เมื่อวานนี้ ผมมีโอกาสได้ขึ้นลิฟท์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านสยามพารากอน
(ไม่ค่อยเจาะจงเลยเนอะ ย่านสยามพารากอนเนี่ย)
ขณะที่ผู้โดยสารทุกคนยืนอยู่ในลิฟท์ด้วยความสงบ
ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้ไม่ประสงค์จะออกนามดังขึ้น
ปุ๋ง!!
เป็นเสียงที่ทำลายบรรยากาศในลิฟท์มากๆ
แต่แค่เสียง "ปุ๋ง" ผมยังไม่ค่อยเครียดเท่าไร
แต่สิ่งที่ตามเสียงมานี่สิครับ
คือมันมี "กลิ่น" ตามมาด้วยไง
แทบอยากจะออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเลยทีเดียว
ตอนนั้นในลิฟท์มีคนอยู่ประมาณ 5-6 คน
ผมค่อยๆเงยหน้ามองพวก "มัน" ทีละคน ว่าใครนะที่เป็นเจ้าของ กลิ่น+เสียง นี้
ตอนนั้นผมอยากจะทำเสียงหล่อๆ แล้วพูดแบบคินดะอิจิ เวลากำลังจะไขฆาตกรรมปริศนาว่า "คนร้าย อยู่ในกลุ่มพวกเรานี้แหละ (ผมเอาชื่อหยี่โกวผมเป็นเดิมพันเลย)"
คินดะอิจิเจอฆาตกรรมในห้องปิดตาย
แต่ไอ้อุ๊ยเจอวิบากกรรมในลิฟท์ปิดตาย
ตอนนั้นผมเหมือนกำลังปฏิบัติสมาธิ กลั้นลมหายใจ พยายามกำหนดลมหายใจเข้า ออก เข้า ออกช้า ๆ
ยุบหนอ พองหนอ
พอลิฟท์เปิดปุ๊บ เหมือนเห็นแสงสว่างจากประตูสวรรค์ ผมรีบลงทันทีโดยไม่สนใจว่าตอนนั้นอยู่ที่ชั้นไหน
ตอนแรกผมตั้งใจจะขึ้นไปชั้นโรงหนัง แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไปเลยครับ
เหี้ยจริง ๆ อ่ะ
ขณะที่ผมกำลังอยู่บนบันไดเลื่อน (เจออย่างผมคงหมดอารมณ์ขึ้นลิฟท์เหมือนกันแหละ)
จิตใจอันว้าวุ่นสับสนของผมเริ่มสงบลง
ผมพยายามไม่โกรธอาชญากรที่ปล่อยแก๊สบนลิฟท์คนนั้น
แล้วก็เริ่มคิดได้ว่า "ตด" เป็นเรื่องธรรมชาติ
2 สิ่งที่มนุษย์ห้ามไม่ได้ นั่นก็คือ "ตด" กับ "ความรัก" (วนมาเสี่ยว เลี้ยวมาลาว)
ยิ่งอั้น ยิ่งกลั้น ยิ่งฝืน..........ยิ่งทรมาน (แล้วสุดท้ายก็ห้ามไม่ได้อีกด้วย)
มีคำถามนึงผุดขึ้นในหัวใจดวงน้อย ๆ ของผม
"ไอ้อุ๊ย แล้วถ้ามึงเป็นคนตดในลิฟท์มั่งล่ะ จะทำยังไง"
หลังจากมีคำถามปุ๊บ ผมก็มีคำตอบปั๊บ
ต่อไปนี้คือ "วิธีเอาตัวรอดเมื่อเผลอตดในลิฟท์" แบบฉบับของนายอุ๊ย เด็กวัดจอมทะเล้น
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อย
เทคนิคที่ 1 นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
ผมว่าทุกคนต้องเคยใช้วิธีนี้มาบ้าง เวลาที่เผลอตดในที่สาธารณะ
อย่ามาปฎิเสธนะครับว่าไม่เคย ผมไม่เชื่อเด็ดขาด
การยืนทำหน้านิ่ง ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเวลามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
เทคนิคนี้ ถ้าจะให้เนียนยิ่งขึ้น ลองเอามือมาอุดจมูกแล้วทำสีหน้ารังเกียจด้วยสิครับ
รับรองว่าไม่มีใครจับได้แน่ ๆ
เทคนิคที่ 2 ชิงจังหวะรุก
คุณครูสอนพละศึกษาเคยกล่าวกับผมไว้ว่า "การรุก คือ การตั้งรับที่ดีที่สุด"
ยิ่งเราชิงจังหวะรุกได้เร็วมากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น
ดังนั้น หลังที่คุณเผลอตดในที่สาธารณะปุ๊บ คุณรีบออกตัวไปก่อนเลยว่า
"ใครตดวะ แม่งโคตรเหม็นเลย"
ยิ่งถ้าคุณพยายามใช้คำพูดด่าประฌามมากเท่าไร เช่น
"เชี่ย เหม็นว่ะ"
"ใครตดวะ แสรด"
"อื้อหือ ตดกลิ่นขนาดนี้ มึงกินขี้เป็นอาหารเหรอ"
"ใครตดวะ ดมเข้าไปนี่ขมคอเลย"
คุณก็จะยิ่งมีโอกาสหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยมากเท่านั้น
การที่คุณด่าประฌามออกมาทันที มันเหมือนกับว่าคุณไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด
คนที่เหลือในลิฟท์ก็จะเริ่มสงสัยกันเองแระ เท่านี้ก็เรียบร้อย
ข้อควรระวัง
คุณควรมั่นใจว่าการตดในคราวนั้นมีเสียงหรือไม่ก็กลิ่นออกมาด้วย
ไม่ใช่ว่าคุณตะโกนอย่างดังว่า "ใครตดวะ โคตรเหม็นเลย"
แต่กลับไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่นใด ๆ ทั้งสิ้น
มันดูร้อนตัวจนน่าเกลียดยังไงก็ไม่รู้ แบบนี้อ่ะ
เหมือนเวลาแฟนคุณโทรมา คุณกลับบอกว่า "ปะ ปะ เปล่า เค้าไม่ได้อยู่กับกิ๊ก"
การออกตัวเร็วจนเกินไปนั้น อาจกลายเป็นว่าคุณรับสารภาพไปโดยปริยาย
เทคนิคที่ 3 โชว์เก๋า
บุคคลที่จะใช้เทคนิคนี้ได้ ต้องมีความเก๋าอยู่ในระดับหนึ่ง
หลังจากที่คุณเผลอปล่อยฟีโรโมนไปแล้ว พอคนข้างๆหันมามองคุณ คุณก็ถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับกล่าวอย่างเปิดเผยออกไปว่า
"กูตดเองแหละ มีปัญหามั้ย"
แต่ถ้าคุณพ่อคุณเป็นผู้มีอิทธิพล คุณอาจเปลี่ยนคำพูดไปพึ่งบารมีพ่อคุณได้ว่า
"กูตดเองแหละ มึงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร"
แต่การใช้เทคนิคนี้ คุณต้องดูด้วยว่า
1. คุณมีความเก๋าพอตัวมั้ย
2. คนที่อยู่ในลิฟท์มีทางสู้รึเปล่า
3. พ่อคุณมีอิทธิพลจริงๆรึเปล่า
ไม่ใช่ว่าคุณใส่แว่นหนาเตอะกับกางเกงเป้าสูงซะเนิร์ดเชียว เสือกไปบอกพี่แกงค์โรงเรียนช่างกลข้าง ๆ ว่า
"กูตดเองแหละ มึงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร"
พี่ ๆ ช่างกลถามกลับมาว่า
"แล้วมึงลูกใคร"
"เม้ง"
"เม้งไหนวะ"
การใช้เทคนิคนี้ไม่ถูกกาลเทศะ คุณอาจโดนกระทืบได้โดยไม่รู้ตัว
เทคนิคที่ 4 ใช้สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ให้เป็นประโยชน์
เทคนิคการเอาตัวรอดนี้ต้องมีอุปกรณ์เสริมนิดนึง นั่นก็คือ "หน้ากากป้องกันไข้หวัด"
คุณควรจะเตรียมมาซัก 4-5 อัน เผื่อให้พอกับจำนวนคนที่อยู่ในลิฟท์
หลังจากที่คุณปลดปล่อยความเป็นตัวคุณออกไปแล้ว คุณก็รีบหยิบหน้ากากให้กับเพื่อนร่วมลิฟท์ พร้อมกับบอกพวกเขาเหล่านั้นว่า
"ช่วงนี้ไข้หวัดระบาดหนัก ใส่หน้ากากหน่อยก็ดีนะครับ/คะ"
เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครได้กลิ่นตดอันเข้มข้นของคุณแล้ว เพราะมันไม่สามารถออสโมซิสผ่านหน้ากากป้องกันไข้หวัดใหญ่เข้าไปได้
ป้องกันทั้งภาพพจน์ของคุณเอง ป้องกันทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ยิงปืนนัดเดียว ได้นกถึงสองตัวเลยนะเนี่ย
เทคนิคที่ 5 โบ้ยให้บุคคลที่สาม
มีคนเคยสอนผมว่า ถ้าจะโยนความผิด พยายามโยนไปให้คนที่ไม่อยู่ในที่นั้น เพราะมันจะไม่สามารถแก้ตัวใด ๆ ได้
ผมขอดัดแปลงมาใช้ในการเอาตัวรอดเมื่อเผลอตดในลิฟท์ด้วยแล้วกัน
ใช้หลักการเดียวกันครับคือโยนความผิดไปยังบุคคลที่สาม ผู้ที่ไม่สามารถแก้ตัวใด ๆ ได้ทั้งสิ้น
พอมีกลิ่นมิพึงประสงค์เกิดขึ้น
คุณก็ทำหน้ายิ้ม ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมพูดลอย ๆ ขึ้นมาว่า
"พวกแม่บ้านนี่ไม่น่าเอาส้มตำขึ้นมากินบนตึกเลยนะครับ/คะ กลิ่นฟุ้งทั่วลิฟท์เลย คุณว่ามั้ย ฮิๆ"
ถ้าใครหน้าด้านทำวิธีนี้สำเร็จ ผมขอคารวะคุณหนึ่งที
แสดงว่าคุณมีความสามารถในการแสดงละครยอดเยี่ยมมาก น่าจะดันให้ไปเป็นดาราช่อง 7 สี ประชันบทบาทกับน้องแพนเค้ก เขมนิจ (โดยคุณใช้ชื่อในวงการว่าแพนด้า จะได้คล้องกับแพนเค้ก)
ถ้าคุณใช้เทคนิคนี้แล้วเพื่อนร่วมลิฟท์ของคุณเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นกลิ่นของส้มตำพวกแม่บ้าน
คุณเมพมากครับ
เทคนิคที่ 6 พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
ถ้าหากเพื่อนร่วมลิฟท์ของคุณนั้น มีคนที่คุณไม่ชอบหน้า เช่น แฟนใหม่ของแฟนเก่า เพื่อนนิสัยกวนตีน เพื่อนที่เรียนหนังสือเก่งเกินหน้าเกินตา ฯลฯ
ผมว่าเทคนิคนี้เหมาะสมที่สุดครับ
หลักการของเทคนิคนี้เหมือนกับเทคนิคที่แล้วคือต้อง "ใส่ร้าย"
แต่แทนที่จะใส่ร้ายไปยังบุคคลที่สาม เช่น แม่บ้านภารโรง
คุณก็พุ่งเป้าโจมตีไปที่ศัตรูของคุณคนนั้นเลย
ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่กลิ่นเริ่มปรากฎหลักฐานขึ้นมาแล้ว
คุณก็ตะโดนด้วยเสียงอันดังว่า
"ไอ้บอย มึงอย่าตดในลิฟท์สิ เสียมารยาท คนอยู่ตั้งเยอะแยะ"
เอาให้อายกันไปเลย
หรือถ้าคนนั้นกำลังจีบหญิงคนเดียวกับคุณ นี่จะเป็นโอกาสอันดีที่จะ discredit คนผู้นั้น
คิดคำพูดให้แสบ ใส่ไปให้หนัก เอาให้ไม่กล้าสู้หน้าหญิงคนนั้นเลย
ถ้าคุณคิดไม่ออก ผมแนะนำให้ใช้ประโยคนี้ครับ
"เฮ้ย ไอ้บอย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่า เรอ "
เด็ดขาดจริง ๆ ครับ มุกนี้ เชื่อผม
แค่เรอยังกลิ่นขนาดนั้น รับรองว่าไม่มีสาวคนไหนกล้าเข้าใกล้แน่ ๆ
กำจัดคู่แข่งไปได้หนึ่ง
พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจริง ๆ
เทคนิคที่ 7 พริ้วไหวเหนือสายน้ำ
หลังจากที่คุณเผลอตดในลิฟท์
คุณก็กดลิฟท์ชั้นที่ใกล้ที่สุด
แล้วลงจากลิฟท์
ทิ้งให้พวกนั้นเผชิญวิบากกรรมกันเอง
ง่ายที่สุดแล้วครับ ฮ่า ๆ
เทคนิคนี้ใช้ดีมาก ผมคอนเฟิร์ม เย้ย!!
คำเตือน
1. เทคนิคเหล่านี้ ไม่ควรใช้เวลาขึ้นลิฟท์คนเดียว!!
(ตดในลิฟท์คนเดียว เมิงยังจะหลอกตัวเองอีกก็ให้มันรู้ไป)
2. แล้วก็ไม่ควรใช้เวลาขึ้นลิฟท์แค่สองคนด้วย
(ไม่เขาก็เราแหละที่เป็นคนร้าย จะหลอกไปทำไม 55+)
Cradit คุณอุ๊ย!!
http://dekwad.exteen.com/20090720/entry