....ยามลมโชยมาพาจมูกแกว่ง
ลมแรงๆ พาทุกคนกระจุยกระจาย
.
แปลงคำร้อง ทำนองเดิมและลองจินตนาการดูว่า มีอะไรบ้าง
ที่จะทำให้ทุกคนวงแตก หรือเมินหน้าหนีอย่างมีมารยาท
กลิ่นกายแรงฤทธิ์...กลิ่นสยบมิตรต้องผายลม...กลิ่นตรอมตรมลมปาก...เหม็นอย่างอนาถฤา
กลิ่นเท้า...ทั้งหมดนี้นับเป็นอุปสรรคในการกระชับมิตรของทุกคนเป็นแน่ ไม่ว่าต้นทางของ
กลิ่นมาจากไหน สาเหตุมาจากอะไร เราควรดูแลรักษาและเอาใจใส่เรื่องสุขภาพอย่างไม่
ขาดตกบกพร่อง เพราะสิ่งแรกที่คนอื่นจะมองก็คือรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีและสะอาดอยู่
เสมอ
ทั้งนี้หากมีกลิ่นกายแรงฤทธิ์ คนโบราณมักนิยมให้นำสารส้มเป็นก้อน ๆ มาทาถู ๆ ที่รักแร้
เป็นประจำเพื่อระงับกลิ่น แต่หากอยากให้รักแร้ขาวผุดผ่องก็ต้องใช้มะนาวเป็นตัวช่วย ขณะ
ที่สมัยนี้ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ก็มักหยิบลูกกลิ้งที่กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างโรลออนมาเป็นทางเลือก
อย่างไรก็ดี ทุกคนควรลดอาหารรสจัด งดเครื่องเทศต่างๆ ถ้าชอบทานกระเทียม ก็ต้อง
ลด ๆ ลงบ้าง ทานผลไม้สดที่มีรสออกเปรี้ยวเยอะ ๆ จะเป็นการ detox ลำไส้ไปในตัว
และจะขับกากอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวออกมาด้วย และที่สำคัญ ต้องออกกำลังกาย เพื่อขับ
เหงื่อ และ สิ่งสกปรก ออกจากร่างกาย ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ชำระร่างกายให้สะอาด พักผ่อน
ให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ รับรอง กลิ่นตัว จะค่อย ๆ หายไป
กลิ่นสยบมิตรต้องผายลม...นักโภชนาการหลายท่านต่างให้ข้อมูลในเรื่องของการบริโภค
อาหารมานานว่า หากคนเรารับประทานเนื้อสัตว์มากกว่าผัก หรือทานของฉุนเช่นสะตอ บวก
กับขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา ก็จะทำให้กลิ่นผายลมมันฉุนมากกว่าปกติ
การผายลมหรือการตดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นักวิชาการเคยกล่าวว่าคนเราจะตด
วันละประมาณลูกโป่ง 1 ใบ หากคนที่ตดบ่อยมากจนเกินไปและมีกลิ่นเหม็นให้ตั้งสัณนิษฐาน
ไว้เลยว่าเป็นสัญญาณเตือนภายในร่างกายของเราว่า อาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกาย
ของเรา ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
ส่วนใครที่เคยดูโฆษณายาสีฟันต่างๆ จะเห็นได้ว่ากลิ่นปาก
นั้น กลายเป็นอุปสรรคในการสื่อสารและกระชับมิตรเป็น
อย่างมาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นปากนั่นก็คือ
การแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆและหาก
ต้องการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็พึงระวังกลิ่นเรอ โดย
เฉพาะการรับประทานอาหาร ตามด้วยน้ำอัดลม...ซึ่งเป็นตัว
ที่เร่งเวลาในการเรอให้เร็วขึ้นได้ดีนักแล..
เท้า...จากกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าอะไรก็ตาม ลองสังเกตมั้ย
ว่า กลิ่นตุๆมักจะมาโดยไม่ได้รับเชิญเสมอซึ่งการที่คนเรามีกลิ่นเท้านั้นมีสาเหตุอันเนื่องมาจาก
ใต้เท้าของเรามีต่อมเหงื่อหนาแน่นมากกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย ซึ่งต่อมเหงื่อเหล่านี้จะสร้าง
เหงื่ออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ เพียงตอนที่เรากำลังทำกิจกรรม ความชื้นจากเหงื่อบวกกับเท้า
ที่ต้องอบอยู่ในรองเท้าตลอดวัน ทำให้เป็นสภาพที่เหมาะสมกับการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย
ดังนั้นวิธีดูแลเท้าเพื่อไม่เห็นมีกลิ่นโชยออกมาจนคนข้าง ๆ คนเดินหนีนั้น มีเพียง 6 วิธีที่สยบ
กลิ่นได้อย่างได้ผล เราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ล้างเท้าด้วยสบู่ ควรล้างเท้าด้วยสบู่ทุกครั้ง เพราะน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถดับกลิ่น
ได้ และควรเช็ดให้แห้งก่อนใส่ถุงเท้าและรองเท้า
สวมถุงเท้าที่ทำจากฝ้าย ถุงเท้าที่ทำจากฝ้ายจะสามารถระบายอากาศได้ดีกว่าถุงเท้าไนล่อน
และควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกครั้งที่ใส่ ไม่ควรหมักไว้นะคะ
เปลี่ยนรองเท้า ควรเปลี่ยนรองเท้าบ้าง โดยเฉพาะรองเท้ากีฬา เพราะการที่เราใส่รองเท้าคู่
เดิม ๆ ทุกวันนั้น จะทำให้เกิดกลิ่นอับ ดังนั้นควรนำมันไปผึ่ง หรือตากแดดบ้างก็ดี
รองเท้าระบายกลิ่น รองเท้าที่มีรูระบายก็เปรียบเสมือนเท้ามีจมูกหายใจ แต่ทว่าก่อนใส่รอง
เท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง ควรสวมถุงเท้าก่อนนะคะ
เลือกวัสดุระบายกลิ่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหลีกเลี่ยงกลิ่นเท้าการที่ใส่รองเท้าที่มี
การระบายอากาศได้ดี เช่น มีส้นที่ทำจากยางผสมผงถ่าน ก็จะช่วยระงับกลิ่นได้ค่ะ
สเปรย์ การใช้สเปรย์ระงับกลิ่นเท้าอาจช่วยได้บ้าง รวมถึงการโรยแป้ง เพื่อให้เท้าแห้งและลด
การอับชื้น
ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่หากที่กล่าวมายังไม่สามารถยับยั้ง
กลิ่นได้ ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ก่อนที่เพื่อนจะหายไปทีละคน สองคนเพราะ เจ้ากลิ่นทำลายมิตรภาพเหล่านี้ ค่ะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากโรงพยาบาลนครธน
ที่มา : ผู้ัจัดการ