เรามารู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กันเถอะ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ A (H1N1) 2009 กำลังระบาดไปทั่วโลกกว่า 74 ประเทศ ส่อเค้าว่าจะไม่ยอมเลิกรากันไปง่ายๆ แม้ว่าจะระบาดอย่าง ไฟลามทุ่ง แต่ก็ยังมิได้สำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นว่าเป็นไข้หวัดใหญ่เพชฌฆาตหฤโหดแต่อย่างใด
ส่วนไวรัสสายพันธุ์นี้จะทวีความร้ายแรงจากระดับ แมว อย่างที่อาละวาดอยู่ขณะนี้ สู่ระดับ เสือ หรือไม่ นั้น ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือในการป้องกัน และรักษาพยาบาลภายใต้การนำของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ หากปล่อยให้ระบาดอยู่นานและกว้างขวางเกินไป ไวรัสนี้มีสิทธิ์กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่อีกชุดหนึ่ง ซึ่งอาจมีความร้ายแรงสูงยิ่งขึ้นไปอีก ต้านยาได้ดียิ่งขึ้น และทำให้วัคซีนที่กำลังเร่งผลิตอยู่ต้องกลายเป็นยาล้าสมัยไป
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 องค์การอนามัยโลกได้ปรับยกระดับความรุนแรงของการระบาดไข้หวัดใหญ่ A (H1N1) 2009 จากระดับ 5 สู่ระดับ 6 ให้เป็น โรคระบาดระดับโลก (pandemic) นับจากวันที่ 24 เมษายน ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ได้มีการระบาดเข้าไปใน 74 ประเทศ มีผู้ล้มป่วยทั้งสิ้น 44,287 ราย ตาย 180 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุดขณะนี้ได้แก่สหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วย 17,855 ราย ตาย 44 ราย
โดยที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ ผู้เชี่ยวชาญยังไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนเกี่ยวกับลักษณะการระบาด แต่เข้าใจว่าคล้ายคลึงกันกับไข้หวัดใหญ่สามัญ คาดว่าเชื้อไวรัสตัวนี้สามารถมีชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมนอกตัวผู้ป่วยได้นานถึง 2 ชั่วโมง ส่งผลให้ (1) ไวรัสเกาะติดได้นานกับเงินทอน คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ตู้เอทีเอ็มถอนฝากเงิน โทรศัพท์สาธารณะ วัตถุสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้ป่วยได้จับต้องไว้ ฯลฯ เราจึงต้องฝึกฝนตัวเองให้มีนิสัยหมั่นล้างมือด้วยน้ำสะอาดกับสบู่หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และพยายามอย่าให้มือสัมผัสถูกใบหน้าตัวเอง (2) ไวรัสเกาะติดในละอองอากาศรอบผู้ป่วย เราจึงต้องระวังไม่หายใจอยู่ใกล้ชิดเกินไปกับผู้ป่วย ใช้หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพเพื่อความไม่ประมาท และทำการกำจัดสิ่งขับถ่ายทั้งหลายของผู้ป่วยด้วยความระมัดระวังรอบคอบ
ผู้ติดโรคอาจเริ่มแพร่กระจายเชื้อไวรัสตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเชื้อก่อนจะแสดงอาการใดๆ จนกระทั่งอาการหายไป โดยมีระยะแพร่เชื้อจากวันแรกก่อนแสดงอาการจนถึง 7 วันต่อจากวันเริ่มแสดงอาการ เด็กๆ อาจแพร่เชื้อได้นานถึง 10 วันติดต่อกัน
เด็กอายุอ่อนกว่า 5 ขวบ ติดเชื้อได้ง่ายกว่าเด็กโต ทารกอายุอ่อนกว่า 2 ปีที่ติดเชื้อจะต้องรีบรับการรักษาพยาบาลอย่างถูกต้องโดยด่วนที่สุด เด็กๆ มักแสดงอาการป่วยเล็กน้อยในขณะที่ร่างกายกำลังต่อต้านซ่อมบำรุงอย่างเต็มที่ แต่หากเยียวยาไม่ทันกาล ไม่ถูกต้อง หรือไม่พอเพียง เด็กจะอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วกว่าผู้ใหญ่มาก และอาจถึงตายได้อย่าวรวดเร็ว ฉะนั้น เด็กจะต้องรับการดูแลรักษาจากแพทย์พยาบาลเป็นอันดับเร่งด่วนที่สุด
ข้อพึงระวังเป็นพิเศษในกรณีของเด็ก คือ ห้ามใช้ยาแอสไพรินหรือยาที่มีส่วนผสมแอสไพรินกับเด็กที่ติดหรือสงสัยว่าติตเชื้อไวรัสนี้ ตั้งแต่วัยรุ่นลงไปถึงเด็กเล็ก เพราะอาจทำให้สมองและตับบวม มีอาการไข้สูง อาเจียนรุนแรง มึนงง และบางทีหยุดหายใจไปเลย (Reye syndrome) แต่ให้ใช้ยาลดไข้ประเภทอื่นอย่าง อาเซตามิโนเฟนหรือยาแก้อักเสบปลอดสารสเตอรอยด์ อย่างไรก็ดี ปรึกษากับแพทย์เสมอก่อนให้หรือไม่ให้ยาใดๆ แก่เด็ก ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปสามารถติดโรคนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่วัยอื่น โดยเฉพาะผู้มีโรคเรื้อรังทางปอด (รวมทั้งโรคหืด) หัวใจ (ยกเว้นความดันโลหิตสูง) ตับ ไต (รวมทั้งโรคเบาหวาน) เม็ดเลือด ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ ระบบย่อยอาหาร โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ รวมทั้งผู้หญิงตั้งครรภ์ วัยรุ่นอายุน้อยกว่า 19 ปีที่กำลังรับการเยียวยาด้วยแอสไพรินระยะยาวนาน ผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านพักคนชราภาพ ตลอดจนผู้ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แพทย์หญิงมากาเร็ต ชาน แสดงความห่วงใยต่อการระบาดในประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะอาจมีภาวะแวดล้อมที่ไม่พร้อมอย่างในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในแง่ของการมีทรัพยากรจำกัด การรักษาพยาบาลที่ขาดแคลน และปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่มีดาษดื่นอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าตัวไวรัสจะยังไม่ได้แสดงพิษสงร้ายแรงนัก องค์การฯ ก็ได้จัดส่งอุปกรณ์ตรวจสอบไวรัส หน้ากากอนามัย ถุงมือสำหรับแพทย์พยาบาล รวมทั้งยารักษาไปให้ผู้ป่วยใน 131 ประเทศแล้ว
ข้อพึงระวังได้แก่ การดื้อยา ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการเยียวยาอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะหากใช้ยาที่ด้อยคุณภาพ ยาใกล้หมดอายุ ยาหมดอายุ ยาปลอม หรือยาผิดประเภทบางอย่าง (ยาหมอตี๋หรือหมอเดา) และจากการที่ประชาชนขาดโภชนาการ มีโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งวัณโรคปอด ซึ่งอาจเลวร้ายรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อถูกไวรัสนี้ซ้ำเติม
สำหรับเมืองไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ปัญหาที่น่าห่วงใยได้แก่ การขายอาหารสำเร็จรูปตามทางเท้าริมถนนและตลาดทั่วไป พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยเหล่านี้มักอยู่ในสภาพอ่อนเพลียอิดโรยจากการตื่นเช้าตรู่กับนอนดึก อีกทั้ง ตรากตรำอยู่กลางแจ้งติดต่อกันยาวนาน เมื่อนอนหลับพักผ่อนไม่พอเพียง ภูมิคุ้มกันจะไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ส่งผลให้สามารถติดเชื้อไวรัสได้ง่าย โดยเฉพาะจากผู้ป่วย ซึ่งเป็นลูกค้าหรือผู้สัญจรไปมาที่แออัดหนาแน่นอยู่บนทางเดินแคบๆ หน้าแผงลอย หากอาหารไม่ได้รับการปกปิดห่อหุ้มไว้อย่างเหมาะสม การแพร่กระจายเชื้อไวรัสจะยิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย สำหรับต่างจังหวัด สังเกตได้ว่า ชาวชนบทหลายแห่งยังขาดน้ำสะอาด รวมทั้งความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการป้องกันรักษาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อยู่มาก
ในการนี้ ภาคธุรกิจเอกชนน่าจะพิจารณาช่วยอนุเคราะห์ตีพิมพ์เผยแพร่ความรู้ดังกล่าวต่อชุมชน เป็นการทำคุณต่อสังคมด้วยความรับผิดชอบ หากขาดเงินทุนอุดหนุน ก็น่าจะตัดทอนการโฆษณาอย่างบ้าเลือดทางโทรทัศน์ออกเสียบ้าง เช่น ตัดแผ่นป้ายโฆษณาที่ติดห้อยอยู่ตรงท่อนล่างของจอทีวีหรือห้อยอยู่บนศีรษะผู้อ่านข่าวหรือโฆษกทีวี เป็นต้น แผ่นป้ายเหล่านี้ก่อให้เกิดภาพรกตาต่อผู้ชมทีวี และส่อให้เห็นการขาดจรรยาบรรณในการโฆษณาอย่างน่าละอายที่สุด ไม่ได้ให้เกียรติกับผู้ชมทีวีแม้แต่น้อย จริงๆ แล้ว ผู้ชมไม่สามารถรับรู้ได้ว่าแผ่นป้ายเหล่านี้มีความหมายอะไร เพราะมัวแต่พยายามตั้งใจจดจ่ออยู่กับข่าว หรือรายการบนจอทีวีที่รกสายตาน่ารำคาญยิ่ง
เมื่อเกิดการระบาดอย่างกว้างขวางแบบ ไฟลามทุ่ง ดังกล่าว ที่น่าห่วงใยได้แก่ผลกระทบต่อการบริการทางการแพทย์พยาบาลของรัฐและภาคเอกชน การมีน้ำประปาสะอาดใช้ การขจัดขยะมูลฝอยตรงเวลา การส่งป้อนพลังงานสม่ำเสมอ และการขนส่งคมนาคมตามปกติ เนื่องจากผู้ให้บริการเหล่านี้อาจล้มป่วย หรือลาหยุดงานติดต่อกันหลายวัน เพื่อดูแลผู้อื่นที่ติดเชื้อ ก่อให้เกิดการขาดบริการดังกล่าวอย่างรุนแรงต่อชุมชน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคติดต่ออย่างอื่นเพิ่มเติมได้อีก
อนึ่ง โรงพยาบาลเอกชนจักต้องให้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลของรัฐ ในการรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำศัลยกรรมที่จำเป็น และฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคอื่นจากโรงพยาบาลอื่นๆ
ในด้านการป้องกัน วัคซีนสำหรับไวรัสตัวนี้กำลังอยู่ระหว่างการผลิตอย่างเร่งรีบ แต่อาจล่าช้าไปบ้าง เพราะไวรัส A (H1N1) 2009 เติบโตในไข่ไก่ช้ากว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สามัญมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเพาะเลี้ยงไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้นานมาก ยิ่งกว่านั้น การทดสอบขั้นต้นพบว่า จะต้องใช้ตัวไวรัสที่ผ่านกระบวนการฆ่าตายแล้วเป็นจำนวนมากกว่าปกติในการผลิต ส่งผลให้วัคซีนต้องล่าช้าออกไปอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าวัคซีนดังกล่าวจะมีพร้อมในราวเดือนกันยายนปีนี้ แต่ในจำนวนจำกัด
แพทย์หญิงชาน ผู้อำนวยการฯ แสดงความห่วงใยไว้ว่า ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า เราจะแจกจ่ายวัคซีน (จำนวนจำกัด) อย่างไร ใครควรได้รับก่อนหลัง กลุ่มใดควรได้รับก่อนหลัง ในแต่ละประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลทั้งหลายได้วางแผนล่วงหน้า ป้องกันมิให้มีการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสโดยบุคคลหน้าเลือดบางคน และป้องกันมิให้เกิดการจลาจล ความจริงมีอยู่ว่า เมื่อยังไม่เห็นโลงศพก็ยังไม่มีใครหลั่งน้ำตา
ผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ นอวาร์ตีส (Novartis) ประกาศว่า โรงงานของตนสามารถผลิตวัคซีนระลอกแรกได้ก่อนเวลาที่คาดหมายไว้ โดยใช้กรรมวิธีใหม่ที่สามารถตัดระยะเวลาการผลิตออกไปได้มาก มีแผนงานนำวัคซีนออกทดลองใช้ในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยการจำหน่ายในราคาลดพิเศษให้กับบรรดาประเทศกำลังพัฒนา คือ จะไม่ให้เปล่า โดยอ้างว่าหากต้องการให้มีความยั่งยืนในการผลิตวัคซีน ก็จำต้องมีการจูงใจทางการเงิน ทั้งนี้ เป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับที่พญ.ชาน ผู้อำนวยการองค์การฯ ได้ขอร้องไว้กับบรรดาผู้ผลิตวัคซีนว่า ขอให้ร่วมมือกันอย่างแข็งขันในการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชนผู้ยากจนขาดทุนทรัพย์
ในขณะเดียวกัน โรงงานผลิตวัคซีนยักษ์ใหญ่อีกแห่งหนึ่ง แกล็ซโซสมิธไคลน์ (GlaxoSmithKline) ได้สัญญาที่จะแจกจ่ายวัคซีนจำนวน 50 ล้านขวดให้กับผู้ยากจน อีกทั้งโรงงานผลิตรายย่อยในบางประเทศที่กำลังพัฒนาก็ได้แสดงความจำนงที่จะตัดยอดปริมาณการผลิตออกร้อยละ 10 สำหรับแจกจ่ายฟรีให้กับผู้ขาดทุนทรัพย์ ดูๆ แล้วก็น่าอนุโมทนาในความมีเมตตาจิตของโรงงานดังกล่าว
เมืองพุทธอย่างเมืองไทยจะมีผู้ร่ำรวยมหาศาลที่มีเมตตาจิตอย่างโรงงานดังกล่าวบ้างไหมหนอ? หากมี จะอนุเคราะห์ซื้อวัคซีนและยาสำหรับแจกจ่ายฟรีให้ประชาชนชาวไทยผู้ยากจนได้สักเท่าใด โดยไม่มีการหาเสียง?
รัฐบาลไทยพร้อมหรือยังที่จะเผชิญกับวิกฤติระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ A (H1N1) 2009? ได้มีการกำหนดข้อพึงปฏิบัติต่างๆ ของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องหรือยัง? มีการทดสอบซักซ้อมการประสานงานภาคปฏิบัติในทุกระดับหรือยัง? นักการเมืองฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพอจะรู้จักกาลเทศะบ้างไหมที่จะหยุดทำร้ายเมืองไทย และร่วมมือกับรัฐบาลทำดีต่อประชาชนอย่างแท้จริงสักครั้ง?
หากไม่อยากติดไวรัสโด่งดังระดับโลกตัวนี้ เราจะต้องช่วยกันออกแรงออกทุนทรัพย์ตามอัตภาพ ในการป้องกันดูแลผู้อื่นให้อยู่รอดปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ A (H1N1) 2009 ผลแห่งกรรมดีนี้ ก็จะหวนกลับมาสนองเราให้อยู่รอดปลอดภัยเช่นกัน โปรดอย่าลืมว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย.
ขอขอบคุณแหล่งข่าวข้อมูลต่อไปนี้
http://www.who.int/en/http://cdc.gov/H1N1flu/คุณ : ธนรัตน์ ยงวานิชจิต
แหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์
บอกได้คำเดียวว่า กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ ปิดปากเวลาไอจามจ้า