หลายคนคงคุ้น คงเคย ได้ยิน ชื่อนี้มาบ้างแล้ว
วันนั้นตัวผมนั่งดูรายการ รายการ หนึ่ง
พี่อลัน เบท ให้ สัมภาษณ์เกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อ ในหลวง ต่อ ประเทศไทย ได้ โดน มาก ๆ
ผมเลยชื่นชอบ และอย่างให้ เพื่อน ๆ ได้รู้จักคน คนนี้กัน
อลัน เบทอลัน เบท 29,500 กม. ประกาศให้โลกรู้ว่า ..ผมรักในหลวงอลัน เบท ขอปั่นรอบโลกเพื่อในหลวงของคนไทย โดยใช้ระยะทาง29,500 กิโลเมตรผ่าน 20 ประเทศ
การปั่นจักรยานเพื่อพิชิตสถิติโลกของ อลัน เบท นักขี่จักรยานมืออาชีพชาวอังกฤษที่มีความรักเมืองไทยคนนี้ เขาไม่ได้ต้องการสร้างชื่อในฐานะชาวอังกฤษ แต่อยากสร้างชื่อในฐานะนักปั่นที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย
เขาต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อในหลวง เพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อประชาชนชาวไทย
ช่วงแรกที่อลันเดินทางเข้ามาเมืองไทยเมื่อปี 2005 เขาก็ไม่ต่างจากชาวต่างชาติทั่วไป เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินรอบโลก เพื่อมาขี่จักรยานท่องเที่ยวไปประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทย ฯลฯ
อลันขี่จักรยานผ่านหลายประเทศ จนมาถึงเมืองเล็กๆ ที่เชียงของ เขาตั้งใจจะเข้าแข่งขัน แต่ระหว่างการฝึกซ้อมเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานตกเหว จึงต้องพักรักษาตัว และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งน้ำใจคนไทยที่ให้การช่วยเหลือ จึงปักหลักอยู่เชียงของ มีภรรยาคนไทยและลูกชายตัวเล็กๆ หนึ่งคน
เขาเช่าบ้านหลังเล็กๆ ในเชียงของทำพิพิธภัณฑ์จักรยาน 'เดอะฮับ' โดยรวบรวมจักรยานเสือหมอบ และจักรยานโบราณไว้จำนวนมาก เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนไทยที่สนใจจักรยาน เขามีเวลาสอนเทคนิคการขี่จักรยานให้เด็กๆ ในเชียงของ ซึ่งเป็นความตั้งใจหนึ่งที่อลันจะทำต่อไปเรื่อยๆ
ในวันที่ 31 มีนาคมนี้อลันจะเริ่มขี่จักรยานรอบโลกด้วยระยะทาง 29,500 กิโลเมตรในช่วงเวลา 165 วัน โดยเริ่มออกเดินทางที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ ออกมาเลเซีย สิงคโปร์ เข้าออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา แคนาดา อาร์เจนตินา ....และกลับเข้าไทยทางอ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งระยะทางที่เขาตั้งไว้สองหมื่นกว่ากิโลเมตรคือ เส้นทางการขี่จักรยานล้วนๆ ไม่รวมการเดินทางโดยรถยนต์และเครื่องบิน
การขี่จักรยานผ่าน 20 ประเทศด้วยระยะทางกว่าสองหมื่นกิโลเมตรในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา เขาฝึกซ้อมมานานกว่าสองปี ครั้งนี้บริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น สนับสนุนการเดินทาง โดยไม่ได้มองประเด็นว่า เขาจะทำลายสถิติได้หรือไม่ แต่มองที่คุณค่าและความตั้งใจของนักขี่จักรยานคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาพยายามหาบริษัทเพื่อสนับสนุนการเดินทาง แต่ถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า เขาอายุมากไปที่จะขี่จักรยานรอบโลก ผู้บริหารหลายแห่งไม่เชื่อว่าคนอายุ 45 ปีจะทำอย่างนี้ได้
เขามีแรงบันดาลใจมากมายในการขี่จักรยานรอบโลกเพื่อในหลวง ทั้งๆ ที่บางเส้นทางยากต่อการขี่จักรยาน แต่อลันก็มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะผ่านประสบการณ์การขี่จักรยานมาหลายสนาม ในอดีตเคยขี่จักรยานให้ทีมชาติอังกฤษได้รางวัลมากมาย
อลันเคยปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติในวันเฉลิมพระเกียรติสามครั้งด้วยกัน ทุกครั้งเริ่มเดินทางในวันที่ 5 ธันวาคมและเป็นการขี่โดยไม่หยุดพัก ครั้งแรกจากเชียงใหม่-กรุงเทพ ใช้เวลา 26 ชั่วโมง 4 นาที ครั้งที่สอง จากภูเก็ต-กรุงเทพ ใช้เวลา 29 ชั่วโมง 15 นาที และครั้งที่สามจากเชียงของ-เชียงราย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 42 นาที
ส่วนความตั้งใจในการขี่จักรยานเพื่อในหลวง เขาบอกว่า อยากให้คนรู้จักประเทศไทย ซึ่งการทำแบบนี้เป็นความพยายามของคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง
"ผมอยากทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และพิเศษเท่าที่จะทำได้ ผมทำสิ่งที่เชื่อมั่นว่า ดีที่สุดเพื่อตอบแทนแผ่นดินไทย ผมรู้สึกประทับใจภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของในหลวง พระองค์ท่านทรงเก็บสุนัขข้างถนนมาเลี้ยง ถ้าเป็นคนมีเงิน คงหาสุนัขพันธุ์ดี ราคาแพงมาเลี้ยง ผมได้ศึกษาโครงการพระราชดำริและนำมาปรับใช้กับชีวิต
อลันเป็นมังสวิรัติตั้งแต่อายุ 22 ปี เขาไม่อยากทานเนื้อสัตว์ เพราะเห็นสัตว์ในฟาร์มถูกฆ่า จึงรู้สึกสงสาร แม้การขี่จักรยานจะต้องใช้พลังงานจำนวนมาก แต่การไม่ทานเนื้อสัตว์ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขา
หากถามถึงความผูกพันกับจักรยาน อลันบอกว่า ก่อนหน้านี้เป็นนักรักบี้ แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของร้านจักรยานข้างบ้านที่อังกฤษชวนไปขี่จักรยานขึ้นไปบนภูเขา ตอนนั้นมีกลุ่มนักขี่จักรยานสวนทางมา เสียงโซ่จักรยานและลมหายใจของนักขี่จักรยาน ทำให้เขาบอกกับตัวเองว่า จักรยานคือ ชีวิตของเขา
ตอนอายุ 13 ปี ผมเลิกเล่นรักบี้มาขี่จักรยาน ครอบครัวผมโกรธมาก ไม่พูดด้วยเกือบปี จนผมเข้าแข่งขันขี่จักรยานและประสบความสำเร็จ พ่อก็ยกโทษให้ อลันเล่าถึงความประทับใจในวัยเด็ก และต่อมาเขาใช้กีฬาการขี่จักรยานหาเลี้ยงครอบครัว
อลันบอกว่า ถ้าทำลายสถิติโลกสำเร็จ ต่อไปจะผลักดันเยาวชนไทยให้เป็นนักกีฬา อยากให้เมืองไทยมีนักขี่จักรยานที่มีชื่อเสียง ตอนนี้มีเด็กเชียงของที่ฝึกสอนให้หลายคน อยากส่งเสริมให้พวกเขาออกไปแข่งขันในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์
ไม่ว่านักกีฬาไทยหรือต่างชาติ ต่างมีสองแขนสองมือเหมือนกัน สิ่งที่ทำให้นักกีฬาต่างชาติเก่งกว่า เพราะสื่อทำให้คนรู้จักและทำให้พวกเขามีมูลค่าและความเป็นอยู่ที่ดี มีผู้สนับสนุนการเงิน น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญนักกีฬา พวกเขาไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ "
นอกจากนี้อลันยังบอกว่า สิ่งที่เขาทำจะเป็นของขวัญให้คนไทย เพราะเขาอยากเป็นคนไทย มีสัญชาติไทย
วันที่ผมขี่จักรยานกลับเข้ามาเมืองไทย ถ้าผมรู้ว่าได้สัญชาติไทย ก็คงดี โลกจะได้บันทึกไว้ว่า ผมเป็นคนไทยที่ขี่จักรยานรอบโลกและทำลายสถิติ หากถามว่า ทำไมผมชอบขี่จักรยาน ทุกครั้งที่นั่งอยู่บนอาน ผมรู้สึกว่าชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ และการขี่จักรยานเป็นกีฬาที่สร้างมิตรภาพ ตลอดเส้นทางที่ขี่จะนำพาเพื่อนใหม่มาให้ชีวิตเรา
เขาบอกว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่ได้สัมผัสผืนดินและธรรมชาติอันงดงาม ก็มีความสุขแล้ว
บางคนบอกว่า ผมอายุมากไปหรือเปล่าที่จะทำลายสถิติการขี่จักรยานแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นข้อเปรียบที่ผมอายุมาก แสดงว่าเรียนรู้มาเยอะ
การปั่นจักรยานรอบโลกครั้งนี้เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับอลัน ตลอดสองปีเขาใช้เวลาฝึกซ้อมสัปดาห์ละกว่า 30 ชั่วโมง จนน้ำหนักลดเหลือ 68 กิโลกรัม และรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เขาตรวจเช็คร่างกายและพบว่า ปอดมีขนาดใหญ่กว่าคนปกติ ต้องใช้ออกซิเจนมากกว่าคนปกติคือ 40 ลิตรต่อนาที และอัตราการเต้นหัวใจต่ำมาก 38 ครั้งต่อนาที คนปกติอัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 72 ครั้งต่อนาที
ไม่ว่าอลันจะเตรียมตัวอย่างไร แต่เขายังรู้สึกหวั่นไหวตลอดเวลา อลันบอกว่า นับจากวันแรกที่เริ่มปั่น ไม่ว่าจะตกเครื่องบิน หรือเกิดปัญหาใดก็ตาม เวลาก็จะถูกบันทึกไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงต้องขี่จักรยานให้ได้มากที่สุด
การขี่จักรยานครั้งนี้ เขาบอกว่า หนทางยาวไกลมาก จึงไม่อยากคิดเรื่องเส้นทาง
ผมต้องศึกษาข้อมูลเรื่องความปลอดภัย เพราะบางประเทศอาจเกิดอันตรายกับผมได้ จักรยานที่ผมขี่ ต้องทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะกับร่างกาย
ทั้งหมด คือเรื่องราวของนักปั่นจักรยานชาวอังกฤษที่อยากเป็นคนไทย เขาบอกว่า ลูกชายที่เกิดมา แม้จะได้ทั้งสองสัญชาติ แต่จะใช้สัญชาติไทยอย่างเดียว
เพราะผมรักเมืองไทย และรักในหลวง
ขอบคุณบทความจาก :
http://www.baanmaha.com/community/thread32217.htmlอ่านแล้ว ซึ้ง ขนาด คนไทย แท้ ๆ บางคน ยังไม่รักในหลวง รัก ประเทศไทย เลย ผมรักในตัวพี่จริง ๆ เลย ผ่านมาแถวนี้ ขอ โดดกอด จัง ๆ สักที
สู้ สู้ อลัน เบท !!!