ แต่เฮอร์ไมโอนีก็หันหน้าหนีเขาอีก
มัลฟอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เขาพอจะรู้แล้วว่า เฮอร์ไมโอนีเป็นอะไร
"อ๋อ.. เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย..แม้แต่ร่างกายฉันที่เป็นแบบนี้ ยังทำให้เธอเกิดอารมณ์ได้หน่ะ..เกรนเจอร์..หึหึหึ" มัลฟอยพูดอย่างชอบใจ เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนีเขินขนาดนั้น เมื่อเห็นเขานุ่งเพียง
ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แต่ถึงจะยังไง ตอนนี้เขาก็แค่เด็ก 5 ขวบ มันยิ่งทำให้มัลฟอยขบขัน
เฮอร์ ไมโอนีกลั้นใจและข่มใจตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นกับเขามากนัก เธอพยายามคิดว่า ตอนนี้เขาก็แค่ มัลฟอยเด็กน้อย 5 ขวบ ไม่ใช่มัลฟอยเด็กหนุ่มอายุ 17 ที่เธอเคยรู้จักและ....กับเขา
เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่เตียงพร้อมกับวางถุงกระดาษสีดำใบหนึ่งไว้ที่เตียง
"นี่ คือ เสื้อผ้าของเธอ ฉันไม่รู้ว่าตอนเด็กเธอใส่แบบไหน..เลยซื้อมาตามที่คนขายแนะนำให้" เฮอร์ไมโอนีพูดโดยที่ไม่สบตามัลฟอยเลย เธอรีบเดินออกจากห้องและปิดประตูทันที
มัลฟอยมองตามเธออย่างขบขัน เขาอมยิ้มออกมาเพราะ ท่าทางของเธอมันทำให้เขาตลกมาก มัลฟอยเดินไปที่เตียง พร้อมกับค่อยๆ เปิดดูของที่อยู่ในถุงกระดาษ
"เธอจะเลือกเสื้อผ้าให้ ฉันยังไงเนี่ย..เกรนเจอร์" มัลฟอยค่อยๆ รื้อเสื้อผ้าออกมาทีละตัว ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขา ค่อยๆ หายไปเมื่อมองดูเสื้อผ้าที่เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซื้อมาให้
"อะไรกันเนี่ย!!!" มัลฟอยขว้างเสื้อผ้าลงบนเตียงอย่างแรง เขากลายเป็นตัวตลกให้เฮอร์ไมโอนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เสื้อผ้าที่เธอซื้อให้ มันเป็นของเด็กใส่กันทั้งนั้น
"........." มัลฟอยนึกได้ เขาก้มลงมองร่างกายตัวเองอย่างถอดใจ เขาลืมไปชั่วขณะหนึ่ง ว่า เขามันกลายเป็นเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบไปแล้ว
มัลฟอยจึงค่อยๆ เอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าที่ขว้างไปเมื่อครู่นี้ขึ้นมาใส่อย่างถอดถอนใจในชะตากรรม
เมื่อแต่งตัวเสร็จ มัลฟอยเปิดประตูออกมาจากห้องที่พัก เขาเดินลงบันไดชั้น 3 เพื่อลงไปยังห้องชั้น 2 ที่ใช้สำหรับทดลองสิ่งต่างๆ
เมื่อ มัลฟอยเดินเข้ามา เฮอร์ไมโอนีที่นั่งรออยู่ที่โซฟาถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เพราะภาพอยู่ตรงหน้าเธอ มันทำให้เธอพอใจมาก มัลฟอยน่ารักมากจริงๆ เธอไม่คิดว่า เขาจะกลายเป็น
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักแบบนี้ได้ และชุดที่เธอเลือกให้เขาเอง ก็เหมาะกับเขามาก มัลฟอยในชุดเอี้ยมยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อกันหนาวมีฮูทสีขาว แถมด้วยชุดเอื้อมก็มีลายหมีปักที่อกอีกด้วย
เฮอร์ไมโอนีหัวเราะอย่างพึงพอใจ ไม