ผู้เขียน หัวข้อ: 10/11/09 FIC [Draco/Hermione] เรื่อง Bobbery of love [Up!! 030110]  (อ่าน 3691 ครั้ง)

modtanoi1626

  • บุคคลทั่วไป
10/11/09 FIC [Draco/Hermione] เรื่อง Bobbery of love [Up!! 030110]
« เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2009, 03:52:32 pm »
ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 

ในฤดูหนาวที่หิมะตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน รถยนต์ที่
จอดอยู่บริเวณข้างทางต่างถูกกลบด้วยหิมะสีขาว เด็กเล็กๆ ต่างพากันสนุกสนานในการเล่นปาหิมะใส่กันบ้าง
ปั้นหิมะเป็นสโนว์แมนบ้าง

"ว๊าย..!!!" เสียงหญิงสาวร้องด้วยความตกใจเบาๆ หลังจากที่เธอถูกหิมะปาใส่เต็มๆ ที่ศีรษะ

"ขอโทษครับ..ขอโทษครับ" เสียงกล่าวคำขอโทษดังไล่หลังเธอมาติดๆ หลังจากที่เธอโดนหิมะปาใส่เต็มแรง

เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ เด็กสาวหน้าตาสละสวย หันหลังกลับไปมองที่ต้นเสียงที่กล่าวขอโทษขอโพยเธอ
เด็กชายตัวเล็กๆ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเธอ ใบหน้าเขาแดงระเรื่อเพราะความหนาว

"ขอโทษครับ..ผมไม่ได้ตั้งใจ" เฮอร์ไมโอนียิ้มให้เขา

"ไม่เป็นไรจ๊ะ..ฉันไม่ได้เจ็บอะไรเลย" เธอลูบศีรษะเด็กชายเบาๆ ..เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กชายยิ้มกว้างให้เธอ

"ขอบคุณครับ..งั้นผมไปหละ" เมื่อกล่าวจบ เด็กชายจึงรีบวิ่งตรงไปเล่นกับเพื่อนๆ ของเขาต่อ

เฮอร์ไมโอนีมองตาไปด้วยแววตาอ่อนโยน เธอพลางปัดหิมะออกจากผมยาวๆ สีน้ำตาลของเธอ
รวมทั้งปัดหิมะที่ติดตามเสื้อโค๊ดสีดำตัวสวยของเธอด้วย

"ว๊าย..!!!" เสียงเฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นอีกครั้ง เพราะคราวนี้มีลูกหิมะก้อนใหญ่ถูกปามาโดนที่ศีรษะของเธออีกแล้ว

"ให้ตายสิ..อะไรกันอีกเนี่ย" เฮอร์ไมโอนีคิดในใจ พลางหันหลังกลับไปมองยังทิศทางที่ลูกหิมะก้อนใหญ่ถูกปามา

เฮอร์ไมโอนีกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งเมื่อพบกับบุคคลที่ปาหิมะก้อนใหญ่ใส่ศีรษะของเธอ
เธอรีบเดินหนีจากตรงนั้น เพราะเธอไม่มีเวลามากพอที่จะต้องมาต่อปากต่อคำกับคนน่ารังเกียจ เฉกเช่น
เดรโก มัลฟอย

"จะไปไหนหละ..เลือดสีโคลน" มัลฟอยตะโกนเรียกเธอ เมื่อเห็นเธอกำลังเดินหนีไป

กลุ่มเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่บริเวณนั้น พากันหยุดชะงักและต่างทำหน้างุ่นงง เมื่อได้ยินมัลฟอย เรียกเฮอร์ไมโอนีแบบนั้น
เสียงกระซิบของกลุ่มเด็กๆ ดังขึ้น

"นายได้ยินไหม..อะไรหน่ะ..อะไรคือเลือดสีโคลนหรอ..แปลกจัง..พี่สาวคนนั้นเลือดเป็นโคลนหรอ"
เฮอร์ไมโอนี หันไปมองกลุ่มเด็กๆ และหันสายตามองค้อนมาที่มัลฟอย
เธอเดินตรงมาหาเขาด้วยความเร็ว เพื่อต่อว่าเขาในสิ่งที่เขาเพิ่งกระทำไปเมื่อครู่นี้
แต่..เฮอร์ไมโอนีไม่ทันได้ระวังตัว เธอเดินเหยียบแอ่งน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งเข้า

"ว๊าย..!!" เฮอร์ไมโอนีลื่นน้ำแข็งนั้น เธอล้มบั้นท้ายกระแทกกับพื้นถนนเข้าเต็มแรง

"ฮ่าฮ่าฮ่า..ยัยโง่เอ๊ย..ฮ่า..ฮ่า" เสียงมัลฟอยที่ยืนดูเหตุการณ์ หัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ
กลุ่มเด็กๆ ที่เล่นอยู่บริเวณนั้น วิ่งตรงมาที่เฮอร์ไมโอนีอย่างเร็ว

"พี่ครับ..เป็นอะไรไหมครับ" เด็กชายร่างอ้วน หน้ากลม ถามเธออย่างเป็นห่วง กลุ่มเด็กๆช่วยกันประคองเธอขึ้น
เฮอร์ไมโอนีค่อยๆ ยันตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อยืนขึ้นได้เธอใช้มือข้างหนึ่ง ยันต้นไม้ข้างๆ เอาไว้

"เอ่อ..ขอบใจมากจ๊ะ..พี่ไม่เป็นไรไปเล่นกันต่อเถอะนะ" เฮอร์ไมโอนี ยิ้มขอบใจให้กับกลุ่มเด็กๆ ที่ช่วยประคองเธอ
แต่เฮอร์ไมโอนีมองค้อนมาที่มัลฟอย ที่กำลังยืนดูเธออยู่อย่างสะใจ
เธอหันหลังให้เขา เพื่อจะเดินไปต่อไปยังจุดหมายที่เธอต้องไป

"อ๊ะ!!" เฮอร์ไมโอนีอุทานขึ้น เธอเพิ่งรู้สึกเจ็บแปร๊บๆ ที่บริเวณข้อเท้า "โอ้ย~.."เธออุทานออกมาเบาๆ อย่างเจ็บปวด

เฮอร์ไมโอนีพยายามเดินอย่างช้าๆ แต่เธอไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดนั้นได้เลย ท่าเดินของเธอจึงกลายเป็นเดินกระเทกๆ ลากขาของตัวเองไป
มัลฟอยมองดูเธอเดินไป เขาเกิดความรู้สึกห่วงเธอขึ้นมา เพราะคิดว่าเธอน่าจะเจ็บแถวๆ ขาแน่นอน เพราะท่าเดินกระเทกๆ แบบนั้น มันชี้ชัดอยู่แล้ว
มัลฟอยรีบวิ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี เขาเดินอยู่ข้างๆ เธอ ในใจคิดจะช่วยประคองเธอ แต่ด้วยศักดิ์ศรีและฟอร์มที่มากมายของเขา มันทำให้เขาทำไม่ได้

"เป็นอะไร..เกรนเจอร์..สำออยอะไรอยู่" น้ำเสียงเหยียดหยันของมัลฟอยดังขึ้น

เฮอร์ไมโอนีไม่ตอบอะไร เพียงแต่หันไปมองเขาด้วยสายตารังเกียจเต็มที่ เพราะเธอเจ็บจนไม่อยากจะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
เฮอร์ไมโอนียังคงพยายามเดินต่อไป เพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็วและเพื่อหนีคนน่ารำคาณ 
แต่มัลฟอยยังไม่ลดละความพยายาม เขายังคงเดินตามเฮอร์ไมโอนีต่อไปเพื่อหาเรื่องเธอ
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีเดินผ่าน กลุ่มสาวๆ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง
แต่ไม่ทันได้ผ่านไปไกลนัก ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนๆของเธอ

"ผู้ชายอะไร..แฟนตัวเองเจ็บอยู่ก็ไม่ช่วยซักนิดเลย..น่าเกลียดเนอะ..ว่ามั๊ย..หล่อซะเปล่า"

เฮอร์ไมโอนีและมัลฟอย ได้ิยินประโยคนั้นเต็ม 2 หู
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกร้อนฉ่าๆ ที่ใบหน้า ซึ่งมัลฟอยก็ไม่ต่างกันเลยใบหน้าเขาแดงจัดจนลามไปถึงหู
ความรู้สึกมัลฟอยผสมปนเปกันมั่วไปหมด ทั้งโมโหที่มีพวกสาวๆ มักเกิ้ลว่าเขาเป็นแฟนกับแม่เลือดสีโคลน
อีกทั้งยังอายที่โดนสบประมาทแบบนั้น มัลฟอยรู้สึกไม่พอใจมากที่มีคนดูถูกเขา โดยเฉพาะพวกมักเกิ้ลสกปรก
มัลฟอยเดินขนาบข้างเฮอร์ไมโอนี เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแขนเธอข้างหนึ่งและยกตัวเธอขึ้นแบกบนหลังเขา

"ว๊าย..จะ..จะทำอะไรหน่ะ" เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นอย่างตกใจกับการกระทำของมัลฟอย
เธอพยายามดิ้นและจะลงจากหลังของเขา

"หยุด!!เดี๋ยวนี้..เกรนเจอร์..ถ้าเธอไม่อยากโดนหักขาอีกข้าง" มัลฟอยตะหวาดใส่เธอเสียงดัง

เฮอร์ไมโอนีชะงักเพราะความตกใจ หัวใจของเธอเต้นตุ้บๆ จนแทบจะทะลุออกมานอกเสื้ออยู่แล้ว
เธอทั้งตื่นเต้นผสมกับตกใจที่มัลฟอยทำเช่นนี้กับเธอ แต่ก่อนที่เธอจะหลงดีใจกับการกระทำนี้
เสียงน่ารำคาณของมัลฟอยก็เริ่มเอ่ยขึ้นอีก

"อย่าหลงดีใจไปเลยเกรนเจอร์..ฉันไม่ได้อยากเอาตัวโสโครกของเธอมาโดนตัวฉันหรอก..มันน่าขยะแขยง" มัลฟอยทำน้ำเสียงสะอิดสะเอียน
เหมือนเขากำลังแบกขยะกองใหญ่ไว้บนหลังก็ไม่ปาน

"งั้นเธอก็ให้ฉันลง..เดี๋ยวนี้ !!" เฮอร์ไมโอนีดิ้นเต็มแรงและพยายามจะลงให้ได้
แต่มัลฟอยใช้แรงยกแขนที่ช้อนอยู่ใต้ขาของเธอสูงขึ้นไปอีก ทำให้เธอลงไม่ได้ เพราะเธอไม่มีแรงมากพอที่จะต้านแรงของเขา
เฮอร์ไมโอนีได้แต่ขยับสะโพกไปมาพร้อมกับใช้มือดันตัวเองให้ออกห่างจากมัลฟอย

"ปล่อย..ฉัน..ลง..เดี่ยวนี้!!!มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีออกคำสั่งกับมัลฟอยอีกครั้งเช่นเดียวกับเธอที่เคยออกคำสั่งกับกรอว์ป น้องชายของแฮกริด
แต่เธอคิดผิดมัลฟอยไม่ได้สั่งได้ง่ายดายเหมือนกรอว์ป

"หยุดทำตัวแบบนั้นซะที..เกรนเจอร์!!..อยู่นิ่งๆ ได้ไหม..อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอ..ถึงที่แล้วฉันจะโยนเธอลงแน่ไม่ต้องกลัว" มัลฟอยตะหวาดเฮอร์ไมโอนีเสียงดังกว่าเดิม
สิ่งที่เขาทำมันได้ผล ตอนนี้มันทำให้เธอกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว มัลฟอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ในที่สุดก็ทำให้เฮอร์ไมโอนีสงบได้เสียที เขาจึงเดินไปตามทางเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปสักครู่..เฮอร์ไมโอนียังรู้สึกกลัวที่จะพยายามดิ้นอีก แต่ในหัวเธอก็มีคำถามมากมายเกินว่าจะปล่อยให้มันไร้คำตอบ

"เธอ..จะพาฉันไปไหน..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีถามขึ้น

"....." มัลฟอยไม่ตอบอะไรเธอ ทำให้เฮอร์ไมโอนีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นและบวกกับเธอกลัวว่ามัลฟอยอาจพาเธอไปทำเรื่องร้ายๆ

"ฉันถามว่า..เธอจะพาฉันไปไหน..เดรโก มัลฟอย" เธอตะเบ่งเสียงเต็มแรงพร้อมกับบีบไหล่มัลฟอยแรงๆ
มัลฟอยไม่ตอบคำถามเธอ เขามองไปรอบๆ ..บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลย
เขาเดินตรงไปที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวพร้ิอมกับทิ้งตัวเฮอร์ไมโอนีลงบนเก้าอี้เต็มแรง

"โอ้ย!!..ทำอะไรหน่ะ..ฉันเจ็บนะ" เฮอร์ไมโอนีอุทานออกมาเมื่อบั้นท้ายของเธอกระแทกเข้ากับเก้าอี้ไม้เย็นเฉียบ
เฮอร์ไมโอนีใช้มือคล่ำแถวบั้นท้ายเบาๆ มัลฟอยหันกลับมามองเธออย่างตลกกับท่าทางแบบนั้น แต่เขาต้องเก็บอาการไว้
เพราะมันจะทำให้เขาเสียหน้า

"เธอเจ็บตรงไหน..." เสียงมัลฟอยถามขึ้นเบาๆ เหมือนเสียงบ่นพึมพำ

"ฮ่ะ...เธอบ่นอะไร" เฮอร์ไมโอนีมองไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
มัลฟอยใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าเขาอย่างรำคาณ (รำคาณเฮอร์ไมโอนี)เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ
ใช้ 2 มือยันผนักเก้าอี้คร่อมตัวเฮอร์ไมโอนีไว้

"ฉัน..ถามว่าเธอเจ็บตรงไหน..แม่เลือดสีโคลนเกรนเจอร์" มัลฟอยยิ้มอย่างเจ้าชู้ขณะที่สบตากับแม่เลือดสีโคลนที่เขารังเกียจ
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกเขินๆ เล็กน้อย เพราะตั้งแต่โตมาเธอไม่เคยเข้าใกล้ใบหน้าของผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเลย
เฮอร์ไมโอนีจ้องมองดวงตาสีเงินที่อยู่ตรงหน้าเธอสักครู่ แต่ก่อนที่เธอจะรู้สึกหัวใจจะหลุดออกมานอกเสื้อมากไปกว่านี้ เธอหันหน้าออกจากเขาและเบนสายตาไปทางอื่น
ก่อนที่จะตอบคำถามเขา

"ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ" น้ำเสียงเฮอร์ไมโอนีสั่นๆ มันไม่ใช่เพราะความหนาวเย็นแต่เป็นเพราะความเขินอายที่ถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมอง
มัลฟอยถอนหายใจแรงๆ เฮอร์ไมโอนีสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ปะทะเข้ากับแก้มแดงๆ ของเธอ

"ฉันไม่ได้มีเวลากับเธอทั้งวันนะ..เกรนเจอร์..บอกมาเจ็บตรงไหน..ถ้าไม่บอกละก็.." มัลฟอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะถอนมือข้างหนึ่งออกจากผนังพิง

"ฉัน..อาจจะคลำไปทั่วตัวของเธอ..จนกว่าจะเจอตรงที่เธอเจ็บนะเกรนเจอร์" มัลฟอยทำท่าจะลูบบริเวณหน้าอกของเธอ
เฮอร์ไมโอนีหันกลับมาอย่างเร็ว เธอจับมือของเขาไว้ก่อนที่เขาจะสัมผัสถูกตัวเธอ

"หยุดนะ!!!" เฮอร์ไมโอนีจ้องมองมัลฟอยด้วยความไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
เขาส่งยิ้มแสนเจ้าชู้ให้เธอ

"จะบอกได้หรือยัง..ว่าเจ็บตรงไหน" เฮอร์ไมโอนีมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาต้องการอะไร
ถึงเอาแต่ถามว่าเธอเจ็บตรงไหน หรือว่าเขาต้องการให้เธอเจ็บตรงนั้นมากขึ้นอีก
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอะไรก็ตาม เธอก็ต้องตัดใจบอกเขา เพราะเธอไม่อยากติดแหงกอยู่กับเขาที่นี่ทั้งวัน

"ข้อเท้าซ้าย.."เฮอร์ไมโอนีตอบเสียงอ่อยๆ ไม่ค่อยเต็มใจ
มัลฟอยยิ้มเย้าะให้เธอ ดูเขาพอใจมากที่บังคับให้เธอพูดได้ เขานั่งลงคลุกเข่าตรงหน้าเธอ
พร้อมกับจับข้อเท้าซ้ายเธอขึ้น เฮอร์ไมโอนีตกใจมาก เธอรีบชักข้อเท้ากลับทันที

"จะทำอะไรหน่ะ!!" เธอถามเขาขึ้นเพราะกลัวว่าเขาอาจทำร้ายเธอ
มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนีอย่างไม่พอใจ และหงุดหงิดกับท่าทางของเธอ

"อยู่เฉยๆ เป็นไหม..ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก" พูดจบเขาจึงดึงข้อเท้าเธอกลับมาอีก
พลางค่อยๆ ถอดรองเท้าบู๊ตของเธอออก เขาจ้องมองขาเธอแบบงงๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนีที่มองเขาอยู่เกิดความสงสัยขึ้น

"เธอจะทำอะไร" เฮอร์ไมโอนีถามขึ้น แต่มัลฟอยยังคงมองข้อเท้าและมองขาเธอไปมา

"เอ่อ..ไอ้ที่เธอใส่อยู่เนี่ย..มันถอดยังไง"

"อ๋อ..ถุงน่องนี่หรอ..ก็ถอด..." ด้วยความลืมตัว เฮอร์ไมโอนีทำท่าจะรื้อกระโปรงขึ้นให้ดูว่าถุงน่องแบบนี้มันถอดยังไง
แต่เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้

"เดี๋ยวก่อนๆ..เธอจะให้ฉันถอดทำไม" คิ้วเฮอร์ไมโอนีขมวดเป็นโบว์ จ้อมองมัลฟอยเหมือนเขาเป็นพวกโรคจิต
จมูกมัลฟอยเริ่มแดงขึ้นนิดๆ เมื่อเฮอร์ไมโอนีมองเขาแบบนั้น

"อย่ามองฉันเป็นคนโรคจิตแบบนั้นเกรนเจอร์..ต่อให้เธอแก้ผ้าฉันก็ไม่มีอารมณ์กับคนแบบเธอหรอก..หึ" มัลฟอยเบะปาก
อารมณ์ของเฮอร์ไมโอนีพุ่งสูงขึ้นจนแทบระเบิดออกมา น้ำตาของเธอเอ่อเต็มดวงตาทั้งคู่ เธอกำมือแน่นและชักข้อเท้ากลับ

"คนแบบฉัน..ถ้าคนแบบฉันมันน่ารังเกียจมากนักหล่ะก็..มัลฟอย..เธอก็ควรไปซะอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก..
ไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉัน ไป ไป ไป๊" เธอตะเบ่งเสียงต่อว่ามัลฟอยเต็มแรงเท่าที่ตัวเธอจะมี
มือเล็กๆของเธอปัดป่าย ทุบตีมัลฟอยไปมั่วๆ น้ำตาของเธอไหลพรากอาบสองแก้ม มัลฟอยจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
พลางหลบมือไม้ไปปัดป่ายมั่วๆ นั้น เขาเห็นน้ำตาของเธอ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะร้องไห้กับแค่คำพูดของเขา
มัลฟอยรู้สึกสะเทือนใจชั่วขณะ เขาไม่รู้จะทำยังไงให้เธอหยุดร้องไห้และอาละวาดแบบนี้ได้
ทันใดนั้น มัลฟอยจึงคว้าร่างบางของเฮอร์ไมโอนีเข้ามากอดไว้แนบอก
เฮอร์ไมโอนีตกใจเล็กน้อย แต่ความอารมณ์โกรธและโมโหที่มีมากกว่า เธอยังคงดิ้นและทุบตีมัลฟอย
อยู่ภายในอ้อมกอดอบอุ่นนั่น มัลฟอยกอดเธอแน่นขึ้น จนเธอแทบจะขยับตัวไม่ได้

"ชู่วส์~..พอแล้ว..ฉัน..อ่อ..ฉัน..ขอโทษ" เสียงมัลฟอยกระซิบถ้อยคำติดขัดอย่างแผ่วเบา แต่เฮอร์ไมโอนีได้ยินมันเต็ม 2 หู
เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่า เดรโก มัลฟอย จะขอโทษเธอ เฮอร์ไมโอนีสงบลงได้ ไม่ใช่เพราะเธอหายโกรธแต่เป็นเพราะ ความรู้สึกประหลาดใจที่มัลฟอยกล่าวขอโทษเธอ
แต่มันก็ทำให้เธอเลิกอาละวาดได้ มัลฟอยรู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนีจะสงบลงแล้ว เขาค่อยๆ ปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดแนบแน่นของเขา มัลฟอยทอดสายตาลงมองใบหน้าของเธอ
เขาใช้มือใหญ่เย็นเฉียบประคองใบหน้าเธอ พลางปาดน้ำตาที่แก้มให้ แต่เฮอร์ไมโอนีเบือนหน้าหนีเขา มัลฟอยล้มเลิกความพยายามที่จะยุ่งกับหน้าของเธออีก
เขาค่อยๆ นั่งคุกลงตรงหน้าเธอ พร้อมกับจับข้อเท้าเล็กๆ ของเธออีกครั้ง เฮอร์ไมโอนียังคงขัดขืนเช่นเดิม เธอพยายามจะดึงขากลับอีก แต่คราวนี้มัลฟอย จับข้อเท้าของเธอไว้แน่น

"อ๊ะ!!" เฮอร์ไมโอนีรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่ข้อเท้า เพราะมัลฟอยบีบมันไว้แรงเกินไป มัลฟอยถอดหายใจอย่างจนปัญญากับความดื้อรั้นของเธอ เขาหันขึ้นไปมองหน้าเธอช้าๆ

"ฉันว่าเธอน่าจะเลิกขัดขืนได้แล้วนะ..ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก..แค่จะซ่อมข้อเท้าให้..แต่เธอก็ต้องช่วยฉันด้วย.." พูดจบ มัลฟอยก็มองที่ขาของเธอและหันขึ้นมามองหน้าเธออีกครั้ง

"เธอ..ต้องช่วยฉันถอดถุงน่องนี้ออกซะเกรนเจอร์" เมื่อได้ยินเรื่องที่มัลฟอยขอให้เธอทำ เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงกล่ำ

"จะบ้าหรอ!!..เธอจะให้ฉัน..ถอดได้ยังไง..ไม่ ไม่..เรื่องนี้มันบ้าเกินไปแล้ว มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีส่ายหน้าปฏิเสธมัลฟอย อย่างเร็ว พร้อมกับทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ แต่มัลฟอยไวกว่าเธอ
เขารีบกดตัวเธอให้นั่งลงไปทันที เขาจ้องมองดวงตาเธอของอย่างจริงจัง

"ได้..ถ้าเธอไม่อยากถอดมันเอง..ฉัน..จะเป็นคนถอดให้" พูดไม่ทันได้ขาดคำ มัลฟอยย้ายมือเย็นเฉียบของเขา เข้าไปใต้กระโปรงตัวยาวของเฮอร์ไมโอนี มือที่เย็นเฉียบของเขา
แตะถูกบริเวณขาของเฮอร์ไมโอนีถึงแม้ว่าจะมีถุงน่องกั้นอยู่ แต่เฮอร์ไมโอนีก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่มือนั่น เธอสะดุ้งเฮือก พลางจับมือของมัลฟอยที่อยู่ใต้กระโปรงของเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้มันไปไกลกว่านี้

"อ๊ะ!! ไม่ ไม่ หยุด นะ พอที มัลฟอย ฉัน ฉันถอดแล้ว..ถอดเองก็ได้" เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงจัดเพราะความเขินอาย มัลฟอยยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจและสะใจในท่าทีเขินอายของเธอ
เขาค่อยๆ เลื่อนมือออกจากใต้กระโปรงเธอ  เฮอร์ไมโอนีมองหน้ามัลฟอยอย่างเคอะเขิน

"ฉันว่า..เธอควรหันไปที่อื่นก่อน มัลฟอย" มัลฟอยไม่โต้ตอบอะไรต่อ เขาเพียงแต่หมุนตัวไปข้างหลังช้าๆ
เมื่อเห็นว่ามัลฟอย ไม่ได้มองมาทางเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนีจัดการรื้อกระโปรงขึ้น เธอค่อยๆ ปลดตะขอสายรัดถุงน่องของเธอออกอย่างช้าๆ แล้วลูดถุงน่องออกจากขาซ้ายของเธอ
เฮอร์ไมโอนีรวบรวมความกล้าอีกครั้ง

"เธอ..หันมาได้แล้ว มัลฟอย" เมื่อได้ยินดังนั้น มัลฟอยหมุนตัวกลับมาช้าๆ ก่อนจะพบกับเรียวขาสีขาวอมชมพูระเรือของเฮอร์ไมโอนี

"ไม่ยักรู้เลยแหะ..ว่าขาเธอขาวขนาดนี้ เกรนเจอร์" มัลฟอยฉายใบหน้าเจ้าเลห่ออกมา ยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนีเขินอายเข้าไปใหญ่

"เธอจะทำอะไรก็รีบๆ ทำเข้า ฉันหนาวมากแล้ว" เสียงเฮอร์ไมโอนีสั่นๆ เล็กน้อย

"ก็ได้..เกรนเจอร์ อยู่นิ่งๆ นะ ไม่งั้น ข้อเท้าเธออาจจะกลายเป็นหัวเข่า..หึหึ" มัลฟอยหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคออย่างชอบใจ เขาเริ่มชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ข้อเท้าเปลือยเปล่าของเฮอร์ไมโอนี

"เอพิสโซเทีย" แสงสีขาวพุ่งออกจากไม้กายสิทธิ์คลุมข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี เมื่อแสงหมดลง มัลฟอยค่อยๆ ปล่อยขาเธอลงอย่างช้าๆ

"เอ๊า..เสร็จแล้ว" มัลฟอยลุกขึ้นพร้อมเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน

เฮอร์ไมโอนีลองขยับข้อเท้าไปมา ปรากฏว่ามันหายเจ็บแล้ว เธอยิ้มกว้างออกมาและรีบหยิบถุงน่องขึ้นมาใส่
มัลฟอยเมื่อเห็นเธอยิ้ม เขากลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องรีบหยุดอมยิ้ม เพราะเฮอร์ไมโอนีเหงยหน้าขึ้นมามองเขาพอดี

"หันไปที่อื่นก่อน.." เธอสั่งเขาอย่างจริงจัง มัลฟอยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่แม่สาวเลือดสีโคลนคนนี้บังอาจมาสั่งเขาอีกแล้ว แต่เขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เมื่อเห็นมัลฟอยหันหลังให้เธอแล้ว เฮอร์ไมโอนีรีบหยิบถุงน่องขึ้นมาใส่ ในขณะที่เธอกำลังม้วนถุงน่องเพื่อเอามาสวมที่เท้าก่อนจะดึงมันขึ้นที่ขา เธอไม่ทันได้สังเกตุว่ามัลฟอยหันหน้ากลับมามองเธอ
อันที่จริงมัลฟอยเพืยงแค่สงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลามกหรืออะไรเลย (จริงหรอ??)
เมื่อเขาหันหน้ามามองเพียงนิดเดียว ก็ต้องรีบหันกลับไปที่เดิมทันที นั่นก็เพราะว่า เฮอร์ไมโอนีรื้อกระโปรงยาวของเธอขึ้นมาจนถึงต้นขาขาวของเธอ และกำลังพยายามที่จะดึงถุงน่องขึ้นมา
มัลฟอยรู้สึกร้อนเนื้อร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่อากาศตอนนี้อุณหภูมิก็อยู่ที่อันดับติดลบ

"ฉันเสร็จแล้ว" เสียงเฮอร์ไมโอนีดังขึ้น มัลฟอยค่อยๆ หันกลับไปหาเธอ และเก็บอาการเมื่อครู่นี้ไว้ เขามองหน้าเฮอร์ไมโอนีอย่างกระอักกระอ่วน

"เอ่อ..ก็ดี.." มัลฟอยทำท่าจะเดินหันหลังจากไป..เฮอร์ไมโอนีรีบคว้าแขนเสื้อโค๊ตของมัลฟอยด้วยความลืมตัว มัลฟอยหันกลับมาพร้อมกับความงุ่นงง
เฮอร์ไมโอนีจึงรีบปล่อยแขนเสื้อเขา

"เอ่อ..เอ่อ..ขอบใจนะ..มัลฟอย" เธอก้มหน้าก้มตาพูด ไม่มองหน้าเขา มัลฟอยขมวดคิ้วเล็กน้อยและเริ่มเดินไปใกล้ๆ เธอ

"เมื่อกี้ว่าอะไรนะ..ฉันฟังไม่ถนัด" มัลฟอยยืนอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี เขายืนใช้มือล้วงกระเป๋าเสื้อโค๊ตท่าทางยียวน

"ฉันบอกว่า..ขอบใจมากที่ช่วยเรื่องข้อเท้า" เฮอร์ไมโอนียังคงไม่มองหน้าเขา แต่เธอพูดเสียงดังขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก

"ฮ่ะ..อะไรนะ..ฉันไม่ค่อยได้ยินหน่ะ..เกรนเจอร์"มัลฟอยทำท่าเอามือป้องหูไว้ เฮอร์ไมโอนีเริ่มโมโห เธอเหงยหน้าขึ้น พร้อมกับกำลังจะตะโกนว่าเขา

"ฉันบอกว่า...อุ๊บ" เฮอร์ไมโอนีไม่ทันได้พูดจบ ริมฝีปากบางๆ ของเธอก็ถูก เดรโก มัลฟอย ครอบครองไว้อย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนีสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและเย็นเฉียบ

เฮอร์ไมโอนีตกใจมาก เธอรีบผลักมัลฟอยออกห่างตัวทันที

"ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย..มัลฟอย!!" เฮอร์ไมโอนีตะโกนขึ้นสุดเสียง พร้อมกับใช้มือถูปากของเธอจนแดง

"ก็..ค่าซ่อมข้อเท้าไง เกรนเจอร์" มัลฟอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้เธอ

"รสชาติไม่เลวนะ" เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงกล่ำกับคำพูดเขา ตอนนี้เฮอร์ไมโอนีทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับเขาดี
จะด่า หรือ จะสาป หรือจะทุบตีเขา  ด้วยความเขินอายที่เขาจูบเธอและคำพูดเขาเมื่อครู่นี้ เฮอร์ไมโอนีไม่รู้จะทำอะไรต่อไป เพื่อหนีคนที่กำลังทำหน้าสะใจกับการกระทำของตัวเอง
เฮอร์ไมโอนี ตัดสินใจวิ่งหนีมัลฟอย อย่างเร็ว

"อ่ะ..เฮ้ย!! เกรนเจอร์..เธอจะไปไหนหน่ะ" มัลฟอยรีบวิ่งตามเฮอร์ไมโอนี
เฮอร์ไมโอนีเมื่อรู้ว่ามัลฟอยวิ่งตาม เธอตะโกนขึ้นสุดเสียง

"เธออย่ามายุ่งกับฉัน..มัลฟอย..ไปให้พ้น!!!" แต่เหมือนคำพูดของเฮอร์ไมโอนีจะไม่มีความหมาย ยิ่งเธอวิ่ง มัลฟอยก็ยิ่งวิ่งตาม
เฮอร์ไมโอนีวิ่งเข้าไปในเขตรั้วคฤหาสน์หลังหนึ่ง มัลฟอยยังคงวิ่งตามเฮอร์ไมโอนีแต่ก็พลางหันมองไปรอบๆ ด้วย

"ที่นี้มันที่ไหนเนี่ย" มัลฟอยบ่นพึมพำ เพราะสถานที่ที่เขาวิ่งตามเธอมา จะเรียกว่าบ้านคนก็จะฟังดูแปลกๆ เพราะมันทั้งรกร้างและปกคลุมไปด้วยต้นไม้และเถาไม้เลื้อยมากมาย

"เกรนเจอร์!!!เธอจะวิ่งไปไหนหน่ะ..รู้หรือเปล่าว่าเธอเข้ามาในบ้านใครเนี่ย" มัลฟอยรีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น จนเขาสามารถคว้าตัวเฮอร์ไมโอนีที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดคฤหาสน์นั้นได้ทัน

"ว๊าย!!..ปล่อยฉันนะมัลฟอย..ปล่อย" เฮอร์ไมโอนีพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดเขา  ทำให้มัลฟอยต้องกอดเธอแน่นขึ้น

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ..เกรนเจอร์..เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอวิ่งมั่วๆ มาอยู่ที่ไหนเนี่ย" มัลฟอยตะหวาดเธอเสียงดัง แต่เฮอร์ไมโอนีก็ไม่ยอมแพ้ เธอตะหวาดเขากลับ

"รู้สิ..ทำไมจะไม่รู้..ถ้าไม่รู้ฉันจะวิ่งเข้ามาหรือไง..นายนั้นแหละ วิ่งตามมาทำไม" เฮอร์ไมโอนีสลัดตัวออกจากอ้อมแขนมัลฟอย 
เธอหันกลับมามองดูเขา พลางหายใจหอบ เพราะวิ่งมาเหนื่อย มัลฟอยเองก็ไม่แพ้กัน เขาจ้องหน้าเธอแบบ งงๆ และหายใจหอบถี่ขึ้น

"เอะอะอะไรกัน" เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตะหวาดขึ้นเสียงดัง  เฮอร์ไมโอนีหันหลังไปดู ส่วนมัลฟอยเองก็เหงยหน้าขึ้นมองดูร่างสูงใหญ่ที่กำลังลงจากบันไดหน้าทางเข้าคฤหาสน์

"อ้าว..คุณเฮอร์ไมโอนี..สวัสดีครับ..ศาสตราจารย์กำลังรอคุณอยู่เชียว" ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี เขารีบกุลีกุจอเดินลงมา

พลางจับมือทั้ง 2 ข้างของเฮอร์ไมโอนีอย่างทักทาย แต่เฮอร์ไมโอนีรู้สึก งง เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย เฮอร์ไมโอนีรีบดึงมือกลับ

"เอ่อ..หนูจำได้ว่า หนูไม่รู้จักคุณนะค่ะ" ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้สนใจในคำพูดของเฮอร์ไมโอนีเลย เขาเพียงแต่ยิ้มให้เธอ

"เมื่อคุณพบศาสตราจารย์..คุณจะรู้เองครับ..เชิญข้างในเลย..แต่เอ่อ..แล้วคุณผู้นี้คือ..เพื่อนคุณหนูหรือ..งั้นเชิญข้างในด้วยกันครับ" ชายหนุ่มชี้ไปที่มัลฟอยและเชิญชวนเขาเข้าคฤหาสน์

"เอ่อ..เขากำลังจะกลับพอดี" ไม่ทันที่เฮฮร์ไมโอนีจะพูดจบ เสียงของมัลฟอยก็แย้งขึ้นมา "ขอบคุณครับ" มัลฟอยเดินขึ้นบันไดตามชายหนุ่มผู้นั้นไป เฮอร์ไมโอนีได้แต่ยืนอึ้งอย่างไม่เข้าใจ
 มัลฟอยจึงหันกลับมามองเธอพร้อมกับกวักมือเรียก

"เอ๊า..จะยืนอยู่ตรงนั้นจนเป็นตุ๊กตาหิมะหรอ..เกรนเจอร์..ขึ้นมาสิ..หึหึ" มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธออย่างสะใจ เฮอร์ไมโอนีรีบเดินตามเขาขึ้นไปทันที

เมื่อถึงประตูบานใหญ่ที่เข้าไปในคฤหาสน์ ชายหนุ่มเปิดประตูให้ทั้ง 2 พร้อมกับก้มหัวให้

"เชิญครับ" เฮฮร์ไมโอนีและมัลฟอยเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ มัลฟอยมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยเข้าบ้านของพวกมักเกิ้ลมาก่อนเลย
มันแปลกและแตกต่างจากบ้านของพ่อมดแม่มดยิ่งนัก มัลฟอยรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่างๆ ที่เขาได้เห็น
ทันใดนั้นเอง มีเสียงชายชราคนหนึ่งตะโกนลงมาจากด้านบน

"โอ้..เฮอร์ไมโอนี..หลานรัก..มาทางนี้ ขึ้นมาข้างบนเลย" ชายชราผมสีขาวฟูๆ ตะโกนเรียกเฮอร์ไมโอนีพร้อมกับกวักมือเรียกเธอขึ้นมาด้านบน

"โอ้..นั้นเพื่อนชายของหลานหรอ..มามา ขึ้นมาด้วยกัน..ตามีของดีจะให้ดู" ชายชราทำท่าตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับกวักมือเรียกมัลฟอยให้ขึ้นไปด้วย
เฮอร์ไมโอนีหันมามองค้อนมัลฟอย

"เธอกลับไปได้แล้ว..มัลฟอย..เธอไม่ควรอยู่ที่นี้" เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงเบาแทบจะกลายเป็นกระซิบกับมัลฟอย
มัลฟอยเบะตาพร้อมกับยักไหล่ ทำท่าไม่สนใจคำพูดของเฮอร์ไมโอนี

"ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก..เกรนเจอร์..ไม่เห็นหรอ คุณตาเลือดสีโคลนของเธอเขาชวนฉันเอง..จะให้ฉันเสียมารยาทปฏิเสธหรอ" มัลฟอยกำลังทำท่าจะเดินขึ้นบันได แต่เฮอร์ไมโอนีดึงเสื้อเขาให้ลงมา

"หยุดนะ..ใช่!!ที่นี่เป็นบ้านของพวกเลือดสีโคลนมัลฟอย..เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นที่ที่เธอไม่ควรจะมาเหยียบออกไปได้แล้ว" เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นเสียงดังกับมัลฟอย

"เฮ้..หลานรัก..จะให้ตารอเธอจนรากยาวเลยมั๊ย..หนูกับเพื่อนชาย ขึ้นมากันได้แล้ว" เสียงชายชราดังขึ้นอีกครั้ง  มัลฟอยอมยิ้มให้กับเธออย่างผู้กำชัยชนะ

สีหน้าของเฮอร์ไมโอนีไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่เธอก็ต้องยอมจำนนต่อความดื้อรั้นของมัลฟอยและแรงกดดันของคุณตาเธอ
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี เดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้น 2 ที่คุณตาของเฮอร์ไมโอนีอยู่  คราวนี้มัลฟอยถึงกับตาค้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะบริเวณชั้น 2 ของคฤหาสน์นี้
มีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มากมาย ทั้งหุ่นยนต์ และเครื่องทดลองยานานับไม่ถ้วน มัลฟอยมองไปรอบๆ บริเวณนั้นอย่างทึ่งๆ
ต่างจากเฮอร์ไมโอนี เธอเดินตรงไปหาชายชราและเข้าสวมกอดเขาด้วยความดีใจที่ได้พบกัน

"โอ้ หลานรัก..หนูโตขึ้นมากเลยนะ..แถมยังสวยขึ้นมากอีกด้วย" ชายชราพูดพลางลูบเรือนผมเธอเบาๆ เขาจ้องมองใบหน้าของเธออย่างเอ็นดู แต่แล้วสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นมัลฟอย
ที่กำลังจะแตะวัตถุบางอย่าง

"หยุดนะ..พ่อหนุ่ม" ชายชราตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้มัลฟอยสะดุ้งและหยุดการกระทำนั้น เขาหันมามองที่ชายชรา

"ถ้าเธอไม่อยากผมร่วงหมดทั้งหัว เพราะถูกไฟช็อตหละก็..อย่าไปแตะมันเชียวนะ" ชายชรามองมัลฟอยลอดแว่นตาและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา ก่อนที่จะขมวดคิ้วขึ้นและเดินตรงมาที่มัลฟอย

"ว่าแต่..เธอคือใครหละเนี่ย" ชายชราขยับแว่นตาและจ้องมองมัลฟอย
มัลฟอยยืดตัวตรง

"เอ่อ..ขอโทษครับ..ผมมัลฟอย..เดรโก มัลฟอย" มัลฟอยพูดน้ำเสียงหนักแน่นกับชายชรา  ชายชรามองเขาอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะยิ้มให้เขาเบาๆ

"อืม..หน้าตาเธอ..หล่อเหลาใช่ย่อย..หลานสาวฉันคงโชคดี..โฮะโฮะ" ชายชราพูดกับมัลฟอยและหัวเราะออกมา
ทำให้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีหน้าแดง ชายชราเดินไปที่เครื่องทดลองขนาดใหญ่ของเขา
เฮฮร์ไมโอนีนึกขึ้นได้กับธุระที่เธอได้รับมอบหมายให้มาที่นี่

"โอ้..คุณตาค่ะ..หนูลืมไปเลย..นี้ค่ะ..พ่อฝากมาให้คุณตา..วิจัยเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพันธุกรรมของมนุษย์" เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับเดินไปยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ชายชรา
มัลฟอยยังคงเดินไปเดินมารอบๆ บริเวณนั้น พร้อมสังเกตดูสิ่งของน่าทึ่งหลายๆ อย่าง

"คุณตากำลังทดลองอะไรอยู่หรอค่ะ" เฮอร์ไมโอนีนั่งลงข้างๆ ชายชราและเริ่มถามขึ้นขณะที่มองจอคอมพิวเตอร์ของชายชรา

"อ่อ..ตอนนี้ตากำลังทดลองเรื่องการปรับสภาพเซลในของร่างกายมนุษย์..เครื่องที่หนูเห็นนี้คือ เครื่องที่ใช้ในการทดลอง" ขณะที่ชายชรากำลังอธิบายให้หลานสาวคนสวยฟัง
ชายหนุ่มคนที่เฮอร์ไมโอนีและมัลฟอย เจอที่หน้าประตู ก็เดินขึ้นมาพร้อมกับถาดเงินที่มีคุ๊กกี้และน้ำชาอยู่

"ขออภัยครับคุณท่าน..ขออนุญาติวางตรงนี้นะครับ" ชายหนุ่มก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเริ่มวางถาดของว่างไว้บนโต๊ะเล็กๆ เฮอร์ไมโอนีชักสีหน้างงๆ ต่อชายหนุ่มและหันกลับมามองชายชราเพื่อขอคำตอบ

"โอ้..เฮอร์ไมโอนี..หลานคงจำไม่ได้สินะ..นี้คือ..คุณวิลเลี่ยม ไง จำได้ไหม" ชายชราพูดพลางยิ้มเล็กน้อยให้เฮอร์ไมโอนี เฮอร์ไมโอนีสีหน้างงหนักกว่าเดิม เธอส่ายหน้าไปมาและชี้ไปที่ชายหนุ่ม

"วิลเลี่ยม..วิลเลี่ยมไหนกันค่ะคุณตา" เฮอร์ไมโอนีมองไปทางชายชรา ชายชราจึงหัวเราะขึ้นกับท่าทีของหลานสาว

"โฮะโฮะ เฮอร์ไมโอนี..หลานนี่สมองไม่ไวเลยนะ..นี้คือ คุณวิลเลี่ยมพ่อบ้านประจำบ้านตาไง" ชายชราพูดพลางลูบผมหลานสาวอย่างเอ็นดู

เฮอร์ไมโอนียืนขึ้นและเดินตรงไปที่ชายหนุ่ม เธอจ้องมองเขาอย่างพินิจพิจารณา และหันกลับไปมองที่คุณตาของเธอ

"คุณวิลเลี่ยมจริงๆ หรอค่ะ..แต่..แต่..เขาชราภาพกว่านี้เยอะนี่ค่ะ" ชายชราอมยิ้ม ก่อนจะโบกมือเบาๆ เป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานของตนเอง

"มานี่..หลานรัก..ตาจะอธิบายให้ฟัง" ในขณะที่ชายชรากำลังอธิบายขั้นตอนของการทดลองต่างๆ มัลฟอยก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ เฮอร์ไมโอนี
เขายืนฟังชายชราพูดเรื่องต่างๆ มากมาย จนรู้สึก งุ่นงง เล็กน้อย
และไม่เชื่อว่า มักเกิ้ลโง่เง่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องอาศัยเวทมนต์ มัลฟอยเบะปากทำท่าไม่เชื่อถือชายชรา

"จริงหรือ..ที่คุณสามารถทำให้คนเรากลับมาเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง" มัลฟอยส่งเสียงถามขึ้น ชายชรามองหน้ามัลฟอยอย่างสนใจ เขาอมยิ้มให้มัลฟอยเล็กน้อย

"เธอก็เห็นผลงานฉันแล้วนิ..พ่อหนุ่ม" เมื่อได้ฟังคำตอบ มัลฟอยขมวดคิ้วพร้อมเบะตา

"ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้" มัลฟอยพูดหยามชายชรา แต่ชายชราไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองเขาแต่อย่างใด เขาเพียงอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดท้าทายมัลฟอย

"หากเธอคิดว่านี้เป็นเรื่องโกหกเด็กน้อย..จะล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มกราคม 2010, 11:50:06 am โดย ~ Chicken_rengeR ~ »

~风风~

  • ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ชีวิตนี้ก็ยังไม่สิ้นหวัง(เเต่ก็ไม่อยากจะหวังอะไรอีกเเล้ว)
  • นักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ปี 6
  • *********
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1006
  • เเละเเล้วก็ถึงวันนี้ ...จนได้สิน่ะ
Re: 10/11/09 FIC [Draco/Hermione] เรื่อง Bobbery of love ตอนที่ 1 "ให้ตายสิ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2009, 08:03:33 am »
ก็สนุกดีน่ะค่ะ :D
ก็ยังงงนิดหน่อยค่ะ
มาเเต่งต่อน่ะค่ะ
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันค่ะ

modtanoi1626

  • บุคคลทั่วไป
(3 / 01/ 10) Bobbery of love ตอนที่ 2,3,4 (Fic D/HG)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 03 มกราคม 2010, 08:23:09 am »
หวัดดีค่ะ...เพื่อน บ้าน PSW   

ขอโทษที่หายไปนาน นะค่ะ... พอดี ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่...

วันนี้เลยเอาลง ทีเดียว 3 ตอนรวดเลย  อ่านกันให้ สะใจ...ไปเลย ^^


แวะเข้ามาแล้ว มา ทักทาย เป็นกำลังใจ  ติชม  กันหน่อยนะค่ะ

เหงาๆ... จะได้มีกำลังใจ แต่งต่อไป.... ^^

พูดมาเยอะแหละ....ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ



_______________________________________________________

ตอนที่ 2 การเริ่มต้นชีวิต รูปแบบใหม่


หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องทดลองระเบิด
ภาพที่ปรากฏต่อหน้า เด็กสาว ชายชรา และชายหนุ่ม ทำให้ทั้ง 3 คนถึงกับยืนตกตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
เฮอร์ไมโอนี ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อพยายามเก็บอาการตกใจ
ชายชรารู้สึกขาอ่อน แทบจะทรงยืนทรงตัวไม่อยู่ จนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องเข้ามาประคองไว้
ชาย ชราพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางมองไปรอบๆ บริเวณชั้น 2 ที่เป็นห้องทดลองซึ่งตอนนี้อุปกรณ์ทดลองทุกอย่างของเขาแตกกระจายอยู่ทั่ว บริเวณพื้นห้อง

"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นเนี่ย" ชายชราพึมพำ ในขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆ ประคองชายชราให้เดินไปนั่งพักที่โซฟา

เฮอร์ไมโอนียังคงเฝ้ามองมัลฟอย ด้วยความเป็นห่วง พลางหันไปบอกชายหนุ่มที่กำลังประคองชายชราไปโซฟา

"หนูคิดว่าเราควรย้ายเขาไปนอนพักที่ห้องรับรองเพื่อตรวจดูอาการนะค่ะ" ชายหนุ่มหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี พร้อมกับพยักหน้ารับคำสั่ง

"ได้ ครับ..คุณหนู" เมื่อจัดแจงให้ชายชราได้นั่งพักที่โซฟาแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่เตียงทดลอง พร้อมกับอุ้มร่างของมัลฟอยขึ้นอย่างเบาหวิว

เฮอร์ไมโอนีมองตามไป อย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มอุ้มร่างของมัลฟอยเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 ซึ่งมีห้องพักอยู่มากมาย โดยมีเฮอร์ไมโอนีเดินตามไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อ ถึงห้องรับรองสำหรับแขก ชายหนุ่มเดินตรงไปที่เตียงอย่างเร็ว และค่อยๆ วางร่างของมัลฟอยเบาๆ และหันกลับมาก้มศีษระอย่างสุภาพให้เฮอร์ไมโอนี

"กระผมของอนุญาติลงไป จัดเตรียมน้ำอุ่นสำหรับเพื่อนคุณหนูนะครับ" เฮอร์ไมโอนีก้มศีษระให้ชายหนุ่มเบาๆ

"ขอบคุณค่ะ" ชายหนุ่มยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เฮอร์ไมโอนี เลื่อนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมาไว้ข้างๆ เตียง เธอนั่งลงจ้องมองใบหน้าที่เปลี่ยนไปของมัลฟอยอย่างห่วงใย
พลางลูบผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของเขาเบาๆ ใบหน้าเขามีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด เหมือนกับว่า เขากำลังอึดอัด
เมื่อ เห็นดังนั้น เฮอร์ไมโอนีจึงลุกขึ้นไป เปิดหน้าต่างบานใหญ่ที่มีอยู่รอบๆ ห้องรับลม แม้อากาศด้านนอกจะหนาวเย็นมากก็ตาม แต่ก็ขอให้อากาศภายในได้ถ่ายเทสะดวกขึ้น
ไม่นานนัก คุณวิลเลี่ยมพ่อบ้านชราซึ่งตอนนี้กลับเป็นหนุ่มแน่น กลับเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำร้อนสีเงินใบเล็กๆ และถาดเงินที่มีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดวางอยู่
เขาเดินตรงมาที่เตียง พร้อมกับวางสิ่งของที่นำมาด้วยไว้บนโต๊ะข้างเตียง พลางหันมามองเฮอร์ไมโอนี

"คุณหนูจะจัดการเองไหมครับ..หรือจะให้กระผมทำให้" เขาถามขึ้นอย่างสุภาพ
เฮอร์ไมโอนี ลังเลใจอยู่สักครู่ ก่อนจะให้คำตอบชายหนุ่ม

"เอ่อ..เอ่อ..หนูคิดว่า รบกวนคุณช่วยจัดการให้ดีกว่าค่ะ..ฝากเขาด้วยนะค่ะ" เฮอร์ไมโอนีตอบออกไปอย่างเขินอาย
ชายหนุ่มยิ้มให้เธอเล็กน้อย

"ไม่ เป็นไรครับ..ทางนี้ผมจะจัดการให้เอง..คุณท่านบอกว่า ท่านต้องการให้คุณหนูลงไปพบครับ" เมื่อพูดจบชายหนุ่มหันไป กำลังจัดแจงจะถอดเสื้อให้มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนีหันมองไปทางอื่น ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ลงบันไดไปหาคุณตาเธอ
เมื่อลงไปถึงชั้น 2 เฮอร์ไมโอนีเห็นชายชรานั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลจากเครื่องทดลอง เขากำลังนั่งอ่านแผ่นกระดาษยาวเหยียดซ้ำไปซ้ำมา
เฮอร์ไมโอนีเดินเข้าไปและนั่งลงใกล้ๆ ชายชรา

"คุณ ตาเป็นยังไงบ้างค่ะ..หายตกใจหรือยัง" เฮอร์ไมโอนีถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย  ชายชราผละสายตาออกจากกระดาษแผ่นยาว มองมาที่เฮอร์ไมโอนีอย่างอ่อนโยน

"ตาไม่เป็นไร..หลานรัก" ชายชราตอบคำถามของหลานสาวคนสวย พลางลูบเรือนผมลอนของเธออย่างเอ็นดู

"ว่าแต่..เพื่อนของหลานเป็นอย่างไรบ้าง เฮอร์ไมโอนี" เฮอร์ไมโอนีดูสีหน้าเศร้าลงทันที เธอส่ายหน้าเบาๆ

"ยัง ไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ..เขายังหลับไม่รู้เรื่องอยู่เลย" เฮอร์ไมโอนีตอบชายชรา น้ำเสียงเธอฟังดูกังวลมากทีเดียว ชายชราลูบเรือนผมของเธออีกครั้ง

"ไม่ เป็นไรหลานรัก..ตาทำให้เขากลับมาเหมือนเดิมได้แน่นอน..แต่คงต้องใช้เวลาสัก หน่อย กว่าตาจะซ่อมของที่พังเสร็จและปรุงยาฟื้นฟูเซลขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง" พูดจบชายชราหันไปมองกระดาษแผ่นยาว
เหยียดอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี

"หลานรัก..ตาอยากให้หนูตอบคำถามตาหน่อย" เฮอร์ไมโอนีมองชายชราอย่าง งุ่นงง ชายชราขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเริ่มคำถามแรกกับเธอ

"ตา อยากรู้ว่า เพื่อนคนนี้ของหลาน เขาเป็นใครกันแน่" แววตาชายชราจริงจังมากขึ้น เฮอร์ไมโอนีอึกอักอยู่สักครู่ ก่อนเริ่มตอบคำถามชายชราอย่างอธิบาย

"เอ่อ..คุณตารู้เรื่องโรงเรียน ที่หนูเรียนอยู่ใช่ไหมค่ะ..มัลฟอยคือคนที่เรียนที่เดียวกับหนู..แต่เขาแตก ต่างมากกว่า.." สิ้นคำตอบเฮอร์ไมโอนี ชายชราขยับแว่นตาไปมา

"ใช่ตา รู้...แต่เพื่อนคนนี้เขาต่างจากหนูยังไง" ชายชราเริ่มคำถามอีกครั้ง สีหน้าเขาสงสัยมากขึ้น เฮอร์ไมโอนีจ้องมองแววตาอ่อนโยนของชายชรา ก่อนจะหลบสายตามองไปทางอื่น

"คือ..มัลฟอยไม่เหมือนกับหนูตรงที่ เขาเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นผู้วิเศษ คือพ่อแม่ที่มีเวทมนต์มาตั้งแต่เกิด แต่หนูเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นคนธรรมดา..ไม่มีเวทมนต์" สิ้นสุดคำตอบของเฮอร์ไมโอนี
ชายชราหันกลับไปมองที่กระดาษแผ่นยาวนั่นอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

"ตา คิดแล้วไม่มีผิดเลย" เฮอร์ไมโอนีหันมองหน้าชายชรา อย่างงุ่นงง เมื่อเห็นสีหน้าของหลานสาวที่กำลังสงสัย ชายชราจึงวางแผ่นกระดาษยาวเหยียดนั้นลงบนโต๊ะเตี้ยๆ หน้าโซฟา พร้อมขยับมันให้เฮอร์ไมโอนี
ได้ดู เฮอร์ไมโอนีขยับตัวเข้าใกล้แผ่นกระดาษนั้นมากขึ้นอย่างสนอกสนใจ

"ดู นี้สิ..เฮอร์ไมโอนี..นี้คือกระดาษที่ออกมาขณะทำการทดลอง สังเกตุดูให้ดีตรงเส้นสีน้ำเงิน..นี้คือ เส้นแสดงคลื่นความถี่ของสมองมนุษย์ นี้คือ คลื่นความถี่สมองของเพื่อนหลาน" เมื่อพูดจบ
ชายชราเดินไปที่ ตู้กระจกหลังหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กระจกแตกกระจายไปหมดแล้ว จึงทำให้มันเหลือแต่โครงเหล็กธรรมดา ชายชราหยิบม้วนกระดาษม้วนหนึ่งขึ้นมา
พร้อมกับคลี่มันออก ก่อนจะนำมาวางเทียบกันให้เฮอร์ไมโอนีดู ชายชรานั่งลงที่โซฟาอีกครั้งและเริ่มอธิบาย

"กระดาษ ม้วนนี้ เป็นรายงานผลการทดลองของคุณวิลเลี่ยม ซึ่งหลานเห็นไหม..เส้นสีน้ำเงินนี้ อยู่ในระดับความถี่ปกติ..แต่.." ชายชราเคลื่อนกระดาษอีกใบที่อยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้อีก

"ใบนี้เป็นของเพื่อนหลาน..เห็นเส้นสีน้ำเงินไหม" เฮอร์ไมโอนีมองตามไปพร้อมกับคิดวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ เธอหันไปมองหน้าชายชราอีกครั้ง

"ทำไม.. คลื่นความถี่สมองของมัลฟอย..ถึงได้ขึ้นสูงผิดปรกติแบบนี้หละค่ะ.." สีหน้าเฮอร์ไมโอนีดูสับสนไม่น้อย ชายชรายิ้มเบาๆ ให้เธอ พลางขยับตัวพิงโซฟาอย่างผ่อนคลาย

"จากเรื่องที่ได้ฟังจากหลาน..และผล รายงานแผ่นนี้ รวมทั้งเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และด้วยสมองอันชาญฉลาดของตา หากตาคาดคะเนไม่ผิด..มันเป็นเพราะ เพื่อนหลานเอง"
เฮอร์ไมโอนีแสดงสีหน้างุ่นงง ขึ้นชัดเจน ชายชราไม่รอช้า เขาเริ่มอธิบายต่อไปอีก

"ตา คิดว่า..มนุษย์ธรรมดาและมนุษย์ที่เป็นพ่อมดหรือแม่มด มีคลื่นความถี่ของสมองที่ไม่เหมือนกัน คลื่นความถี่ของสมองเป็นตัวสร้างพลังงานกระแสไฟฟ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ มันมีจะพลังงานมากจนบางที
อาจจะสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุได้เลย หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า พลังจิต ตาคิดว่า มนุษย์ที่สามารถใช้เวทมนต์ได้จะต้องมีคลื่นความถี่ของสมองสูงมากๆ เพราะนั่นจะเท่ากับว่า มีพลังจิตสูงด้วย
ตัวอย่างจากมัลฟอย เพื่อนของหลาน เขามีความถี่สมองที่สูงมาก มันจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเขาจึงเป็นพ่อมด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตาคิดว่า มันน่าจะเกิดจากความถี่ของสมองภายในจิตใต้สำนึกของเขา
เกิดการต่อต้าน จนทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ระเบิดวัตถุรอบข้างจนราบคราบ..ตาถึงได้ถาม หลานไง ว่าเพื่อนของหลานคนนี้เขาเป็นใคร " เฮอร์ไมโอนียังคงมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ ชายชรามองเธออย่างสงสัย ก่อนจะถามเธอขึ้น

"หลานมีอะไร ที่ไม่เข้าใจหรือเปล่า" เฮอร์ไมโอนีแสดงสีหน้าออกมาชัดเจน

"มัน ก็ใช่ค่ะ..แต่คุณตาค่ะ..ในกรณีของมัลฟอย เขาเป็นพ่อมดได้ เพราะ พ่อแม่เขาเป็น...แล้ว..กรณีอย่างหนูหละค่ะ" เมื่อได้ฟังคำถามแคล่งใจของหลานสาว

ชายชราเดินไปที่ตู้กระจกที่เคยมี กระจกหลังเดิมอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงหยิบ ม้วนกระดาษอีกม้วนหนึ่งขึ้นมา และเดินกลับไปที่โซฟาพร้อมกับส่งมันให้เฮอร์ไมโอนี
เฮอร์ไมโอนีรับม้วน กระดาษมาอย่างไม่เข้าใจ เธอค่อยๆ คลายมันออกอย่างช้าๆ เนื้อหาภายในไม่แตกต่างจาก 2 แผ่นแรกเลย ชายชรานั่งลงที่โซฟาอีกครั้งและเริ่มอธิบาย

"มันคือ..ข้อมูลของหนู..เฮอร์ไมโอนี" เฮอร์ไมโอนีหันมองชายชราอีกครั้ง เขาก็ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธออีก

"จำ ได้ไหม..ตอนหลาน 4 ขวบ..อืม..แต่คิดว่าคงจำไม่ได้..ช่างมันเถอะ..ตอนนั้นหลานปวดหัวมากโดยที่ ไม่มีสาเหตุ พ่อแม่หลานจึงพามาที่นี่ เพื่อให้ตาตรวจดูอาการ กระดาษแผ่นนี้คือ ผลวิเคราะห์สมองของหลาน"

เมื่อได้ฟังเรื่องราว เฮอร์ไมโอนี ค่อยๆ ดูมันอย่างช้าๆ พร้อมกับลองเปรียบเทียบข้อมูลของเธอกับของมัลฟอย
ผล ปรากฏว่า มันคล้ายกันมาก เฮอร์ไมโอนีตกใจเล็กน้อย ชายชราสังเกตุเห็นอาการของหลานสาว เขาไม่รอช้าที่จะเต็มใจอธิบายเรื่องราวให้เธอฟังอีก

"เห็นแล้วใช่ไหม ว่า มันคล้ายกันมาก..นี้คือ เหตุผลที่หลานสามารถใช้เวทมนต์ได้ ..แต่คลื่นความถี่สมองของหลานไม่สูงมากเท่ากับมัลฟอยเพื่อนหลาน..เหตุผลนั้น อาจมาจาก พ่อแม่ต่างกัน
เด็กๆ ที่เกิดมามีคลื่นความถี่สมองสูงๆ แบบนี้ พบได้ไม่มากนักหรอกนะ..ตั้งแต่ตาเป็นหมอวิจัยด้านสมอง มาจนถึงเดี๋ยวนี้ ตายังพบไม่ถึงพันคนเลย..หึหึ " เมื่อได้ฟังคำอธิบายยืดยาวของคุณตา

เฮอร์ไมโอนีจึงรู้ซึ้งแล้วว่า เหตุใด ลูกมักเกิ้ลธรรมดาๆ อย่างเธอและเพื่อนๆ มักเกิ้ลในโรงเรียน จึงมีความสามารถใช้เวทมนต์ได้ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ไม่ใช่ผู้วิเศษ
เฮอร์ไมโอนีคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ภายใจ เธอแสดงสีหน้ากังวลใจอยู่มาก ชายชราสังเกตุใบหน้าของหลานสาวคนสวยอีกครั้ง

"หนูมีคำถามอะไร..อยากจะถาม ตาไหม" เฮอร์ไมโอนีผงะจากความคิดของตัวเองครู่หนึ่ง เธอหันมองใบหน้าของชายชราอย่างอึกอัก

"เอ่อ.. คือคุณตาค่ะ คุณตาคิดว่า จะใช้เวลานานไหมค่ะกว่า มัลฟอยจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม" เมื่อได้ฟังคำถามแสนซื่อของหลานสาว ชายชรายิ้มเล็กน้อยพลางคลึงเบาๆ ที่ขมับ

"อืม..ตาคิดว่า น่าจะประมาณ 1 เดือนนะ" เฮอร์ไมโอนีถอนใจอย่างโล่งอก เพราะหากเกินกว่านั้น ต้องมีเรื่องใหญ่เกินขึ้นแน่นอน เพราะไหนจะต้องไปโรงเรียนและเรื่องที่มัลฟอยหายออกไปจากบ้าน
พ่อและแม่ของเขาคงต้องตามหาแน่ๆ และเรื่องร้ายแรงอาจเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ
ขณะที่คุณตาผู้ชาญฉลาดและหลานสาวมักเกิ้ลแสนสวย กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาตินั้น

"เพล้ ง!!!!" เสียงกระจกแตกดังลงมาจากด้านบนชั้น 3 ทั้งสองคนหยุดการสนทนานั้นลง ชายชราและเฮอร์ไมโอนีเหลือบสายตาขึ้นมองเพดานด้านบนพร้อมกัน

"อ๊ากก กกกกกกกกกกกกกกก!!!!! ฉันจะฆ่าพวกแกกกกกกกกกกกก" เสียงของคนที่เพิ่งตื่นจากการทดลองกำลังร้องตะโกนโวยวายด้วยความบ้าคลั่ง อยู่ในห้องชั้น 3
ไม่เพียงแต่เสียงร้องโวยวายเท่านั้น แต่ยังคงมีเสียงของสิ่งของที่โดนทำลายอีกนับไม่ถ้วนตามมากลับเสียงโวยวาย
ชาย ชราอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเริ่มยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ชายชราหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนีที่กำลังนั่งขมวดคิ้วมองเพดานอยู่

"ตา ว่า..เพื่อนหลานคงตื่นแล้วหละ..เราขึ้นไปดูเขาหน่อยดีกว่า" เฮอร์ไมโอนีลุกขึ้นยืนอย่างเร็วและเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในเสื้อ คลุมของเธอ แล้วจึงเดินตามชายชราที่เดินนำหน้าเธออย่างกระชับกระเฉง
เสียง ทำลายข้าวของนั้นยังคงไม่หยุดลง เฮอร์ไมโอนีกำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น พร้อมกับคิดคาถาต่างๆ ในใจอยู่มากมาย ชายชราเดินไปหยุดที่หน้าห้องนั้นแล้วค่อยๆ หันกลับมามองหน้าเฮอร์ไมโอนีที่มีสีหน้ากังวลเต็มที่
เขายิ้มให้เธออย่างเป็นกำลังใจ

"หลานพร้อมนะ.." เฮอร์ไมโอนีมองชายชราด้วยสายตามุ่งมั่น เธอเม้นปากเล็กน้อย พร้อมกับผยักหน้าให้ชายชราเบาๆ

ชายชราผลักประตูบานใหญ่สีขาวที่อยู่ตรงหน้า ภาพที่ปรากฏต่อทั้ง 2 คน คือ สภาพของภายในห้องดูไม่ต่างจากห้องเก็บขยะเลย
กระจก ที่โต๊ะเครื่องแป้งแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง ผ้าม่านริมหน้าต่างฉีกขาด บ้างก็หลุดลงมากองอยู่ที่พื้น หมอนขนเป็ดอย่างดีถูกฉีกจนแตก จนขนเป็ดกระจายไปทั่วห้อง แจกันและรูปปั้นงานศิลป์ต่างๆ
แตกหักอยู่ที่พื้น เสียงทำลายสิ่งของเมื่อครู่นี้ เงียบลงไปแล้ว
เฮอร์ ไมโอนียืนอยู่ข้างๆ ชายชรา เธอมองดูสภาพรอบๆ ห้อง แต่ยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เธอได้ยินเสียงของคนๆ หนึ่งหอบเสียงดังแสดงถึงความเหนื่อย อยู่ไกลๆ
เฮอร์ไมไอนีและชายชราค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องช้าๆ  เฮอร์ไมโอนีสังเกตุเห็นเงาดำที่อยู่หลังผ้าม่านฉีกขาดที่ยังไม่หลุดออก จากราวแขวน เฮอร์ไมโอนีเดินเข้าไปใกล้เงาดำนั้นช้าๆ
เธอได้ยินเสียงหอบดังและเริ่มถี่ขึ้น เฮอร์ไมโอนีค่อยๆ แหวกผ้าม่านช้าๆ เพื่อเจอกับคนที่อยู่หลังผ้าม่าน
เธอ สะดุดเฮือก เมื่อได้สบตากับดวงตาสีเงินที่แดงกล่ำด้วยพายุอารมณ์ที่บ้าคลั่ง เฮอร์ไมโอนีจ้องมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าเขาดูเหนื่อยจัด เหงื่อออกทั่วตัวจนเสื้อที่เขาสวมใส่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ใบหน้าที่ขาวซีด ของเขาแสดงสีหน้าซีดมากกว่าเดิม  สีหน้าของผู้ที่อยู่ตรงหน้าแสดงถึงความโกรธแค้นอย่างรุนแรง เฮอร์ไมโอนีรู้สึกสั่นๆ เล็กน้อย แต่เธอก็ต้องข่มใจเพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งไม่หวาดกลัวต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้า

"มะ..มัล ..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีเรียก เดรโก มัลฟอย ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อได้ยินเฮอร์ไมโอนีเอ่ยชื่อเขา มัลฟอยแสดงสีหน้าโกรธแค้นมากกว่าเดิม เขาดึงผ้าม่านออกอย่างแรง
จนมันหลุดออกจากราวลงมากองที่พื้น มัลฟอยเหลือบไปเห็นชายชราที่ยืนอยู่หน้าประตู

"ตาเฒ่ามักเกิ้ล!!! ฉันจะฆ่าแกกกกก" มัลฟอย พุ่งตัวออกไปหาชายชราอย่างเร็ว ทำให้เฮอร์ไมโอนีตกใจมาก

"มัลฟอย..อย่า !!!" เฮอร์ไมโอนีคว้าตัวมัลฟอยอย่างเร็ว และพยายามรั้งร่างที่กำลังจะพุ่งไปหาคุณตาของเธอด้วยความโกรธแค้น
มัลฟอยพยายาม ดื้นให้หลุดออกจากวงแขนของเฮอร์ไมโอนีที่คว้าร่างของเขาไว้

"ปล่อยฉัน..เกรนเจอร์..ปล่อยเดี๋ยวนี้ !!!" มัลฟอยตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโหและยังคงพยายามดิ้นอยู่
เฮอร์ ไมโอนีกอดมัลฟอยแน่นขึ้น จนทำให้เขาอึดอัดและหายใจไม่ออก มัยฟอยรู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อเฮอร์ไมโอนีกอดเขาแน่นและแรงขึ้น เขารู้สึกเขินเล็กน้อยและรู้สึกดีที่มีผู้หญิงมากอดเขาแน่นขนาดนั้น
แต่...!!!! มันไม่ได้ทำให้เขาดีใจเลย เมื่อร่างกายของเขาที่เฮอร์ไมโอนีกำลังกอดอยู่มันคือ ร่างกายของเด็กอายุ  5 ขวบ มัลฟอยยังคงไม่หมดอารมณ์โกรธแค้น เขายังคงดื้นแรงขึ้น

"เกรน เจอร์..ปล่อยนะ ปล่อยสิ" เฮอร์ไมโอนีรู้สึกหมดความอดทนต่อผู้ที่เธอกำลังกอดรั้งร่าง ไม่ให้เข้าไปทำร้ายคุณตาของเธอ เดรโก มัลฟอย ขณะนี้กลายเด็กน้อยร้ายกาจเจ้าอารมณ์ที่กำลังบ้าคลั่งมาก
เฮอร์ไมโอนีสุด กลั้นอารมณ์โมโหที่มีต่อเด็กชายตัวน้อยที่ดิ้นไปมา เฮอร์ไมโอนีชันเข่าขวาขึ้นอย่างเร็ว เธอกระชากร่างเล็กๆ ของมัลฟอยหันข้างลงมาคร่อมที่หน้าขาขวาของเธอ
เฮอร์ไมโอนีกดศีษระของมัลฟอยลง ทำให้บั้นท้ายของเขาโด่งขึ้น มัลฟอยไม่ทันตั้งตัว เขาตกใจมาก

"อ๊ะ!!! จะ จะ ทำอะไรหน่ะ เกรนเจอร์" มัลฟอยพยายามดื้นหนีออกจากการล็อคตัวของเฮอร์ไมโอนี แต่เธอกดศีษระเขาแรงขึ้น ทำให้เขาขยับตัวหนีเธอไม่ได้

"ก็ทำให้เธอหยุดบ้าหน่ะสิ..เลิกอาละวาดซะที!!!" เฮอร์ไมโอนีตะหวาดมัลฟอยเสียงดัง

หลังจากนั้น..........

"เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!" เสียงหวัดบั้นท้ายน้อยๆ ของเด็กชายมัลฟอยดังขึ้น หลังจากเสียงตะหวาดของเฮอร์ไมโอนีจบลง

"โอ๊ย!!โอ๊ย ปล่อยฉันนะ !!โอ๊ย" มัลฟอยร้องออกมาสุดเสียง เมื่อเฮอร์ไมโอนีฟาดฝ่ามือเล็กๆ ของเธอแต่เต็มไปด้วยแรงมหาศาลลงบนบั้นท้ายของมัลฟอย

"เพี๊ยะ!!เพี๊ยะ!!" เสียงตีนั้นยังไม่หยุดลง เมื่อมัลฟอยยังคงดื้นและกล่าววาจาก้าวร้าวต่อคุณตาของเฮอร์ไมโอนี

"เธอ จะเลิกอาละวาดได้หรือยัง!!มัลฟอย..แล้วก็เลิกว่าคุณตาฉันซะที..ทั้งหมดมัน เป็นเพราะตัวเธอทำเองทั้งนั้น !!" เฮอร์ไมโอนีตะหวาดขึ้นเต็มแรง เธอเองก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน
ที่ต้องรบกับมัลฟอย ถึงแม้ร่างกายเขาจะกลายเป็นเด็กอายุ 5 ขวบ แต่ความร้ายกาจนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลย

"ตัว ฉันงั้นหรอ..น่าขำ..เกรนเจอร์..มันเพราะตาเฒ่ามักเกิ้ลนั้นต่างหากที่ไม่ได้ เรื่องงงงง โอ๊ย!! โอ๊ย!!" เมื่อได้ยินมัลฟอยพูดแบบนั้นอีก เฮอร์ไมโอนีเม้มปากลง พร้อมกับหวดฝ่ามือเข้าที่บั้นท้ายของมัลฟอยอีก
ชาย ชรายืนมองสงครามระหว่างหญิงสาวตัวโตกับเด็กชายร้ายกาจตัวน้อย อย่างนึกขบขัน อันที่จริง เขาไม่ได้โกรธเคืองมัลฟอยเลยที่เด็กหนุ่มกล่าวถ้อยคำดูถูกหรือเหยียดหยามเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ต้องโมโห
หรือแค้นใจเมื่อ ต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองกลับกลายร่างเป็นเด็กอีกครั้ง ชายชราขยับแว่นตาเบาๆ พร้อมกับเดินไปที่ทั้งสองช้าๆ
ชายชราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี

"พอ เถอะ..หลานรัก" ชายชรากล่าวกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนีชะงักมือ แต่ก็ยังคงกดศีษระของมัลฟอยเอาไว้ ชายชรายิ้มขึ้นเบาๆ

"ไม่ต้องห่วงนะ..พ่อหนุ่ม..ใจเย็นๆก่อน ฉันทำให้เธอกลับมาเหมือนเดิมได้แน่นอน แต่ฉันต้องขอเวลากับเธอประมาณ 1 เดือน พอได้ไหม" ชายชรากล่าวอย่างอ่อนโยนกับเด็กชายที่ถูกกดศีษระเอาไว้
มัลฟอยทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่ถูกเฮอร์ไมโอนีกดเอาไว้อีก ทำให้เขาต้องยอมก้มหน้าลงไปอย่างจำนน

"อะไร นะ 1 เดือนเลยหรอ..แล้วฉันจะทำยังไงหละ!!..จะให้ฉันกลับบ้านสภาพแบบนี้หน่ะหรอ ..เชอะ..มีหวังพวกเลือด..พวกคนธรรมดาอย่างคุณคงได้ตายเพราะ พ่อผมแน่ๆ " มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน แต่ถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วย
ความห่วงใยใน ความปลอดภัยของครอบครัวเฮอร์ไมโอนี .. เฮอร์ไมโอนีเองก็รู้สึกเช่นกัน เขาไม่ได้เรียกคุณตาของเธอว่า เลือดสีโคลน ถึงแม้จะเกือบเรียก แต่มันก็ยังดีที่เขายังรู้สึกตัวได้ว่ามันไม่สมควร
เฮอร์ไมโอนีรู้ว่า มัลฟอยคงเริ่มสงบลงได้แล้ว หลังจากที่ถูกเธอตี และได้ฟังเรื่องที่คุณตาของเธอสามารถช่วยเขาได้  เธอจึงค่อยๆ ปล่อยมัลฟอยลงให้นั่งอยู่ที่พื้น
มัลฟอยสบัดตัวออกจากเฮอร์ไมโอนี ด้วยท่าทางหวาดๆ เขาขยับออกไปนั่งห่างจากเธอมากโข  มัลฟอยเงยหน้ามองชายชราด้วยความสงสัย

"ทำไม ต้องใช้เวลา 1 เดือน เร็วกว่านั้นไม่ได้หรือไง" เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ชายชรายืนเอามือข้างไขว้หลัง มองมัลฟอยด้วยท่าทีสบายๆ

"ฉันต้องใช้เวลาซ่อมอุปกรณ์ที่เธอทำพัง และปรุงยาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง..มันต้องใช้เวลาหนุ่มน้อย" คิ้วของมัลฟอยขมวดกันจนจะกลายเป็นโบว์ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชราพูด

"ผม..ผม ทำอะไรพัง..แล้วพังได้ยังไง" มัยฟอยถามขึ้น เพราะเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมชายชราและเฮอร์ไมโอนีจึงได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนทำข้าวของพัง
ชายชราเริ่มอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มัลฟอยฟัง พร้อมทั้งอธิบายเรื่องคลื่นความถี่ของสมองที่เขาได้อธิบายให้เฮอร์ไมโอนีฟัง
เมื่อ ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด มัลฟอยจึงคลายความสงสัยขึ้นได้บ้าง เขาจึงได้ยอมรับความจริงว่า เรื่องการทดลองที่เกิดความผิดพลาดนี้ มันเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง..เพราะ เขาคือ พ่อมด..พ่อมดขนานแท้
เฮอร์ไมโอนี ที่นั่งห่างมัลฟอยหลายช่วงตัว มองหน้าเขาด้วยสีหน้ากังวล

"เอ่อ.. มัลฟอย แล้วเธอจะบอกเรื่องนี้กับครอบครัวยังไง" มัลฟอยหันมาสบสายตาเฮอร์ไมโอนีอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแง่งอน

"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรทั้ง นั้น..เพราะฉันบอกครอบครัวแล้วว่า ปิดเทอมจะออกไปเที่ยวและจะไม่กลับจนกว่าจะใกล้เปิดเทอม" เมื่อตอบคำถามจบ มัลฟอยหันใบหน้ากลมซีดไปทางอื่น
เฮอร์ไมโอนีอมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของมัลฟอย เขาดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่กำลังโกรธเพราะไม่ได้ดั่งใจตัวเองจริงๆ

"ถ้า งั้น..เธอพอจะพักที่นี้ได้ไหม..เพราะฉันต้องตรวจเช็คร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ของเธอเรื่อยๆ เพื่อเก็บข้อมูล" ชายชราพูดขึ้น เมื่อได้ฟังคำถาม มัลฟอยอึกอักอยู่สักครู่
คนอย่างเขาต้องมาอยู่กับพวกมักเกิ้ลหรือนี้ ...แล้วเขาจะอยู่ยังไง กินอะไร  ใช้ชีวิตแบบไหน  คำถามนับล้านๆ ผุดขึ้นมาในสมองของมัลฟอยจนเต็มแน่นไปหมด
ชายชรายืนมองมัลฟอยที่กำลังลังเลกับคำถามเขา ชายชราจึงตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อให้จบปัญหาไป

"เอาหละ..ไม่ต้องคิดแล้ว..สรุปว่า เธอต้องอยู่ที่นี่ เพราะนั่นก็เพื่อตัวเธอเอง และ เฮอร์ไมโอนี หลานก็ต้องอยู่ที่นี้ด้วย
เพราะ พ่อหนุ่มนี้เป็นเพื่อนของหลาน..หลานต้องช่วยตาดูแลเขา..เรื่องในวันนี้จบแค่ นี้..ตาจะลงไปค้นคว้าอะไรที่ห้องสมุด..แล้วเจอกันตอนมื้อค่ำ" เมื่อกล่าวคำตัดสินจบ ชายชราไม่ได้รอฟังคำตอบจากผู้ใด
เขาเดินเอามือไขว้หลัง ออกไปจากห้องนั้น ทิ้งให้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีนั่งตกตะลึงกับคำตัดสิน
มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี หันมาสบตากันแว่บเดียว เฮอร์ไมโอนีถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของมัลฟอย ที่แสดงต่อเธอ
เขา คงเริ่มกลัวและเกรงใจเธอได้บ้างแล้ว เพราะ ตอนนี้ เธอเหนือกว่าเขาทุกอย่าง ทั้งพละกำลัง ร่างกาย ยกเว้นเรื่องหัวสมอง เพราะเธอเหนือกว่าเขามานานแล้ว
เฮอร์ไมโอนีตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างเบาๆ เธอมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือโบกสบัดมันไปเบาๆ
สิ่งของที่มัลฟอยทำลายลงไป เริ่มค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิมปกติ ยกเว้นแต่มัลฟอย ที่ยังคงตัวเล็กอยู่
เฮอร์ ไมโอนียืนมองมัลฟอย ซึ่งตอนนี้ เขานั่งขัดสมาธิเอามือกอดอกและหันหลังให้เธอ  เฮอร์ไมโอนีอมยิ้มออกมา หากมัลฟอยไม่ร้ายกาจ เขาก็เป็นเด็กผู้ชายวัย 5 ขวบที่น่ารักมากทีเดียว
ฟัน กระต่ายคู่ใหญ่ด้านหน้าฟันของเขากลับยิ่งทำให้มัลฟอยดูน่ารักมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้น เฮอร์ไมโอนีเพิ่งสังเกตุได้ว่า มัลฟอยตอนนี้ใส่เสื้อเชิ้ตชุ่มเหงือกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวโคร่งซึ่งมันดู เหมือนกางเกงขาบานตัวใหญ่ซะมากกว่า
เฮอร์ไมโอนีมองดูรอบๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปนอกห้อง เธอหันกลับมาหามัลฟอยอีกครั้ง

"เธอ อาบน้ำซะนะ..เดี๋ยวฉันจะเอาไปเสื้อผ้ามาให้" มัลฟอยยังคงไม่สนใจต่อคำพูดของเฮอร์ไมโอนี เขาไม่ได้หันมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย เฮอร์ไมโอนีรู้ดีว่า เขาต้องโกรธมากแน่นอน แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
หากเธอไม่ทำแบบนั้น เขาก็อาจจะทำร้ายคุณตาของเธอด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบนั้น เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย

"เอา ละ..จะไม่ฟังฉันก็ได้..แต่ถ้าฉันกลับมาที่นี้อีกครั้งแล้วเธอยังมีสภาพแบบ นี้หละก็..เธอจะโดนหนักมากกว่าเมื่อกี้..แน่นอน" เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงแข็ง อันที่จริงเธอก็ไม่อยากขู่มัลฟอยเท่าไหร่
เพราะกลัวว่า เขาอาจจะหนีไปและคุณตาของเธออาจจะเดือดร้อนก็ได้ แต่หากไม่ทำทมัลฟอยก็จะไม่เลิกทำนิสัยเสียและเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ เฮอร์ไมโอนีเดินออกจากห้องและปิดประตูเบาๆ
มัลฟอยหันกลับมามองที่ประตู เขารีบลุกขึ้นอย่างเร็ว แม้จะระบมบั้นท้ายตรงที่เฮอร์ไมโอนีตีเขาก็ตาม มัลฟอยรีบวิ่งไปที่ประตูโดยเร็วและลงกลอนทั้งที

"ค่อยดูนะ..ฉันจะ เอาคืนเธอให้สาสมเลย เกรนเจอร์" มัลฟอยคิดในใจอย่างแค้นเคือง แววตาของเขามุ่งมั่นที่จะแก้แค้นมาก แต่ก่อนจะคิดแก้แค้นเฮอร์ไมโอนี..
มัลฟอยเดินไปที่ห้องน้ำ พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัว

"....." อันที่จริงเขาก็ไม่ได้กลัวเฮอร์ไมโอนีอะไรนักหนา แต่เพราะตอนนี้เขาสู้อะไรเธอไม่ได้เลย .. มัลฟอยจึงต้องยอมจำนน ทำตามที่เฮอร์ไมโอนีสั่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ถูกตี อีก (-_-!)

_________________

เวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมง

มัล ฟอยอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว แต่เขาไม่มีเสื้อผ้าที่จะใส่ จึงใส่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว  เขาเดินสำรวจภายในห้องพักที่เขาต้องพักในห้องนี้ถึง 1 เดือน
ห้องนี้เต็ม ไปด้วยภาพวาดงานศิลป์มากมาย แต่มันน่าแปลกสำหรับเขามากกว่ารูปวาดที่เคลื่อนไหวได้ เพราะรูปวาดพวกนี้ดูมีจิตวิญญาณและสามารถสร้างจินตนาการณ์ให้กับเขาได้มาก มายนัก

"ก๊อก!! ก๊อก !!" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้มัลฟอยสะดุดเล็กน้อย เขาเดินไปที่ประตูเบาๆ และใช้หูข้างหนึ่งแนบประตู

"ใครหน่ะ" มัลฟอยตัวน้อยตะโกนถามผู้ที่เคาะประตู

"ฉัน เอง..เกรนเจอร์..ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้" เมื่อรู้ตัวผู้เคาะประตู มัลฟอยค่อยๆ เขย่งเท้าเล็กๆ ของเขา เพื่อเอื้อมมือไปปลดล็อคกลอนประตู
เมื่อปลดล็อคประตูเสร็จ เขาเดินหันหลังออกมาจากประตู ก่อนที่จะมีคนเปิดประตูห้องเข้ามา

"อุ๊ย!!!" เสียงของเฮอร์ไมโอนี อุทานออกมาเสียงดัง ทำให้มัลฟอยหันไปหาเธอที่กำลังหันหลังให้เขา

"มี อะไร..เกรนเจอร์" ใบหน้าของมัลฟอยแสดงถึงความสงสัยที่ จู่ๆ เฮอร์ไมโอนีก็อุทานออกมาแบบนั้น เขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ และเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองหน้าเธอ แต่เฮอร์ไมโอนีก็หันหน้าหนีเขาอีก
มัลฟอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เขาพอจะรู้แล้วว่า เฮอร์ไมโอนีเป็นอะไร

"อ๋อ.. เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย..แม้แต่ร่างกายฉันที่เป็นแบบนี้ ยังทำให้เธอเกิดอารมณ์ได้หน่ะ..เกรนเจอร์..หึหึหึ" มัลฟอยพูดอย่างชอบใจ เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนีเขินขนาดนั้น เมื่อเห็นเขานุ่งเพียง
ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แต่ถึงจะยังไง ตอนนี้เขาก็แค่เด็ก 5 ขวบ มันยิ่งทำให้มัลฟอยขบขัน
เฮอร์ ไมโอนีกลั้นใจและข่มใจตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นกับเขามากนัก เธอพยายามคิดว่า ตอนนี้เขาก็แค่ มัลฟอยเด็กน้อย 5 ขวบ ไม่ใช่มัลฟอยเด็กหนุ่มอายุ 17 ที่เธอเคยรู้จักและ....กับเขา
เฮอร์ไมโอนีเดินไปที่เตียงพร้อมกับวางถุงกระดาษสีดำใบหนึ่งไว้ที่เตียง

"นี่ คือ เสื้อผ้าของเธอ ฉันไม่รู้ว่าตอนเด็กเธอใส่แบบไหน..เลยซื้อมาตามที่คนขายแนะนำให้" เฮอร์ไมโอนีพูดโดยที่ไม่สบตามัลฟอยเลย เธอรีบเดินออกจากห้องและปิดประตูทันที
มัลฟอยมองตามเธออย่างขบขัน เขาอมยิ้มออกมาเพราะ ท่าทางของเธอมันทำให้เขาตลกมาก มัลฟอยเดินไปที่เตียง พร้อมกับค่อยๆ เปิดดูของที่อยู่ในถุงกระดาษ

"เธอจะเลือกเสื้อผ้าให้ ฉันยังไงเนี่ย..เกรนเจอร์" มัลฟอยค่อยๆ รื้อเสื้อผ้าออกมาทีละตัว ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขา ค่อยๆ หายไปเมื่อมองดูเสื้อผ้าที่เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ซื้อมาให้

"อะไรกันเนี่ย!!!" มัลฟอยขว้างเสื้อผ้าลงบนเตียงอย่างแรง เขากลายเป็นตัวตลกให้เฮอร์ไมโอนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เสื้อผ้าที่เธอซื้อให้ มันเป็นของเด็กใส่กันทั้งนั้น ???

"........." มัลฟอยนึกได้ เขาก้มลงมองร่างกายตัวเองอย่างถอดใจ เขาลืมไปชั่วขณะหนึ่ง ว่า เขามันกลายเป็นเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบไปแล้ว
มัลฟอยจึงค่อยๆ เอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าที่ขว้างไปเมื่อครู่นี้ขึ้นมาใส่อย่างถอดถอนใจในชะตากรรม

เมื่อแต่งตัวเสร็จ มัลฟอยเปิดประตูออกมาจากห้องที่พัก เขาเดินลงบันไดชั้น 3 เพื่อลงไปยังห้องชั้น 2 ที่ใช้สำหรับทดลองสิ่งต่างๆ
เมื่อ มัลฟอยเดินเข้ามา เฮอร์ไมโอนีที่นั่งรออยู่ที่โซฟาถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เพราะภาพอยู่ตรงหน้าเธอ มันทำให้เธอพอใจมาก มัลฟอยน่ารักมากจริงๆ เธอไม่คิดว่า เขาจะกลายเป็น
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักแบบนี้ได้ และชุดที่เธอเลือกให้เขาเอง ก็เหมาะกับเขามาก  มัลฟอยในชุดเอี้ยมยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อกันหนาวมีฮูทสีขาว แถมด้วยชุดเอื้อมก็มีลายหมีปักที่อกอีกด้วย
เฮอร์ไมโอนีหัวเราะอย่างพึงพอใจ ไม

modtanoi1626

  • บุคคลทั่วไป
Re: (3 / 01/ 10) Bobbery of love ตอนที่ 2,3,4 (Fic D/HG)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 03 มกราคม 2010, 08:28:58 am »
เฮอร์ไมโอนีหัวเราะอย่างพึงพอใจ ไม่ได้สนใจเลยว่า คนที่เธอกำลังหัวเราะนั้น สีหน้าจะเป็นอย่างไร
มัลฟอยยืนมองเฮอร์ไมโอนีหัวเราะเย้าะตัวเอง  มัลฟอยหน้าแดงกล่ำเพราะความอายและเริ่มจะเดินหนีขึ้นห้องไปอีก
เมื่อเฮอร์ไมโอนีรู้ว่า มัลฟอยไม่สบอารมณ์ที่เธอหัวเราะเขา เธอรีบวิ่งไปดึงแขนเล็กๆ ของมัลฟอยทันที

"เดี๋ยวสิ..อย่าเพิ่งไป" มัลฟอยที่ตอนนี้หน้าแดงกล่ำ เขาไม่หันมามองหน้าเธอเลย มัลฟอยกำลังพยายามสบัดแขนให้หลุดท่าเดียว

"เดี๋ยว สิ..ฉัน..เอ่อ..ฉันขอโทษ..พอดีฉันไม่คิดว่า มันจะเหมาะกับเธอขนาดนี้นะ..ขอโทษจริงๆ" เฮอร์ไมโอนีกล่าวขอโทษมัลฟอยเพื่อให้เขาหายโมโหเธอ และสิ่งที่เธอทำมันได้ผล
อารมณ์โมโหของมัลฟอยสงบลงได้ เขาเลิกพยายามสบัดแขนออกจากมือเธอ เฮอร์ไมโอนียิ้มออก เมื่อเห็นว่า เขาเลิกดื้อแล้ว

"เดี๋ยว ฉันจะพาเธอออกไปข้างนอกนะ..จะได้ไปซื้อเสื้อผ้าแบบที่เธอต้องการและจะพาไปหา อะไรกินด้วย" เฮอร์ไมโอนีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มันเป็นครั้งแรกที่มัลฟอยได้ฟังเธอพูดแบบนี้
เขาหันมาเงยหน้ามองใบหน้าของเธอ ซึ่งตอนนี้สูงกว่าเขามากนัก

"ฉัน ไม่ต้องการให้เธอมาส่งเสียเลี้ยงดูฉันหรอก..ฉันเป็นผู้ชายนะเกรนเจอร์" เฮอร์ไมโอนีมองเขาอย่างทึ่งๆ แต่มัลฟอยกลับหน้าแดงกล่ำ เพราะเฮอร์ไมโอนีทำกับเขาราวกับเป็นน้องชายหรือลูกชายก็ไม่ปาน

"แต่ เธอ..มีเงินของมักเกิ้ลหรอ" เฮอร์ไมโอนีขมวดคิ้วมองมัลฟอยอย่างสงสัย มัลฟอยยิ้มที่มุมปากให้เธออย่างเจ้าเล่ห์ เฮอร์ไมโอนีมองรอยยิ้มนั้น  พลางคิดว่าไม่ว่า มัลฟอยจะอายุเท่าไหร่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย นี่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย

"มีสิ..ฉันไม่ใช่พวกที่ไม่รู้จักเตรียมตัวนะ เกรนเจอร์" เฮอร์ไมโอนีส่ายหน้ายอมแพ้กับเด็กอวดดีคนนี้และเธอก็ยิ้มอย่างมีไมตรีให้เขา ก่อนจะหันหลังและเดินนำเขาลงไปชั้นล่าง

"เราไปกันได้แล้วหละ.." เธอพูดกับคนที่อยู่ด้านหลังอย่างอ่อนโยน  มัลฟอยเดินตามเธออยู่ไม่ไกล...ก่อนจะย้ายมาเดินข้างๆ เธอ

มัล ฟอยกำลังจะได้เจอกับสิ่งแวดล้อมที่เขาไม่เคยพบเจอ สิ่งของแปลกใหม่ โลกของพวกมักเกิ้ลที่เขารังเกียจ  ..ระยะเวลา 1 เดือนต่อไปนี้ คือ จุดเริ่มต้นชีวิตรูปแบบใหม่ของ..เดรโก มัลฟอย..เด็กชายอายุ 5 ขวบ

modtanoi1626

  • บุคคลทั่วไป
Re: (3 / 01/ 10) Bobbery of love ตอนที่ 2,3,4 (Fic D/HG)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 03 มกราคม 2010, 08:29:59 am »
ตอนที่ 3 ช็อปปิ้งครั้งแรกและการปรากฏตัวของเพื่อนเก่า

ณ ป้ายรถโดยสารประจำทาง หน้าบ้าน ศาสตราจารย์เอ็ดเวริด์  เมแกน (คุณตาของเฮอร์ไมโอนี)

หญิงสาวผมฟูและเด็กชายผมบอร์น ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสถ์รกร้างเก่าแก่ที่ดูน่าสะพรึงกลัว เฮอร์ไมโอนียืนอยู่ตรงนี้สักครู่หนึ่งแล้ว โดยมีมัลฟอยยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ข้างๆ
มัลฟอยกำลังปรับตัวกับความรู้สึกแปลกใหม่ในร่างกาย ความรู้สึกที่เขาเหมือนกับลืมไปนานแสนนาน วัยเด็กที่เขาจำมันแทบไม่ได้ว่า เขาเคยมีความสุขกับมันหรือไม่

"เอาไปทิ้งซะ..ไอ้สัตว์โสโครกพันธุ์นี้หน่ะ!!!" ชายวัยกลางคน ผมยาว สีบอร์นซีด ยืนคร้ำศีษระเด็กชายตัวเล็กๆ ที่กำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นอยู่

"ฉันบอกว่าให้เอาไปทิ้ง..เดรโก" เสียงของผู้เป็นพ่อตะโกนตะหวาด ผู้เป็นลูกชายเสียงดังลั่น ทำให้เด็กชายสะดุดและตัวสั่นอย่างรุนแรง

หญิงสาววัยกลางคน ผู้มีผมสีบอร์นเช่นกัน กุลีกุจรวิ่งมาหาผู้เป็นลูกชายอย่างเร็ว เธอนั่งกับพื้นโอบกอดลูกชายที่กำลังตัวสั่นเทา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเย็นชาของสามี
ด้วยแววตา อ้อนวอน

"ลูเซียส..ได้โปรด..ให้เดรโกเลี้ยงเถอะนะ..ลูกอยู่คนเดียวคงจะเหงา" น้ำเสียงหญิงสาวอ้อนวอนผู้เป็นสามี เพื่อขอความเห็นใจ แต่หากสิ่งที่เธอทำนั้นมันเปล่าประโยชน์
ผู้เป็นสามีของเธอนั้น ไม่ได้รับรู้อะไรเลย ใบหน้าเขายังคงเฉยชาไร้ความรู้สึก เขาจ้องมองภรรยาและลูกชายที่กำลังกอดลูกสุนัขสีขาว ด้วยสายตาสมเพชและเหยียมหยาม

"แกเป็นลูกชายของฉัน..เดรโก..แกจะทำให้ฉันขายหน้าไปถึงไหน..เอามันไปทิ้งซะ!!!" ลูเซียส มัลฟอย ตะหวาดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง ทำให้สองแม่ลูก สะดุดเฮือกพร้อมๆ กัน
เดรโก มัลฟอย ส่ายศีรษะเบาๆ เสียงสะอื้นน้อยๆ ของเขาค่อยๆ เล็ดลอดออกมา

"ไม่..ไม่เอา" เสียงแหบแห้งเจือด้วยเสียงสะอื้นของเดรโก คัดค้านพ่อของเขา ลูเซียสนัยน์ตาเบิกกว้าง ใบหน้าแสดงถึงความโหดร้ายเกี้ยวกราด

"แก!!!..แกกล้าดียังไง..มาขัดคำสั่งฉันเดรโก..เอามันมานี่ !!" สิ้นเสียงตะหวาดของลูเซียส เขาตรงดิ่งเข้าหาตัวลูกชายและกระชากตัวลูกสุนัขตัวเล็กๆ ออกมาจากอ้อมกอดลูกชาย อย่างขยะแขยง

"ไม่..ไม่..ไม่..พ่อ..อย่าเอาไป" เดรโก พยายามลุกขึ้นยืนเพื่อแย่งสิ่งที่จะเป็นเพื่อนเขาคืน แต่นาร์ซิสซา รีบดึงตัวเขากลับโดยเร็ว

"อย่าเดรโก..ไม่เอาลูก ใจเย็นๆ " นาร์ซิสซา มัลฟอย พยายามอ้อมกอดและปลอบโยนลูกชายที่กำลังร้องไห้และดิ้นรนเอื้อมมือไปไขว้คว้านสิ่งที่ถูกแย่งชิงไป
ลูเซียส มัลฟอย จ้องมอง สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ในมือเขาอย่าง ขยะแขยง และเหลือบมองลูกชายตัวเอง

"แกทำตัวชั้นต่ำเกินไปแล้ว..แกกล้าลองดีกับฉันเดรโก..จำไว้นี้คือ บทเรียน!!" ลูเซียส ขว้างลูกสุนัขสีขาวลงกับพื้นอย่างแรง มันร้องครวณครางด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะเริ่มวิ่งไปหาเดรโกอย่างเร็ว
เสมือนวิ่งหาที่หลบภัย...แต่...

"อะวาดาเคดาฟ-รา" เสียงสีเขียว พุ่งตรงใส่ลูกสุนัขตัวน้อย อย่างเร็ว ลูกสุนัขแข็งทื่อไป พร้อมๆ กับคนที่กำลังจะลุกไปรับมันมาอยู่ในอ้อมกอด ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับหยุดนิ่ง ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาในจิตใจของ
เด็กชายตัวเล็กให้จมดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิด

"มัลฟอย ..มัลฟอย..มัลฟอย!!" เสียงใสแจ๋ว ดังก้องเข้าสู่ห้วงภวังค์ความเจ็บปวดของมัลฟอย ทำให้เขาสะดุดเล็กน้อย

"เป็นอะไรไป..เหม่อแบบนั้น คิดอะไรอยู่หน่ะ" เสียงของเฮอร์ไมโอนีถามมัลฟอยด้วยความห่วงใย แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอ เพิ่งแต่ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่น

"แล้วเราจะไปตรอกไดแอกอนยังไง" มัลฟอยเงยหน้ามองเฮอร์ไมโอนีด้วยความสงสัย แต่เมื่อเขาทำเช่นนั้นกับได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ของเธอ

"ใครบอกว่าเราจะไป ตรอกไดแอกอน..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีเหลือบลงมามองมัลฟอยเล็กน้อย เพื่อดูประติกิริยาของเขา มัลฟอยท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มากมาย

"อ้าว..แล้วเราจะไปซื้อของกันที่ไหนหละถ้าไม่ไป ตรอกไดแอกอน" มัลฟอยถามขึ้น ในขณะที่เฮอร์ไมโอนีกำลังชะเง้อมองถนนไปมา

"เอ๊า!!..ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง..ถ้าไม่ไปตรอกไดแอกอนแล้วจะไปที่ไหน..แล้วทำไมเราถึงไม่ไปที่นั่น" น้ำเสียงมัลฟอยฟังออกว่า เขาไม่ค่อยจะพอใจที่เฮอร์ไมโอนีเมินเฉยต่อคำถามเขา
เธอหันมามองเขาเบาๆ พร้อมกันยืนกอดอก

"เราจะไม่ไปตรอกไดแอกอน..มัลฟอย..เพราะถ้ามีใครเห็นเธอเข้าแล้ว เขาจำเธอได้..เรื่องนี้จะจบไม่สวยแน่นอน..วันนี้ฉันจะพาเธอไปแหล่งซื้อสินค้าของมักเกิ้ล" เมื่อตอบคำถามจบ เฮอร์ไมโอนี
เบือนหน้ากลับไปมองถนนเช่นเดิม มัลฟอยกรอกตาไปมาและเริ่มมีปัญหาอีกครั้ง

"เสื้อผ้ามักเกิ้ลฉันไม่อยากใส่หรอกนะ!!" เสียงน่ารำคาณของเด็กน้อยมัลฟอย ดังหนึ่งอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างถอดใจ เธอหันไปหามัลฟอยและนั่งคลุกเข่าลงกับพื้น พร้อมเผชิญหน้ากับ
เด็กน้อยเรื่องมาก

"มัลฟอย..เดรโก มัลฟอย ..ฟังฉันให้ดี..ถ้าเธอไม่หยุดบ่นเรื่องไร้สาระ..ฉันจะเลิกอดทนกับเธอ..อย่างแน่นอน!!" น้ำเสียงและสีหน้าของเฮอร์ไมโอนีดุดันและจริงจัง ดูละม้ายคล้ายกับศาสตราจารย์สเนป ไม่มีผิด
มัลฟอย ยืนมองใบหน้าที่กำลังจ้องเขาอย่างน่ากลัว พร้อมกับกลืนน้ำลายอย่างกลั้นใจ มัลฟอยผงักหน้าเบาๆ

"กะ..ก็ได้..จะทำอะไรก็ตามใจเธอแล้วกัน" มัลฟอยตอบเสียงอ่อน เด็กน้อยไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองดวงตาที่อยู่ตรงหน้าเขา เฮอร์ไมโอนียิ้มมุมปากอย่างพอใจ และลุกขึ้น

"เอาละ..เราไปกันได้แล้ว..รถเมล์มาแล้ว" เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับเดินอย่างเร็วๆ ไปที่รถเมล์ เธอหันหลังกลับมาอีกครั้ง เห็นมัลฟอยตัวน้อยวิ่งตามเธออย่างกระหืดกระหอบ เฮอร์ไมโอนีจึงรีบวิ่งกลับไปจับมือเล็กๆ ของมัลฟอย
ให้วิ่งตามมาอย่างเร็ว แต่ดูมัลฟอยจะตกใจไม่น้อยเลย

"ห๊ะ!! จะทำอะไรหน่ะ..ปล่อย ปล่อยฉัน" มัลฟอยพยายามดิ้นแต่ก็ต้องวิ่งตามเฮอร์ไมโอนีไปอย่างเร็ว ตามแรงดึงของเธอ
เฮอร์ไมโอนี จูงมัลฟอย ขึ้นรถเมล์สองชั้นของมักเกิ้ล  เธอจับมือมัลฟอยให้มานั่งที่เก้าอี้โดยสาร ทั้งสองนั่งอยู่บนรถเมล์โดยไม่มีใครพูดอะไร
มัลฟอยยังคงหันมองซ้ายมองขวา อย่างเป็นกังวลและสงสัย เพราะเขาไม่เคยใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ล ไม่เคยคิดว่าจะได้อาศัยอยู่ในโลกของมักเกิ้ล เฮอร์ไมโอนีมองมัลฟอยอย่างครุ่นคิด

"เธอมองหาอะไร..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีถามขึ้นเสียงใส มัลฟอยหันมามองเฮอร์ไมโอนี

"เอ่อ..ไม่มีคนเก็บตั๋วหรอ" สิ้นคำถามของมัลฟอย เฮอร์ไมโอนีอมยิ้มเล็กน้อย

"ไม่มีหรอก..ในโลกมักเกิ้ลเราจะซื้อตั๋วที่เครื่องจ่ายตั๋วที่ป้ายรถเมล์ เวลาจะลงก็เอาตั๋วใส่ไว้ที่เครื่องสีขาวข้างๆ คนขับรถ เธอเห็นไหม" เฮอร์ไมโอนีพูดพลางชี้ไปข้างหน้าให้มัลฟอยดู
ท่าทางเขาสนอกสนใจในสิ่งแปลกใหม่มาก ทำให้เฮอร์ไมโอนีรู้สึกชอบเขาในตอนนี้ขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยๆ มัลฟอยก็จะไม่เป็นพวกโลกแคบอีกต่อไป

"ฉันว่า..เทอมหน้าเธอน่าจะลงเรียนวิชา มักเกิ้ลศึกษานะ มันยังมีเรื่องอีกเยอะเลยที่เธอไม่รู้ว่า มักเกิ้ลอย่างเราทำอะไรได้บ้าง" เฮอร์ไมโอนีชี้แนะ และหันมายิ้มอย่างเป็นไมตรีให้มัลฟอย
แต่ใบหน้ามัลฟอยนั้น จู่ๆ ก็ฉายความเศร้าหมองออกมา

"ฉัน..ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกเกรนเจอร์..ถ้าพ่อฉันรู้เข้ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย" มัลฟอยพูดพลางมองออกไปที่หน้าต่าง เฝ้ามองสถานที่ที่ผ่านไปเรื่อยๆ เฮอร์ไมโอนีได้แต่มองมัลฟอย ที่ดูเศร้าสร้อย
แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้ เธอรู้ว่า ลูเซียส มัลฟอย โหดร้ายแค่ไหน แต่อย่างน้อยๆ เธอก็รู้ว่า มัลฟอยไม่ได้โหดร้ายอย่างพ่อของเขา แต่เขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ และปากกล้าก็เท่านั้นเอง
มัลฟอยหันมาหาเฮอร์ไมโอนี ที่กำลังจ้องเขาอยู่ เธอสะดุดเล็กน้อย เมื่อมัลฟอยหันกลับมาสบตากับเธอ

"ว่าแต่..เธอจะพาฉันไปไหน"มัลฟอยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้โดยสาร ทิ้งขาทั้งสองข้างและแกว่งมันไปมา ภาพที่เห็นทำให้เฮอร์ไมโอนีแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เพราะไม่คิดว่าเธอจะได้เห็น
เดรโก มัลฟอย ในวัยเด็กที่ไม่สามารถจะสู้ใครได้เลย เฮอร์ไมโอนียิ้มออกมาเบาๆ

"ฉันจะพาเธอไป..ย่าน อ็อกฟอร์ด สตรีท เราจะเดินไปเรื่อยๆ ถูกใจร้านไหนก็ค่อยเข้าไปซื้อ" เมื่อได้ฟังคำตอบ มัลฟอย เบะปากเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับไปมองนอกหน้างต่างตามเดิม
เวลาผ่านไปชั่วครู่ เสียงของคนขับรถประจำทางดังขึ้น

"อ็อกฟอร์ด สตรีท คร้าบบบบบบ" เฮอร์ไมโอนีรีบลุกขึ้น พร้อมกับมัลฟอยที่กระโดดลงจากเก้าอี้โดยสาร ทั้งสองเดินลงจากรถประจำทาง มายืนบนทางเดินที่มีผู้คนหลากหลายเดินกันอย่างพลุกพล่าน ไม่แพ้ตรอกไดแอกอน
เฮอร์ไมโอนี คว้าข้อมือเล็กๆมัลฟอยขึ้น และพยายามจะพาเขาเดินไป แต่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าจะมีคนขัดขืนอยู่

"ปล่อยฉันนะ..ฉันเดินเองได้เกรนเจอร์" มัลฟอยพยายามสะบัดข้อมือของเขาออกจากมือใหญ่ๆ เรียวยาวของเฮอร์ไมโอนี  เฮอร์ไมโอนีมองมัลฟอยอย่างถอดใจ

"โอเค..ก็ได้ งั้นเธอเดินเองแล้วกันนะ..แต่ถ้าเธอหลงทางฉันคงช่วยอะไรเธอไม่ได้นะ..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนี พูดพร้อมกับปล่อยข้อมือของมัลฟอย แต่ไม่ผิดความคาดหมาย มัลฟอยกลับใช้มือเล็กๆ ของเขา
จับที่เสื้อโค็ตสีดำของเธอแทน ไม่ผิดอย่างที่เฮอร์ไมโอนีคิดจริงๆ ว่า มัลฟอยต้องหวาดกลัวกับโลกที่เขาไม่เคยรู้จักแน่นอน  ต่อให้เขาเป็นพ่อมดมีเวทมนต์แค่ไหน ยังไงซะตอนนี้เขาก็แค่เด็กเล็กๆ ธรรมดา ถึงแม้จะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเหมือนเดิมก็ตาม
มัลฟอยเดินตามเฮอร์ไมโอนีไปเรื่อยๆ เขามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนั้น เขาไม่เคยรู้สึก ประหม่าและเสียความมั่นใจเท่านี้มาก่อน เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยและอ่อนแอ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนที่ตัวโตกว่าและดูมีอำนาจมากกว่าเขา แม้กระทั่งแม่เลือดสีโคลนเกรนเจอร์

"ผลัก!!โอ้ย" เสียงเด็กชายร้องขึ้น เมื่อเขาเดินชนเข้ากับ...บั้นท้ายของหญิงสาวที่เดินนำหน้า เฮอร์ไมโอนีหันมาอย่างเร็ว เมื่อรู้ว่าเด็กที่เดินจับเสื้อเธอมา ชนบั้นท้ายของเธอ

"ทำอะไรหน่ะ..มัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีมองมัลฟอยตาเขียวปั๊ด เด็กชายบีบจมูกแดงๆ ของตัวเองไปมา ใบหน้าบูดเบี้ยวเงยขึ้นมามองเฮอร์ไมโอนีอย่างไม่พอใจ

"ทำบ้าอะไร..เธอนั้นแหละหยุดเดินทำไมไม่บอกฉัน" ทั้งสองต่างมองกันอย่างไม่พอใจ เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจอีกครั้ง พยายามจะไม่ประสาทเสียกับเด็กน้อยตัวแสนคนนี้

"ถึงแล้ว..ร้านเสื้อผ้าของเธอ" เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับหันหน้าเข้าหาร้านค้า มัลฟอยมองเข้าไปในร้านอย่างประหม่า เขาขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าไม่พอใจกับเฮอร์ไมโอนี

"นี้มันอะไร..เกรนเจอร์..ร้านขายเสื้อผ้าเด็กเนี่ยนะ" เฮอร์ไมโอนีใช้ฝ่ามือเย็นๆ ของเธอขึ้นมาปิดหน้าเล็กน้อย แสดงความรู้สึก "เหลือเชื่อ"ต่อเด็กที่อยู่ตรงหน้า
 แล้วเธอจึงหันไปพูดกับเดรโก มัลฟอย เจ้าเด็กจอมเรื่องมาก

"คิดว่าเธอ..เป็นผู้ใหญ่หรือไง..เจ้าหนูมัลฟอย..เข้าไปข้างในได้แล้ว เรายังต้องไปที่อื่นอีก..เร็ว!" พูดจบ เฮอร์ไมโอนีเดินนำมัลฟอยเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เด็กน้อยที่กำลังอารมณ์เสีย
และหงุดหงิดกับคำพูดเหยียดหยามของเธอไว้นอกร้าน แต่เขาก็ต้องตัดใจเดินตามเธอเข้าไปแต่โดยดี
ภายในร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ถูกตกแต่งไว้อย่างน่ารัก ในร้านมีเสื้อสำหรับเด็กหลายวัยซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างดี โชคดีที่ในร้านไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านนัก มัลฟอยค่อยๆ เดินเข้าไปในร้าน เขาหันมองซ้ายมองขวา
และเจอเฮอร์ไมโอนีกำลัง ยืนเลือกเสื้อผ้าเด็กผู้ชายที่แขวนอยู่อย่างสนุกมือ มัลฟอยนั่งลงบนเก้าอี้บริเวณนั้น เฝ้ามองเฮอร์ไมโอนี ที่ดูกำลังสนุกกับการเลือกเสื้อผ้าให้เขาใส่
มัลฟอยไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเธอ แต่เขากลับรู้สึกดีมากกว่า ที่รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกำลังใส่ใจและสนใจเขาอยู่ เฮอร์ไมโอนีมองไปรอบๆ ร้าน สายตาเธอเหลือบมาเจอเขาพอดี
เธอเดินตรงมาที่มัลฟอย พร้อมกับกองเสื้อผ้ากองใหญ่

"เอ๊า!! เสื้อผ้าเธอ ไปลองซะ ชอบตัวไหนเธอก็เลือกเอาไว้เลย..ฉันจะรออยู่ตรงนี้" มัลฟอยขมวดคิ้วเกือบจะกลายเป็นโบว์ พลางมองเสื้อผ้าที่เฮอร์ไมโอนีเลือกให้เขา อย่างครุ่นคิด

"นี้มันอะไร..เลือกให้ดูดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง..นี้อะไรมีลายตัวตลกด้วย..ดูสิ นี่เธอจะให้ฉันใส่สีแบบนี้จริงๆ หรอ..แล้วชุดนี้อีก..ถามจริงๆ เหอะ เกรนเจอร์ เธอไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่หรือไง" มัลฟอยบ่นพึมพำ
พูดดูถูกเสื้อผ้าที่เฮอร์ไมโอนีเลือกให้แต่ละตัว เฮอร์ไมโอนียืนกอดอกมองมัลฟอยที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้าตัวโน้นตัวนี้ อย่างเซ็งๆ

"ฉันรู้..มัลฟอย..แต่เธอไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลยหรือไง..ทั้งชีวิตเธอคิดจะใส่แต่สีดำไปตลอดกาลหรือไง..แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นเด็กน่าจะใส่อะไรที่มันมีสีสันต์หน่อยสิ" เฮอร์ไมโอนีพยายามชี้แจงให้มัลฟอยเข้าใจ
แต่สิ่งที่เฮอร์ไมโอนีพูดไม่ได้เข้าหูเขาแม้แต่นิดเดียว มัลฟอยลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินตรงไปที่ชั้นวางเสื้อผ้าสำหรับเด็กผู้ชาย พร้อมกับรื้อมันออกมาดูทีละตัว
เฮอร์ไมโอนีอ้าปากค้าง อย่างตกตะลึง เมื่อเห็นมัลฟอย ค่อยๆ รื้อเสื้อผ้าแต่ละตัวออกมาจากชั้นวาง อย่างไม่สนใจใคร ตัวไหนที่เขาพอใจ เขาจะวางมันไว้บนโต๊ะข้างๆ อย่างเบามือ แต่ตัวไหนที่เขาไม่พอใจ มันจะถูกโยนทิ้งไว้แถวๆ นั้น ทำให้พนักงานขาย
ต้องค่อยตามเก็บอย่างกระหืดกระหอบ

"เอ่อ..คุณหนูค่ะ..ช่วยกรุณาวางไว้ที่ชั้นด้วยนะค่ะ ว๊ายๆ เดี๋ยว เดี๋ยว สินค้าจะเลอะเทอะหมดนะค่ะ " พนักงานขายสาวสวยคนหนึ่งพูดขึ้นในขณะที่กำลังวิ่งตามเก็บเสื้อผ้าที่มัลฟอยโยนทิ้ง
เมื่อได้ยินเสียงต่อว่า มัลฟอยหันใบหน้าซีดเซียวของเขา จ้องมองพนักงานขายสาวอย่างเย็นชา

"ถ้าไม่พอใจละก็..เธอก็เลิกทำงานนี้ซะสิ..ยัยโสโครก" มัลฟอยต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียมหยาม เฮอร์ไมโอนีเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเดินเข้าไปห้ามปรามมัลฟอย
แต่ไม่ทันที่เธอจะถึงตัวเขา มัลฟอยก็เดินเข้าไปในห้องลองเสื้อซะก่อน ทิ้งให้พนักงานขายและเฮอร์ไมโอนียืนอึ้งไปพร้อมๆ กัน

----เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ----

เฮอร์ไมโอนี ซึ่งนั่งรอมัลฟอยลองเสื้อผ้า อยู่ในอาการกึ่งหลังกึ่งตื่น เธอนั่งเท้าคางอยู่บนพักแขน

"ผู้ชายอะไร..ลองเสื้อผ้านานชะมัดเลย" เฮอร์ไมโอนีนึกอย่างรำคาณ ก่อนที่จะรู้สึกว่าในใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอ

"เฮอร์ไมโอนี" เสียงชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเรียกชื่อเธอเสียงดัง เฮอร์ไมโอนีสะดุดเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง นัยน์สีฟ้าใส ร่างสูงโปร่งและมีใบหน้าที่หล่อเหลา ยืนยิ้มให้เธออย่างคุ้นเคย
เฮอร์ไมโอนีลุกขึ้นจากโซฟาที่เธอนั่ง พร้อมกับยิ้มตอบชายหนุ่มในทันที

"เจสัน..เธอเองหรอ..ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เจอกันอีก..เธอกลับมาอยู่ลอนดอนแล้วหรอ" เฮอร์ไมโอนียิ้มร่าออกมา เมื่อคนที่เธอพบคือ เพื่อนข้างบ้านที่ย้ายบ้านจากไปเมื่อหลายปีก่อน

"ใช่..บังเอิญบริษัทของพ่อเรียกตัวให้กลับมาทำงานที่สาขาลอนดอนอีกครั้งหน่ะ..คิดว่าคราวนี้คงอยู่ที่นี้ถาวรเลย" ชายหนุ่มตอบคำถามหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง เขายืนเอามือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง
และเริ่มจ้องเธออย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะเริ่มเอ่ยประโยคสนทนาที่ทำให้เฮอร์ไมโอนีหน้าแดง

"ว่าแต่..เธอดูสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ..ฉันจำแทบไม่ได้แหน่ะ" เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงเล็กน้อยกับคำชมนั้น เธอหลบสายตาที่จ้องมอง ก่อนจะเอ่ยปากพูดกันเขาเช่นกัน

"เธอเองก็ดู..หล่อขึ้นนะ ตัวสูงขึ้นมากเลย" ชายหนุ่มเองก็เขินอายกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน เขายกมือข้างหนึ่งเกาศีรษะแก้เขิน

"ว่าแต่..เธอมาทำอะไรที่นี้ของ เจสัน" เฮอร์ไมโอนีถามขึ้นอย่างแปลกใจ ในการได้พบกันของทั้งสอง

"เอ่อ..ฉันไม่ได้ตั้งใจเข้ามาที่นี้หรอก..บังเอิญฉันเห็นเธอเข้า ก็เลยคิดว่าใช่เธอหรือเปล่า เลยเดินเข้ามาดูหน่ะ" ชายหนุ่มขยับสายเป้ข้างหนึ่งที่พาดอยู่ที่ไหล่กว้างของเขา ท่าทีเขาดูเท่ห์มาก จนเฮอร์ไมโอนีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

"แล้วนี่..เธอหละเข้ามาในร้านนี้ทำไม" ชายหนุ่มเริ่มถามบ้าง เพราะเขาไม่คิดว่า จะเจอเฮอร์ไมโอนี ในร้านเสื้อผ้าเด็ก

"เอ่อ..ฉัน..ฉันมากับ..."

"เธอมากับฉัน!!" ไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนีจะเอ่ยคำตอบของเธอจบ ก็มีเสียงแหลมเล็กแทรกขึ้นมาก่อน
เจสันและเฮอร์ไมโอนีหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมๆ กัน เด็กชายตัวเล็กๆ ผมสีบอร์นจาง ยืนมองเจสันด้วยสายตาดุดันเอาเรื่อง

"นายมีธุระอะไรกับเธอ" มัลฟอยเอ่ยขึ้นอย่างหาเรื่อง เจสันขมวดคิ้วมองหนูน้อยมัลฟอยอย่างแปลกใจ พร้อมกับหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี เพื่อขอคำตอบ

"เอ่อ..เอ่อ..นี้ญาติห่างๆ ฉันเอง เจสัน ..เขาชื่อ เดรโก มัลฟอย" เฮอร์ไมไอนีแนะนำมัลฟอยให้เจสัน รู้จักอย่างกระอักกระอ่วน

"และเอ่อ..มัลฟอย..นี้คือ เจสัน  เกรย์ เพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กๆ ของฉัน" เฮอร์ไมโอนีหันไปแนะนำเจสันให้มัลฟอยรู้จักบ้าง แต่ท่าทางเขาไม่ได้สนใจเลย
มัลฟอยรู้สึกไม่ค่อยพอใจสถานการณ์ตรงหน้านัก เขาเดินหนีออกมาจากตรงนั้น และตรงดิ่งไปที่ห้องลองเสื้อหอบเสื้อผ้ากองใหญ่ตรงไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน พร้อมกับโยนกองเสื้อผ้าสีดำล้วนลงบนเคาน์เตอร์

"ทั้งหมดเท่าไหร่" เสียงเขาดังขึ้นในขณะที่ พนักงานคิดเงินกำลังตะลึงกับกองเสื้อผ้าตรงหน้า

"เอ่อ..รอสักครู่นะค่ะ" พนักงานสาวเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
มัลฟอยยังคงอารมณ์ขุ่นมัว เขายืนเอามือกอดอกอย่างหงุดหงิด สายตาเขาเหลือบไปหาคู่เพื่อนเก่าแก่ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติอย่างหมั่นใส้

"สนิทกันเหลือเกินนะ..เชอะ" มัลฟอยคิดอย่างรำคาณใจ พลางเหลือบไปหาพนักงานคิดเงินที่กำลังทำงานอย่างแข็งขัน แต่เขากลับมองเห็นเป็นเงอะงะ

"นี่!!วันนี้เธอจะคิดเงินเสร็จไหม..ฉันไม่ได้มีเวลารอเธอคิดเงินทั้งวันนะ ไอ้แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัวเนี่ย" มัลฟอยตะหวาดใส่พนักงานคิดเงินเสียงดัง ทำให้ลูกค้าที่อยู่ในร้านหันไปต้นเสียงมองเป็นตาเดียว
พนักงานคิดเงินเร่งรีบหยิบเสื้อผ้าแต่ละตัวมายิงบาร์โค๊ดอย่างกุลีกุจล มือไม้แทบจะพันกัน

"ทั้งหมด 750ปอนด์ค่ะ" พนักงานแทบเหงื่อตกเมื่อคิดเงินเสร็จ มัลฟอยยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ เขาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์และเปิดกระเป๋าเงินหนังสีดำราคาแพงของเขา
พร้อมกับหยิบธนบัตรใบละ 50 ปอนด์ ออกมา 15ใบ พนักงานที่อยู่ระแวกนั้นต่างพากันมองอย่างทึ่งๆ
เมื่อจ่ายเงินเสร็จ มัลฟอยวางธนบัตรไว้บนเคาน์เตอร์อีก 50 ปอนด์ 

"ฉันให้..จะได้เอาไปไว้ซื้ออะไรบำรุงสมองเธอ" มัลฟอยยิ้มเยาะเย้ย อย่างอวดดี เขาเดินออกจากตรงเคาน์เตอร์ตรงไปหาเฮอร์ไมโอนีที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนเก่าของเธอ ทิ้งให้พนักงานคิดเงินเจ็บแค้นอยู่ในใจ

"เกรนเจอร์!!" เสียงของมัลฟอยเรียกเธอเสียงดัง ทำให้เฮอร์ไมโอนีตกใจเล็กน้อย

"เรียบร้อยแล้ว..ของอยู่นู้น..ไปเอามาเร็ว แล้วก็พาฉันไปหาอะไรกินซะด้วย" เจ้าหนูมัลฟอยยืนวางอำนาจ ออกคำสั่งกับเฮอร์ไมโอนีเสียงแข็ง ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก
แต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เพื่อไม่ให้เสียมารยาทต่อหน้าเจสัน เธอจึงขอตัวกับเขาสักครู่เพื่อเดินไปหยิบถุงกระดาษเสื้อผ้าของมัลฟอยที่ทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ แต่เมื่อถึงเคาน์เตอร์เธอต้องตกตะลึงเมื่อ
ถุงเสื้อผ้าของมัลฟอยไม่ใช่แค่ใบเดียว แต่มันมีมากถึง 13 ถุง เฮอร์ไมโอนีอ้าปากค้าง ก่อนที่จะเริ่มพยายามจัดแจงถือถุงแต่ละใบ ..แต่มันหนักมาก เธอถือไม่ไหวแน่ๆ
ทันใดนั้นเอง

"ให้ฉันช่วยเธอเองดีกว่า" เจสัน เกรย์ เพื่อนวัยเด็กผู้หล่อเหลา ของเฮอร์ไมโอนีเข้ามาอาสาช่วยเธอถือถุงเสื้อผ้าทั้งหมด
มัลฟอยยืนดูอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นเจสัน เข้าไปช่วยเฮอร์ไมโอนี และดูเฮอร์ไมโนีเองก็จะชอบใจอยู่ไม่น้อยเลย เมื่อทั้งสองเดินกลับมาหามัลฟอย
เฮอร์ไมโอนีสังเกตเห็นสีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก ในใจก็ภาวนาขอให้มัลฟอยอย่าหาเรื่องอะไรอีก แต่..คำภาวนาของเธอไม่เป็นผล

"ใครใช้ให้นายมาจุ้นจ้าน!!" มัลฟอยต่อว่าเจสันเสียงดัง แต่เขาอารมณ์เย็นกว่าที่คิด เจสันไม่ได้แสดงความโกรธเคืองมัลฟอยเลย เขาเพียงแต่ยิ้มให้เด็กน้อยเบาๆ

"มันเป็นหน้าที่ ที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งสมควรทำ..สักวันเธอจะเข้าใจเอง" มัลฟอยตะลึงไปกับประโยคที่ได้ยินชั่วครู่ ใบหน้าเขาแสดงถึงความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่นั้นมันก็ทำให้ปากบางๆ ของเขาหุบลงได้
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกชื่นชอบ วิธีปราบเด็กปากร้ายของเจสันมาก มันทั้งนุ่มนวลและแทงใจในเวลาเดียวกัน เฮอร์ไมโอนียิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากขึ้น

"ฉันว่า..เราควรไปหาอะไรกินกันนะ ตอนนี้ฉันเริ่มหิวๆ แล้วหละ..เจสันเธอไปด้วยกัน" เฮอร์ไมโอนีเชื้อเชิญเจสันอย่างมีไมตรี ผิดกับมัลฟอยซึ่งไม่ได้เต็มใจให้เขาไปด้วยเลย
ทั้งสามคน เดินไปตามถนนทางเดินที่ถูปูด้วยหิมะขาวสะอาด
มัลฟอยมองดู คู่หนุ่มสาวคุยกันข้ามหัวเขาไปมา อย่างรำคาณใจ

"จุ้นจ้านดีนักใช่ไหม..เดี๋ยวแกได้รู้สึกแน่..ไอ้เกรย์ลี่จอมวุ่นวาย" แผนการชั่วร้ายผุดขึ้นในหัวสมองอันร้ายกาจของมัลฟอย เขายิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างพอใจ
เจสัน เกรย์ และ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังจะต้องเผชิญกับเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะถาโถมเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจสันยังคงคุยกับเฮอร์ไมโอนีอย่างสนุกสนาน
โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า เด็กน้อยที่เดินอยู่กับเขากำลังหาทางจัดการเขาอย่างร้ายกาจ

modtanoi1626

  • บุคคลทั่วไป
Re: (3 / 01/ 10) Bobbery of love ตอนที่ 2,3,4 (Fic D/HG)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 03 มกราคม 2010, 08:30:35 am »
ตอนที่ 4 สงครามหิมะและขนมปังขาวไส้หมู

ฤดูหนาว เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ  เวลา 16.00 นาฬิกา

ชายหนุ่มหล่อเหลาและหญิงสาวผมฟูน่าตาสะสวย กำลังเดินสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ โดยไม่ได้มีใครสนใจ หรือ ใส่ใจเด็กชายตัวน้อยใบหน้ารูปไข่ ผมสีบอร์นทอง น่ารักราวกับเทวดา
ถ้าหากเลิกทำหน้าเหมือนมีของเหม็นๆ จ่อใต้จมูกตลอดเวลา ทั้งสามคนเดินไปตามทางเดิน ที่มีผู้คนคับคลั่งที่คอยเดินแวะร้านนั้น ร้านนี้เพื่อหาจับจ่ายซื้อสินค้า

"เกรนเจอร์!!" เสียงเรียกชื่อ น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจ ดังขึ้นด้านหลังเฮอร์ไมโอนี     เธอหันหลังกลับไปมองเด็กชายที่เดินตามเธอมาอย่างรวดเร็ว

"มีอะไร!..มัลฟอย" น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความไม่พอใจเช่นกัน    มัลฟอยยืนกอดอกไม่ตอบคำถามใดใดของเฮอร์ไมโอนี ท่าทางเย่อหยิ่งของเขา ทำให้เฮอร์ไมโอนีรู้สึกหงุดหงิดมาก

"นายมีอะไรหรือเปล่า..มัลฟอย!!" เฮอร์ไมโอนี เขม่นสายตาที่จ้องมองมัลฟอยและเน้นเสียงที่ชื่อของเขา    เพื่อสื่อให้รู้ว่า   "ถ้าไม่มีปัญหาอะไร  กรุณาอย่ารบกวน  ไม่งั้นจะเจ็บตัว"
มัลฟอยเหมือนจะดูปฏิกิริยาของเฮอร์ไมโอนีออก ว่า ไม่ค่อยพอใจที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้กับเธอ

"ฉันหิวแล้ว...." มัลฟอยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับก้มลงมองที่พื้น เฮอร์ไมโอนีจ้องมองมัลฟอยอย่างขบขัน ที่เขาแสดงอาการคอตก จนดูน่าสงสารและน่ารักไปพร้อมๆ กัน

"ฉันรู้แล้ว..ก็กำลังจะพาไปอยู่นี่ไง" เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับใช้มือเรียวๆ ของเธอ ลูบผมของมัลฟอย เบาๆ     การกระทำของเธอทำให้มัลฟอยตกใจมาก  เขารีบถอยกรูดออกมาอย่างเร็ว

"อย่ามาทำกับฉันแบบนี้นะ..เกรนเจอร์!!" มัลฟอยตะหวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับใช้มือเล็กๆ จับศีรษะของตัวเอง   แววตาซีดเทาของมัลฟอยจ้องมองเฮอร์ไมโอนีที่กำลังยืนอึ้งอยู่อย่างเอาเรื่อง

เสียงตะหวาดนั่นทำให้เจสัน พลอยตกใจไปด้วย เฮอร์ไมโอนียืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขาเลยจริงๆ  แต่ที่เธอทำไปเป็นเพราะว่า มัลฟอยตอนนี้ น่ารักและน่าเอ็นดูมาก
จนทำให้เธอลืมไปว่า ความจริงแล้วเขาไม่ใช่เด็กอายุ 5 ขวบ   แต่เขาอายุ 17 ปีแล้ว  เฮอร์ไมโอนีตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆ มัลฟอยที่กำลังจ้องเธอตาเขียว พร้อมกับนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
มัลฟอยยังคงยืนลูบศีรษะตัวเองและมองเฮอร์ไมโอนีที่อยู่ระดับเดียวกับเขาอย่างไม่พอใจ

"เอ่อ..มัลฟอย..ฉันขอโทษนะ ฉันลืมตัวไป.." เฮอร์ไมโอนีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา   เธอจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาสีเทาเป็นประกายของมัลฟอย
ทันใดนั้นเองที่เธอได้เห็นรอยยิ้มที่คุ้นตา  รอยยิ้มที่มุมปากแสนเจ้าเล่ห์ของมัยฟอยปรากฏขึ้นอีกครั้ง และไม่ทันที่เฮอร์ไมโอนีจะตั้งตัว
มัลฟอยตัวน้อยกระโดดเข้าคล้องคอของเฮอร์ไมโอนีพร้อมกับประทับรอยจูบอ่อนนุ่นไว้ที่ริมฝีปากเรียวบางของเธออย่างรอดเร็ว
ดวงตาของเฮอร์ไมโอนีเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรีบรวบรวมสติและกำลังจะผลักตัวมัลฟอยให้ออกไป  แต่ก็เธอก็ช้ากว่าเขาที่รับผละตัวออกจากเธอซะก่อน     ทำให้แรงดันของเฮอร์ไมโอนีเป็นผลทำให้ตัวเธอล้มลง
บั้นท้ายกระแทกพื้นไปซะเอง

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ยัยเซ่อเอ้ย" เสียงหัวเราะของมัลฟอยดังขึ้นอย่างชอบใจ ในขณะที่ตัวเขาวิ่งออกไปให้ห่างพอที่เฮอร์ไมโอนีจะคว้าตัวเขาไม่ได้
เจสัน   เกรย์  ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างขบขันและงุ่นงง  เขาเดินตรงเข้าไปช่วยเฮอร์ไมโอนีที่ล้มบั้นท้ายกระแทกอยู่บนพื้น

"เฮอร์ไมโอนี..ฉันจะช่วยเธอเอง" เจสัน  วางถุงกระดาษที่ถืออยู่ไว้บนพื้น  ก่อนจะค่อยๆ ประคองเฮอร์ไมโอนีให้ลุกขึ้นมา 
เมื่อลุกขึ้นมาได้  สิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนีทำไม่ใช่เป็นการขอบคุณเจสัน  แต่เธอใช้พละกำลังที่มีทั้งหมด วิ่งไล่จับเจ้าหนูมัลฟอยแทน
เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนีกำลังวิ่งมาทางเขา มัลฟอยจึงรีบวิ่งข้ามถนนตรงไปที่ สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพล่ง

"หยุดนะ..หยุดเดี๋ยวนี้" เฮอร์ไมโอนี ที่กำลังพยายามวิ่งตามมัลฟอย ตะโกนขึ้นสุดเสียง เธอพยายามมองทางซ้ายทางขวาเพื่อ ดูรถยนต์ที่แล่นผ่าน ก่อนจะวิ่งข้ามตัดถนนไปสวนสาธารณะ
ทางด้านเจสัน   เขากำลังยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างงุ่นงง  แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกซะจากหยิบถุงกระดาษที่ใส่เสื้อผ้าของเด็กชายขึ้นและพยายามวิ่งตามเฮอร์ไมโอนีไป

"หยุดนะ..มัลฟอย..ฉันบอกให้หยุด" เฮอร์ไมโอนียังคงวิ่งตามมัลฟอยไปเรื่อยๆ  ดูท่าทางมัลฟอยจะสนุกมาก  เขาไม่ได้วิ่งเพราะกลัวเฮอร์ไมโอนี แต่วิ่งเพราะความสนุกที่ได้แกล้งเธอ

"เธอเก่งนักไม่ใช่หรือเกรนเจอร์..แน่จริงเธอก็จับฉันให้ได้สิ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เด็กชายตัวแสบผมบอร์น ยังคงวิ่งไปไม่หยุด แม้ว่าใบหน้าเขาจะแดงระเรื่อเพราะอากาศที่หนาวเย็นแล้วก็ตามที

"หนอย!!" เสียงของเฮอร์ไมโอนี พึมพำด้วยความโมโห  เธอหยุดวิ่งพร้อมกับก้มลงไปหยิบหิมะมาปั้นเป็นก้อนกลม

"มัลฟอยยยย" เสียงของเฮอร์ไมโอนี ตะโกนเรียกชื่อมัลฟอยอย่างสุดกำลัง    ทำให้มัลฟอยหยุดวิ่งและหันมามองเฮอร์ไมโอนีอย่างสะใจ

ในขณะที่มัลฟอยกำลังหันมาและยิ้มอย่างสะใจนั้นเอง

"นี่แน่ะ!!!  ฮ่า ฮ่า เข้าเป้าเป๊ะ" เฮอร์ไมโอนีปาหิมะก้อนกลมที่เธอปั้นไว้ใส่ใบหน้าขาวซีดของมัลฟอยเข้าเต็มแรง  ตอนนี้หิมะสีขาวเกาะติดเต็มไปทั่วใบหน้าของเขา
มัลฟอยสะบัดหน้าไปมา    ทำให้หิมะที่เกาะอยู่หลุดออกไปจนหมด เผยให้เห็นใบหน้าบูดเบี้ยวแสดงถึงความโมโห

"เป็นไงหละ..มัลฟอย..เอาคืนที่เธอปาหิมะใส่ฉันเมื่อเช้าไง" เฮอร์ไมโอนีหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น เหมือนครั้งที่มัลฟอยโดนแฮร์รี่จับลากไปมาที่ฮอกส์มี้ด

"หนอย..เกรนเจอร์!!" สิ้นเสียงของมัลฟอย  เขาก้มลงหยิบหิมะขึ้นบ้างและปั้นมันเป็นก้อนกลม และไม่รอช้า เขาปามันใส่ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนีที่กำลังยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ใบหน้าสะสวยตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะสีขาว เฮอร์ไมโอนียืนอึ้ง จนพูดอะไรไม่ออกด้วยความตกใจ

"เป็นอะไรไปเกรนเจอร์..ไม่หัวเราะต่อหละ" มัลฟอยตัวน้อยยืนยิ้มด้วยความสะใจ ก่อนที่จะถูกพายุกระสุนหิมะที่เฮอร์ไมโอนีปั้นและปามากระแทกใส่ตามหน้าตามตัวอย่างเต็มแรง
มัลฟอยเองก็ไม่รอช้า   เขาเองก็หยิบหิมะขึ้นมาและปั้นมันปาใส่เฮอร์ไมโอนีเป็นชุดๆ เช่นกัน
ทั้งสองคนต่างพากันปาหิมะใส่กันไปมา จนตามเสื้อผ้า ใบหน้า และเรือนผม เต็มไปด้วยหิมะขาวโพล่ง โดยไม่ได้มีใครคนใดสนใจ เจสัน เกรย์ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สาธารณะ มองดูหญิงสาวกับเด็กน้อย
ทำสงครามหิมะและด่าทอกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

...........จนกระทั่ง.................

เสียงด่าทอและเสียงหิมะแตกกระจายสงบลง หลงเหลือแต่เพียงเสียงหอบด้วยความเหนื่อยดังไปทั่วบริเวณนั้น
เจสัน  เกรย์  ยังคงนั่งมองหญิงสาวสวยและเด็กผู้ชายตัวเล็ก ซึ่งขณะนี้แสดงความเหนื่อยอ่อนจากสงครามหิมะเมื่อครู่ชัดเจน
ทั้งสอง นั่งลงคุกอยู่กับพื้นและต่างก็พ่นลมหายใจเป็นควันสีขาวออกถี่ยิบจนดูคล้ายกับกำลังแข่งกันพ่นควันอยู่
แม้ว่าจะเหนื่อยมาก แต่ทั้งเฮอร์ไมโอนีและมัลฟอยก็ยังไม่เลิกจ้องหน้ากันอย่างโกรธเคือง..จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น จนทำให้ทั้งสองเปลี่ยนจากมองหน้ากันเป็นหันไปมองต้นเสียงนั้นแทน

"มีใครอยากได้..ซาลาเปาร้อนๆ บ้างไหม" เจสัน ตะโกนไปทางคู่ศัตรูที่กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ พร้อมกับชูมือที่มีก้อนกลมๆ สีขาวที่มีควันหอมลอยออกมา
ควันนั้นส่งกลิ่นหอมหวล ไปยั่วยวนคู่ศัตรูต่างขนาดให้เลิกจ้องหน้ากันแต่ให้หันมาจ้องมองที่มันแทน
มัลฟอยจ้องมองไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของเจสัน  อย่างงุ่นงง เขาไม่เคยเห็นของสิ่งนั้นมาก่อน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เวลานี้มันคือสิ่งที่ยั่วน้ำลายมากที่สุด เสียงโครกครากดังขึ้นในช่องท้องน้อยๆ ของมัลฟอย
แม้แต่เฮอร์ไมโอนีก็ด้วย ทั้งสองหันกลับมามองหน้ากันอีกครั้ง พร้อมกับหันไปมองซาลาเปากลิ่นหอม
มัลฟอยกลืนน้ำลายตัวเองอีกครั้ง  และเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพยายามอดทนกับเจ้าก้อนกลมๆ นั้น  มัลฟอยไม่รอช้า  เขารีบลุกขึ้นและรีบวิ่งเร็วจี๋ไปหาเจสัน
เฮอร์ไมโอนีที่นั่งมองมัลฟอย วิ่งไปหาเจสัน  แสดงใบหน้าอึ้งทึ้งกับการกระทำของมัลฟอยออกมาอย่างชัดเจน

"เอาซาลาเปาหน่อยไหม..เดรโก" เจสัน ยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับยื่นซาลาเปาที่อยู่ในมือให้มัลฟอย  แต่บังเอิญว่า เดรโก  มัลฟอย ไม่ใช่คนที่จะรับความเชื่อเหลือจากคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ
มัลฟอยเดินถอยหลังห่างออกจากมาเจสัน พร้อมด้วยใบหน้าไม่พอใจ

"ฉันไม่ต้องการให้นายมาให้ทานฉัน..บอกแค่ว่า เอาไอ้นั้นมาจากไหนก็พอ..แล้วอีกอย่าง คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อฉัน..จำเอาไว้!" มัลฟอยยืนมองหน้าเจสันด้วยแววตาดุดันเอาเรื่อง
เจสัน  ตะลึงกับคำพูดของเด็กที่อยู่ตรงหน้า คนที่เฮอร์ไมโอนีบอกเขาว่า เป็นญาติห่างๆ อายุเพียง 5 ขวบ   เจสันตะลึงไปกับคำพูดจาแบบนั้น เพราะไม่คิดว่า เด็กที่อายุเพียง 5 ขวบจะสามารถคิดประโยค
ที่เกินเด็กและร้ายกาจได้ขนาดนี้  แต่เจสันเอง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกับคำพูดของมัลฟอย เขาแค่เพียงแปลกใจเท่านั้น  เจสันยังคงส่งยิ้มให้กับมัลฟอย
พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปที่ร้านอาหารจีน ที่ไกลออกไปจากสวนสาธารณะเล็กน้อย

"ร้านนู้นไง.." เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ มัลฟอยไม่ใส่ใจกับเจสันอีกต่อไป เขาละสายตาจากเจสัน และเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านขายอาหารจีนที่เจสันบอก
เฮอร์ไมโอนี ยืนมองเหตุการณ์เมื่อครู่  เธอพอจะรู้แล้วว่า  เหตุใดมัลฟอยจึงไม่รับซาลาเปาจากเจสัน 

"ก็คงหยิ่งอีกตามเคย" เฮอร์ไมโอนีคิดขึ้นภายในใจ ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปหาเจสันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว

"เอาหน่อยไหม..เฮอร์ไมโอนี" เจสัน ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เฮอร์ไมโอนี พร้อมกับยื่นซาลาเปาให้เธอ 

"ขอบใจนะ..ไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เฮอร์ไมโอนีรับซาลาเปาอุ่นๆ จากเจสัน และยิ้มตอบเขา

"พวกเธอคงสนุกกันจนลืมฉันไปนะสิ" เจสัน พูดเชิงน้อยใจเฮอร์ไมโอนีเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนีจะไม่ได้สนใจนัก เมื่อเธอหันไปมองหามัลฟอย

"นั่นเขาจะไปไหนหรอ..เจสัน" เฮอร์ไมโอนีถามขึ้น ขณะที่หันไปมองมัลฟอยที่กำลังเดินอย่างลำบากบนหิมะลื่นๆ ไกลออกไปมากแล้ว

"อ๋อ..จะไปร้านขายอาหารจีนตรงนู้นหน่ะ" เจสันพูดพลางชี้มือให้เฮอร์ไมโอนีดู   เมื่อเห็นที่ตั้งของร้านอยู่ไกลออกและมัลฟอยเองก็หายเข้าไปในกลุ่มคนแล้ว

"ตายหล่ะเจสัน..ทำไมถึงให้มัลฟอยไปคนเดียวหละ..แย่จริง" เฮอร์ไมโอนีไม่รอฟังคำตอบใดใดจากเจสัน 
เธอรีบวางซาลาเปาที่ยังไม่ได้แกะกระดาษของเขาเอาไว้ในถุงเช่นเดิม และรีบวิ่งไปที่ร้านอาหารจีนนั้นโดยเร็ว
ทิ้งให้เจสันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับข้าวของพลุงพลัง

"ตายแล้วมัลฟอย..อยู่ไหนกันนะ" เฮอร์ไมโอนีคิดอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อมองไปทางไหนเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมัลฟอย
จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนีเปิดประตูฉลุสีแดงบานใหญ่ เข้าไปภายในร้านอาหารจีน

"เชิญครับ..เชิญครับ..ไม่ทราบว่ากี่ที่ครับ" ชายหนุ่มเอเชียผิวขาว ผมดำ ก้มศีรษะลงต่ำ พร้อมกับตอนรับเฮอร์ไมโอนีอย่างกันเอง

"เอ่อ..เอ่อ คือหนู มาหาคนหน่ะค่ะ..ไม่ทราบว่าเห็นเด็กผู้ชายอายุสัก 5 ขวบ ผมสีบอร์น นัยน์ตาสีเทา เข้ามาในร้านนี้มั้งไหมค่ะ"
เฮอร์ไมโอนีพยายามอธิบายลักษณะของมัลฟอยให้พนักงานชายคนนั้นเข้าใจ

"เอ่อ..ถ้าเป็นเด็กคนเดียวกัน..น่าจะเป็นคนนี้นะครับ" พนักงานชายเอเชียคนนั้น เดินนำเฮอร์ไมโอนีเข้าไปยังภายในของร้าน
ด้านในร้านมีการแบ่งสัดส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารเป็นอย่างดี โดยมีผนักกั้นห้องสำเร็จรูปที่สูงราวระดับช่วงอกกั้นออกเป็นส่วนตัว
พนักงานเดินนำเฮอร์ไมโอนีไปยัง สุดมุมห้องและนั้นเอง เฮอร์ไมโอนีจึงได้พบกับเดรโก  มัลฟอย

"คนนี้หรือเปล่าครับ" พนักงานเอ่ยถามเฮอร์ไมโอนีขึ้น

"เอ่อ..ใช่ค่ะ..ขอบคุณมากนะค่ะ" เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับก้มศีรษะคำนับเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปมองมัลฟอยที่กำลังนั่งพิจารณาของที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
 
"ทำอะไรหน่ะมัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้น ทำให้มัลฟอยรู้สึกตัวขึ้นมา

"อ้าวเกรนเจอร์..มาถึงนี้เชียว..นั่งลงสิ" มัลฟอยกล่าวขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้   เฮอร์ไมโอนีส่ายหน้าเบาๆ ยอมแพ้กับอารมณ์วูบวาบของมัลฟอย
เธอนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับมัลฟอย และเริ่มมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าบ้าง

"เธอบ้าหรือเปล่า" เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ  ทำให้มัลฟอยละสายตาออกจากสิ่งนั้นและมองมาที่เฮอร์ไมโอนีอย่างโกรธเคือง

"ฉันบ้าอะไรเกรนเจอร์" น้ำเสียงขุ่นเคืองของเด็กน้อยดังขึ้นจากอีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
เฮอร์ไมโอนีเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

"จะไม่ให้พูดว่า เธอบ้า ได้ยังไง  เธอสั่งซาลาเปามาเยอะซะจนกองท่วมหัวเธอขนาดนี้..เธอจะกินหมดหรือยังไง มัลฟอย" เมื่อจบคำพูดต่อว่าของเฮอร์ไมโอนี  สีหน้าของมัลฟอยไม่ได้แสดงถึงความ
สลดแต่กลับแสดงรอยยิ้มคุ้นตาบนใบหน้าอีกครั้ง

"ก็ให้เธอกินไงหล่ะเกรนเจอร์.." มัลฟอยพูดขึ้นพร้อมกับหยิบซาลาเปายื่นมาให้เฮอร์ไมโอนี "อ๊ะ..ขนมปังขาวไส้หมู" จบบทพูดของมัลฟอย  เฮอร์ไมโอนีถึงกลับ
กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

"ฮ่า ฮ่า เมื่อกี้เธอเรียกไอ้นี้ว่าอะไรนะ" เฮอร์ไมโอนีหัวเราะขบขันกับคำพูดของมัลฟอย ที่เรียกซาลาเปา ว่า ขนมปังขาวไส้หมู   การกระทำของเธอทำให้มัลฟอยไม่พอใจมาก เขาขว้างซาลาเปาลูกนั้นกลับไปที่จาน
และคิดว่า เธอเห็นเขาเป็นตัวตลก เพียงเพราะ  เขาไม่รู้จักของที่มักเกิ้ลนิยมกินกัน  เมื่อเฮอร์ไมโอนี เห็นปฏิกิริยาและสีหน้าไม่พอใจของมัลฟอย เธอก็รู้สึกตัวแล้วว่า เธอทำเกินไป  อันที่จริงแล้วไม่ผิดที่มัลฟอยจะเรียกแบบนั้น
เพราะนอกจาก ซาลาเปา จะเป็นอาหารของมักเกิ้ลแล้ว มันยังเป็นอาหารในแถบประเทศทางเอเชียนิยมกินอีกด้วย ก็ไม่แปลกที่มัลฟอยจะไม่รู้จักแม้แต่นิดเดียว เมื่อเฮอร์ไมโอนีคิดได้เช่นนั้น
เธอจึงย้ายที่นั่งจากโซฟาของเธอ ไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับมัลฟอย
มัลฟอยซึ่งตอนนี้ไม่พอใจและไม่คิดจะสนใจเฮอร์ไมโอนี  นั่งกอดอกขึ้นอีกครั้งและเบือนหน้าไปทางอื่น

"เอ่อ..มัลฟอยคือ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ..อันที่จริง นายไม่รู้ นายก็ไม่ผิดหน่ะ จริงไหม.." น้ำเสียงเฮอร์ไมโอนีแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารู้สึกผิด แต่มัลฟอยยังคงไม่สนใจและยังคงหันหน้าหนีเธออยู่
เฮอร์ไมโอนี ได้แต่นั่งมองมัลฟอยที่กำลังโกรธเธออย่างถอดใจ  เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เขาหายโมโห แต่แล้วเมื่อมองไปที่ซาลาเปากองใหญ่และดูรอบๆ บริเวณโต๊ะที่นั่งอยู่
เธอก็รู้ว่า มัลฟอยคงยังไม่ได้แตะซาลาเปาพวกนี้แน่นอน  เฮอร์ไมโอนีหันไปมองมัลฟอยอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหันไปหยิบซาลาเปาอุ่นๆ ขึ้นมา 1 ลูกและค่อยๆ บิซาลาเปาสีขาวฟูนุ่มลูกนั้นออกเป็นสองส่วน
เผยให้เห็นไส้หมูที่มีควันหอมกรุ่นลอยขึ้นมายั่วน้ำลาย ผู้ที่ได้กลิ่นของมัน  ควันฉุยๆ เริ่มลอยไปที่จมูกเล็กๆ ของมัลฟอย กลิ่นมันช่างหอมยั่วยวนใจ มัลฟอยกลืนน้ำลายอีกครั้ง และพยายามโกรธเฮอร์ไมโอนีต่อไป
เฮอร์ไมโอนีสังเกตุเห็นว่า มัลฟอยเหลือบๆ สายตามามองบ้างแล้ว เธอจึงใช้ไม้ตายสุดท้ายและคิดว่ามันต้องได้ผล

"มัลฟอย..ฉันขอโทษนะ..อ๊ะ..เธอจะหายโกรธไหม" เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นพร้อมกับยื่นซาลาเปาครึ่งหนึ่งไปใกล้ๆ จมูกของมัลฟอย เพื่อให้เขาได้กลิ่นให้เต็มที่  เสียงท้องน้อยๆ ของมัลฟอย
เริ่มออกอาการประท้วงดังโครกครากขึ้นอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนีได้ยินมันเต็มสองหูแต่ก็ต้องเก็บความน่าขบขันนั้นไว้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเรื่องอีก
จนในที่สุดแล้ว มัลฟอยทนต่อการยั่วยวนไม่ไหว แต่เขาก็ต้องพยายามรักษาท่าทีเอาไว้

"ก็ได้ เกรนเจอร์..ฉันจะยกโทษให้เธอ..แต่อย่าให้มีคราวหน้าอีกก็แล้วกัน" เฮอร์ไมโอนีผยักหน้าแสดงการรับรู้เบาๆ ก่อนจะยื่นซาลาเปาครึ่งลูกนั้นให้มัลฟอย
มัลฟอยรับมันมาไว้ในมือ แต่ก็ยังคงมองมันอยากพิจารณา ก่อนที่จะเริ่มกัดมันด้วยปากเล็กๆ ของเขา สัมผัสแรกที่รู้สึกคือ
เนื้อแป้งนุ่มๆ อุ่นๆ และรสชาติของเนื้อหมูที่นุ่มลิ้นและมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศต่างๆ มันทำให้มัลฟอย
รู้สึกว่า มันไม่เหมือนขนมปังทั่วไปที่เขาเคยกิน ต่อให้เป็นขนมปังที่ทำขึ้นจากเวทมนต์ก็ตาม  มัลฟอยแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนเฮอร์ไมโอนีอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
จนกระทั่งครึ่งลูกนั้นหมดไป และตามด้วยลูกที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ  จนเฮอร์ไมโอนีได้แต่นั่งมองเด็กชายตัวน้อยเขมือบซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อย

"เธอไม่กินหล่ะ เกรนเจอร์" มัลฟอยพูดขึ้นเมื่อ ซาลาเปาลูกที่ 9 หมดจากปากไป จากนั้นเขาก็หยิบซาลาเปาลูกที่ 10 ขึ้นมา และบิมันออกเป็น 2 ส่วน

"อ่ะ..กินสิ" มัลฟอยยื่นมือเล็กๆ ที่ถือซาลาเปาครึ่งหนึ่งส่งให้เฮอร์ไมโอนี
เธอรับซาลาเปาครึ่งหนึ่งจากมือของมัลฟอย ก่อนจะยื่นซาลาเปาอีกครึ่งของเธอให้มัลฟอย แต่มัลฟอยกลับใช้ปากงับซาลาเปาที่เฮอร์ไมโอนีส่งให้ ก่อนจะเคี้ยวมันลงท้องอย่างสบายอารมณ์

"ครึ่งนี้อร่อยกว่าทุกลูกที่กินเลยแหะ" มัลฟอยเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆ มาให้เฮอร์ไมโอนี 
เฮอร์ไมโอนีรู้สึกเขินและทำอะไรไม่ถูก   เธอจึงจะย้ายกลับไปนั่งที่เดิมของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น  เดรโก  มัลฟอย  ก็จับแขนของเธอด้วยมือทั้งสองข้างของเขาซะก่อน

"จะไปไหน..นั่งอยู่นี้เถอะ" มัลฟอยเอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่แหลมเล็กของเขาตอนนี้ฟังดูเหมือนเสียงออดอ้อน

"ไม่หละ..ฉันจะกลับไปนั่งที่เดิม" เฮอร์ไมโอนีพยายามจะลุกไปอีกครั้ง แต่ก็ถูกแรงเล็กๆ ของมัลฟอย ดึงเอาไว้ไม่ให้ไป

"นั่งตรงนี้!" จากน้ำเสียงออดอ้อนกลายเป็นน้ำเสียงออกคำสั่ง  เฮอร์ไมโอนีจ้องมองมัลฟอยที่กำลังบังคับเธอ

"ฉันบอกว่า ไม่!!" เฮอร์ไมโอนี เสียงดังขึ้นพร้อมกับสลัดแขนจากมือมัลฟอย

ทันใดนั้นเอง

"ฮือ..ฮือ..ฮือ...พี่ครับ  ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ..พี่ครับให้ผมกินข้าวนะ..ฮือ ฮือ" เฮอร์ไมโอนีถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อ เดรโก  มัลฟอย จู่ๆ ตะโกนร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ทำให้ลูกค้าที่อยู่ในร้านหันมามองเฮอร์ไมโอนีเป็นตาเดียว และเริ่มมีเสียงซุบซิบนินทา  เฮอร์ไมโอนีกลับมานั่งลงข้างๆ มัลฟอย อีกครั้ง

"เธอทำบ้าอะไรเนี่ยมัลฟอย" เฮอร์ไมโอนีกระซิบเสียงแผ่วเบากับมัลฟอย

"ถ้าเธอไม่นั่งตรงนี้ฉันจะร้องอีก..เกรนเจอร์..อย่าลืมสิตอนนี้ฉันเป็นเด็กนะ..ถ้าฉันร้องคนก็ต้องคิดว่าเธอทำอะไรฉัน" สีหน้าแสดงถึงชัยชนะปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัลฟอย

"ก็ได้" เฮอร์ไมโอนีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน 

"อ๊ะ..เธอจะกินอะไรอีกไหม สั่งเลย" มัลฟอยพูดพร้อมกับยื่นเมนูเล่มใหญ่ส่งให้เฮอร์ไมโอนี
เฮอร์ไมโอนีรับเมนูไว้ และ เริ่มเปิดดูรายการอาหารอย่างสนใจ
ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารจีนกันอย่างเอร็ดอร่อย  จนดูเหมือนว่า ทั้งคู่จะลืมไปแล้วว่า มีคน ๆ หนึ่งรอพวกเขาอยู่ด้านนอกร้าน ที่สวนสาธารณะ ..(-_-!)

 

SMF spam blocked by CleanTalk