ยุคนิวเคลียร์ เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2488 เมื่อสหรัฐอเมริกาทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกใกล้เมืองอาลาโมกอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก
และไม่กี่ปีต่อมาใน พ.ศ. 2496 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ เปิดตัวโครงการ "ปรมาณูเพื่อสันติภาพ" (Atoms for Peace) ที่องค์การสหประชาชาติ
ท่ามกลางกระแสการสนับสนุนพลังงานปรมาณูที่โหมกระหน่ำ แต่ก็เหมือนกับที่เรารู้คือทุกอย่างที่เป็นนิวเคลียร์ ไม่ก่อให้เกิด "สันติภาพ"
มากกว่าครึ่งศตวรรษหลังการปราศรัยของไอเซนฮาวร์ โลกเป็นสถานที่ทิ้งกากนิวเคลียร์มาหลายยุคหลายสมัย ช่วงเวลาอันยาวนานนี้ทำให้ผู้คนเริ่มรับรู้
ถึงความหมายที่แท้จริงของมัน ทุกอย่างกำลังเคลื่อนช้าๆ ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องในเดือนพฤศจิกายน 2543 โลกตระหนักรู้ว่าพลังงานนิวเคลียร์
เป็นเทคโนโลยีที่สกปรก อันตราย และไม่จำเป็น โดยได้ปฏิเสธว่าเป็นเครื่องมือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในการเจรจาเรื่องภาวะโลกร้อนของสหประชาชาติ
ในเมืองฮ๊าก เนเธอแลนด์ ในเดือนเมษายน 2544 พลังงานนิวเคลียร์ถูกแรงซัดต่อไปอีก เมื่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ปฏิเสธที่จะระบุว่านิวเคลียร์เป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนภัยเสี่ยงต่างๆ จากพลังงานนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เป็นของคู่กันเสมอ และคงอยู่ยาวนาน
ความปลอดภัยในโลกนี้ไม่มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใดที่ปลอดภัย เครื่องปฏิกรณ์ทุกเครื่องมีข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยเป็นของคู่กัน ซึ่งไม่สามารถกำจัดไปได้โดยการเพิ่มคุณภาพความปลอดภัยเชื้อเพลิงที่เป็นกัมมันตภาพรังสีสูงต้องใช้ระบบทำความเย็นตลอดเวลา ซึ่งหากผิดพลาดอาจนำไปสู่หายนะจากการปล่อยสารกัมมันตภาพรังสี
นอกจากนี้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยังมีความเสี่ยงสูงต่อการนำไปใช้ก่อวินาศกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งรวมถึงการก่อการร้าย
กากนิวเคลียร์ตั้งต่อวินาทีแรกที่มีการทำเหมืองแร่ยูเรเนียม จะเกิดการผลิตกากนิวเคลียร์ในปริมาณมหาศาล ไม่มีวิธีที่ปลอดภัยและปราศจากความเสี่ยง
สำหรับการจัดเก็บกากนิวเคลียร์ ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีวิธีแก้ปัญหากากนิวเคลียร์ในปริมาณสูง ที่มีเป็นกัมมันตภาพรังสีเป็นเวลาหลายแสนปี
ทางเลือกที่สร้างความเสียหายน้อยที่สุดในปัจจุบันก็คือการจัดเก็บกากนิวเคลียร์ไว้เหนือพื้นดินในที่จัดเก็บที่แห้ง ณ แหล่งกำเนิดกากนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้มีปัญหาที่สำคัญหลายข้อ และมีภัยคุกคามดังที่กล่าวมา
การเพิ่มอย่างรวดเร็วของอาวุธนิวเคลียร์การมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองของสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และ จีน กระตุ้นให้เทคโนโลยีและวัสดุนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทุกๆ รัฐที่มีความสามารถในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ มีวิธีการที่จะจัดหาวัสดุนิวเคลียร์ที่ใช้ได้กับอาวุธนิวเคลียร์ นี่หมายความว่าประเทศที่มีพลังงานนิวเคลียร์
44 ประเทศ สามารถกลายเป็นประเทศติดอาวุธนิวเคลียร์ 44 ประเทศ หลายประเทศที่มีโครงการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อการค้าที่ปฏิบัติการอยู่
ได้เริ่มการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ ได้แก่ การผลิตไฟฟ้า และเพื่อเป็นทางเลือกในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้
โครงการนิวเคลียร์ที่มีพื้นฐานบนการแปรรูปแร่พลูโตเนียมซ้ำจากเชื้อเพลิงใช้แล้ว ได้เพิ่มความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอาวุธนิวเคลียร์
เนื่องจากการสร้างพลูโตเนียมเพิ่มขึ้นทำให้เกิดกากนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่วัสดุที่เพิ่มขึ้นสำหรับการสร้างระเบิดสกปรก
เเละถ้ามีโรงงานนิวเคลียร์มากกว่ารูปข้างใต้จะเกิดสิ่งใดขึ้น
ที่มา กรีนพีช