Fans !!! > Fan Fiction [ ฉบับยังไม่สมบูรณ์ ]

22/10/2009 Made of Honor [เวอร์ชั่นเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย] คู่ D/Hr นะคะ

<< < (2/2)

piksi:


***Chapter 6 คนที่คู่ควร***

หลังจากทานขนมเค้กเสร็จเรียบร้อยเดรโกก็ขับรถมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่คอนโดของเธอ  หญิงสาวย้ายออกจากบ้านของพ่อกับแม่ตั้งแต่ปีแรกที่เธอเรียนจบ  ความจริงห้องที่เฮอร์ไมโอนี่ย้ายออกมาอยู่ในตอนแรกนั้นไม่ใช่คอนโดที่กว้างขวางและได้รับการตกแต่งดีขนาดนี้  ช่วงที่เธอออกมาอยู่ข้างนอกในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่เช่าอพาร์ตเมนต์ร่วมกับเพื่อนสนิทสมัยเด็กที่เป็นมักเกิ้ล  แต่เมื่อเธอเข้ามาช่วยเดรโกทำคดีความเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ของกระทรวงรวมถึงทำสัญญาซื้อปราสาทที่สก็อตแลนด์ให้เขา  ชายหนุ่มก็ตอบแทนค่าเหนื่อยของเธอด้วยเงินก้อนใหญ่ที่ทำให้เธอพอจะดาวน์คอนโดราคาแพงได้ซักห้องหนึ่ง 
แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ซื้อคอนโดใจกลางลอนดอนหลังนี้ในเวลาครึ่งปีให้หลัง  แม้ว่าเธอจะมีเงินพอที่จะซื้อมันแล้วก็ตาม  แต่หญิงสาวก็ใช้เวลาคิดใคร่ครวญอยู่นานกว่าจะตัดสินใจซื้อ  เพราะเธอคิดว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ซักชิ้นนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะคิดให้รอบคอบและศึกษาหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป
หลังจากหาห้องพักดี ๆ อยู่นาน  เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัดสินใจซื้อคอนโดริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ที่มีราคาค่อนข้างสูงแต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับวิวของห้องดังกล่าว  รวมทั้งการที่คอนโดแห่งนี้ตั้งอยู่ในละแวกบ้านที่น่าอยู่และปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งของลอนดอนด้วย  ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในเขตของมักเกิ้ลก็ตาม  แต่หญิงสาวก็สามารถเดินทางไปทำงานโดยการหายตัว  และเธอยังขึ้นรถไฟใต้ดินจากที่พักของเธอไปยังลอนดอนของมักเกิ้ลได้อีกด้วย
ถึงจะซื้อคอนโดห้องใหม่แล้วก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ที่เช่าร่วมกับ ‘ ลิซ่า ’ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของเธอในทันที  เนื่องจากคอนโดที่หญิงสาวซื้อนั้นยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการตกแต่งภายในซึ่งกินระยะเวลาหลายเดือน  เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เดิมกับลิซ่าไปก่อนระหว่างรอย้ายไปยังคอนโดของเธอ  อีกทั้งหญิงสาวกลัวว่าลิซ่าที่ยังหารูมเมทคนใหม่ไม่ได้จะต้องรับภาระค่าเช่าห้องเพียงลำพังเฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจอยู่กับเธอไปจนกว่าคอนโดใหม่จะตกแต่งเสร็จและลิซ่าหารูมเมทคนใหม่ได้  แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจของเธอในครั้งนั้นจะนำเรื่องวุ่นวายมาให้เธอในเวลาต่อมา

ช่วงที่เฮอร์ไมโอนี่ยังอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เดียวกับลิซ่านั้นเป็นช่วงที่เธอสนิทกับเดรโกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว  และชายหนุ่มก็เริ่มคุยกับเธอเรื่องการขยายโรงแรมในเครือมัลฟอยของเขาไปทั่วยุโรป  ประกอบกับตอนนั้นเดรโกเป็นคนอาสาเข้ามาช่วยเธอตกแต่งคอนโดใหม่ของเธอมันจึงทำให้ทั้งสองได้เจอกันบ่อยยิ่งขึ้น  และเมื่อคนอื่นเริ่มเห็นเธอและเขาออกไปข้างนอกด้วยกันบ่อยครั้งมันจึงทำให้เกิดข่าวลือระหว่างเขากับเธอขึ้นมา 
การที่เฮอร์ไมโอนี่กับเดรโก  มัลฟอยศัตรูเก่าของเธอที่ฮอกวอตส์สนิทสนมกันจนถึงขั้นออกไปไหนด้วยกันตามลำพังบ่อย ๆ โดยมีเดรโกเป็นคนไปรับไปส่งเฮอร์ไมโอนี่เป็นประจำ  จึงทำให้เกิดข่าวลือขึ้นมาในหมู่พ่อมดแม่มดว่าเดรโกออกเดทกับเธอ  และข่าวลือนั้นคงไม่แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งโลกเวทย์มนตร์แน่ ๆ ถ้าหากริต้า  สกีตเตอร์ไม่เอาเรื่องของทั้งสองไปเขียนลงคอลัมด์ของเธอในเดลี่พรอเฟ็ตและแม่มดรายสัปดาห์ 
หลังจากริต้า  สกีตเตอร์ได้ข่าวว่าเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่สนิทสนมกันเกินกว่าที่ปรึกษาด้านกฎหมายและลูกความ  เธอจึงไม่รีรอที่จะเขียนข่าวใหม่ให้ผู้อ่านที่กระหายของเธอ  ด้วยการพาดหัวข่าวว่า 

เดรโก  มัลฟอย  หลงเสน่ห์เลือดสีโคลน!!!


เดรโก  มัลฟอย  พ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่มีประวัติอันแสนจะอื้อฉาว  ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมัลฟอยเปลี่ยนรสนิยมไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง!  หลังจากสงครามครั้งยิ่งใหญ่จบลงเขาก็หันหลังให้หนทางการเป็นผู้เสพความเช่นเดียวกับการหันหลังให้ธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลมัลฟอยที่มีมาแต่โบราณโดยการออกเดทกับแม่มดเลือดสีโคลนอย่างมิสเกรนเจอร์  ทนายความสาวผู้มีมันส์สมองที่ปราดเปรื่องซึ่งตรงข้ามกับสายเลือดของเธออย่างสิ้นเชิง  เพราะเหตุใดถึงทำให้มิสเตอร์มัลฟอย  ชายหนุ่มเลือดบริสุทธิ์ที่โด่งดังในหมู่แม่มด  ลดมาตรฐานของเขาเองลงมาคบหากับผู้หญิงที่เกิดจากมักเกิ้ลซึ่งเคยเป็นศัตรูกับเขามาก่อนที่ฮอกวอตส์นั้นทางเราไม่อาจคาดเดาได้  ไม่แน่ว่ามิสเตอร์มัลฟอยอาจจะหันหลังให้กับด้านมืดอย่างแท้จริงแล้วและเลือกที่จะไม่ยึดติดกับเรื่องสายเลือดดังเช่นที่ตระกูลของเขาปฏิบัติมาตลอดเป็นเวลาหลายร้อยปี  หรือบางทีมิสเกรนเจอร์ผู้ชาญฉลาดไม่ว่าจะในเรื่องกฎหมายเวทย์มนตร์หรือเรื่องการปรุงยาอาจจะมีวิธีง่าย ๆ ที่ทำให้พ่อมดที่โด่งดังอย่างเดรโก  มัลฟอยหันมาหลงเสน่ห์เธอ  ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่เธอเคยใช้ทำให้แฮร์รี่  พอตเตอร์  และวิคเตอร์  ครัม  สองพ่อมดที่มีชื่อเสียงมาหลงรักเธอคราวเดียวกันมาแล้ว!


แน่นอนว่าข่าวที่ริต้า  สกีตเตอร์เขียนนั้นสร้างความเดือดร้อนให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่น้อยเลยทีเดียว  เพราะมันไม่ต่างจากครั้งที่ริต้าเขียนว่าเธอสนุกกับการปั่นหัวสองหนุ่มซึ่งก็คือแฮร์รี่กับครัมเล่นเมื่อตอนที่เธออยู่ปีสี่เท่าไหร่นัก  เพราะในตอนนั้นไม่ว่าเธอจะเดินไปที่ไหนในกระทรวงเวทย์มนตร์ก็มีแต่เสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องของเธอและเดรโกดังขึ้นไม่ขาดปาก  ขณะที่เดรโกซึ่งเป็นผู้เสียหายเหมือนกับเธอนั้นก็ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนแต่อย่างใด  เพราะชายหนุ่มไม่แคร์อยู่แล้วว่าสื่อจะพูดถึงเขาอย่างไร  อันที่จริงเขาออกจะชินกับมันไปแล้วด้วยซ้ำ  เพราะตั้งแต่ที่พ่อของเขาถูกจับในตอนปีห้านักข่าวก็คอยเขียนข่าวเสีย ๆ หายๆ เรื่องครอบครัวของเขามาโดยตลอด
 ถึงเดรโกจะไม่สนใจเรื่องไร้สาระที่ริต้า  สกีตเตอร์เขียนลงในหนังสือก็ตาม  แต่เขาก็อดสงสารเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ที่เธอต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา  แม้ว่าหญิงสาวจะบอกว่าเธอไม่สนใจเรื่องนี้พอ ๆ กับเขา  แต่เดรโกก็พอจะดูออกว่าเธอไม่สบายใจเท่าไหร่เวลาที่เดินไปไหนแล้วมีเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเป็นเงาตามตัว  เพียงแต่หญิงสาวเลือกที่จะไม่พูดมันออกมาเท่านั้น 
จนกระทั่งวันหนึ่งริต้า  สกีตเตอร์ลงข่าวไร้สาระว่าทั้งสองหมั้นกันอย่างเป็นทางการแล้ว [ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่โมโหมากเมื่ออ่านข่าวนั้นจบ] เดรโกก็บอกกับเธอว่าเขาจะจัดการเรื่องทุกอย่างเอง  และเขาจะไม่ปล่อยให้มีใครมาทำให้เธอเดือดร้อนใจเป็นอันขาด  ในตอนแรกที่ได้ยินเดรโกพูดเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อยแม้ว่าเธอจะแปลกใจอยู่บ้างก็ตาม  เพราะหญิงสาวไม่รู้เลยว่าเดรโกจะใช้วิธีไหนที่จะหยุดข่าวลือพวกนั้นได้  แต่หลังจากชายหนุ่มลงมือจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วหญิงสาวถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลยแม้แต่น้อย
เพราะสิ่งที่เดรโกทำเพื่อยุติข่าวลือระหว่างเขาและเฮอร์ไมโอนี่คือการออกเดทกับลิซ่า  เพื่อนรักของเธอ!

.................................................

ความจริงเดรโกรู้จักกับลิซ่ามานานแล้วในฐานะเพื่อนของเฮอร์ไมโอนี่  แต่เมื่อเขากับเฮอร์ไมโอนี่สนิทกันมากขึ้นก็มีหลายครั้งที่เดรโกมารับมาส่งเธอรวมทั้งมาหาเธอที่ห้องและพบกับเพื่อนร่วมห้องของเธอเข้า  ขณะที่เริ่มมีข่าวลือระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่เกิดขึ้นในหมู่ของพ่อมดแม่มดด้วยกัน  โดยเฉพาะช่วงที่ข่าวลือนั้นทวีความรุนแรงขึ้นจนหญิงสาวแทบจะรับไม่ไหวกับมัน  เดรโกก็หันไปออกเดทกับลิซ่าเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของเฮอร์ไมโอนี่แทน 
การกระทำของเดรโกทำให้เฮอร์ไมโอนี่ปละหลาดใจมาก  ไม่ใช่แค่การที่พ่อมดเลือดบริสุทธิ์อย่างเดรโกมาออกเดทกับสาวมักเกิ้ลอย่างลิซ่าเท่านั้น  [ ก่อนหน้านี้เดรโกที่แม้จะเลือกเดทสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาแต่เขาก็ไม่เคยเดทสาวมักเกิ้ลมาก่อนเลย ]  แต่หญิงสาวคนที่เดรโกเลือกจะออกเดทด้วยกลับเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของเธออีกต่างหาก!
และก็ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่เพียงคนเดียวที่ตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม  เพราะการที่เลือดบริสุทธิ์อย่างเดรโก  มัลฟอย  หันมาเดทสาวมักเกิ้ลนั้นเป็นเรื่องแปลกพอที่จะทำให้เดลี่พรอเฟ็ตหันมาสนใจ  และแน่นอนว่าริต้า  สกีตเตอร์นั้นรีบเปลี่ยนจากการเขียนข่าวเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่มาเล่นข่าวของเดรโกกับลิซ่าแทนเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสามอาทิตย์
 แต่ที่แปลกกว่าอะไรทั้งหมดก็คงเป็นการที่เดรโกไม่ปฏิเสธเรื่องที่เขาออกเดทกับลิซ่ากับนักข่าวเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามเขากลับเปิดเผยกับสื่อตามตรงว่าเขากำลังออกเดทกับสาวมักเกิ้ลคนหนึ่งอยู่  ข่าวนั้นเป็นข่าวที่ช็อกโลกเวทย์มนตร์ไปเลยทีเดียว  โดยเฉพาะแม่มดสาวเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายที่หลงใหลเดรโก  เพราะพวกหล่อนไม่ทีทางเชื่อว่าพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมัลฟอยอย่างเขาจะลดตัวลงไปออกเดทหรือแม้กระทั่งคบหากับพวกมักเกิ้ล
และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ลิซ่าได้รับจดหมายกัมปนาทเป็นครั้งแรกในชีวิตเธอ  หลังจากสื่อยืนยันว่าเรื่องที่เดรโก มัลฟอยกำลังเดทกับสาวมักเกิ้ลอยู่นั้นเป็นความจริง  บรรดาแม่มดที่ชื่นชอบเขาก็ส่งจดหมายด่าทอมาให้ลิซ่ามากมาย  ทั้งจดหมายกัมปนาทจำนวนนับไม่ถ้วนรวมไปถึงจดหมายที่บรรจุหนองบิวทูบเบอร์เข้มข้นและคำแช่งต่าง ๆ  ซึ่งคนที่เดือดร้อนในเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ลิซ่าเท่านั้น  แต่กลับเป็นเฮอร์ไมโอนี่เพื่อนสนิทของเธอด้วย  เพราะหญิงสาวต้องคอยร่ายคาถากำจัดจดหมายที่บรรจุคำแช่งเหล่านั้นให้ลิซ่า  รวมทั้งร่ายคาถาป้องกันไว้รอบอพาร์ตเมนต์เพื่อไม่ให้มีแม่มดคนไหนส่งสามารถจดหมายที่มีคำสาปมาถึงเพื่อนของเธอได้อีก

แม้ว่าจะถูกแฟนคลับของเดรโกจงเกลียดจงชัง  แต่ลิซ่าเองก็ภูมิใจไม่น้อยที่ได้ออกเดทกับพ่อมดหนุ่มรูปหล่อที่แสนจะร่ำรวยอย่างเดรโกที่ไม่เคยมีทีท่าว่าจะสนใจสาวมักเกิ้ลมาก่อน  มิหนำซ้ำเขายังเปิดเผยเรื่องของเธอให้สื่อรู้ด้วยว่าเขากำลังคบกับเธอโดยไม่สนใจเลยว่าคนทั้งโลกเวทย์มนตร์จะมองเขายังไง  และการกระทำนั้นทำให้ลิซ่าปลาบปลื้มเป็นอย่างมากจนเธอถึงกับคิดไปเองว่าเดรโกจะจริงจังกับเธอและเลิกนิสัยเจ้าชู้อย่างที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเตือนเธอเอาไว้ตั้งแต่แรก  แต่หลังจากออกเดทได้ไม่ถึงสี่เดือนลิซ่าก็รู้ตัวว่าที่ผ่านมาเธอนั้นคิดผิดมาโดยตลอด!
เพราะแท้จริงแล้วสำหรับเดรโก  มัลฟอยผู้หญิงทุกคนเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น  พวกเธอไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าเป็นคู่นอนและเป็นตุ๊กตาที่เขาจะควงไปไหนมาไหนด้วยเลย  และความสัมพันธ์ของเขากับพวกเธอก็มีระยะเวลาอยู่เพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น  เพราะเมื่อใดที่เดรโกเกิดเบื่อขึ้นมา  หญิงสาวคนนั้นก็จะเปรียบเหมือนของเล่นเก่าตกรุ่นที่เขาพร้อมจะเขี่ยทิ้งได้ทุกเมื่อ
  แม้ว่าก่อนหน้าที่จะมาเจอกันลิซ่าเดรโกไม่เคยออกเดทกับมักเกิ้ลหรือแม้กระทั่งแม่มดเลือดผสมมาก่อนก็ตาม  แต่หลังจากพ่อของเขาตายไปในสงครามเดรโกเองก็เปลี่ยนมุมมองเรื่องสายเลือดไปมาก  อีกอย่างสาว ๆ เลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายเริ่มทำให้เขาเบื่อหน่ายในความจืดชืดและเย่อหยิ่งถือตัวของพวกเธอ  ตรงกันข้ามกับหญิงสาวมักเกิ้ลที่ดูมีชีวิตชีวาและเป็นกันเองมากกว่า  ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดว่าการหันไปควงแม่มดเลือดผสมหรือมักเกิ้ลดูก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรตราบเท่าที่เขาไม่ได้จริงจังกับพวกหล่อน 
หลังจากนั้นเดรโกก็มาเจอกับลิซ่า  เพื่อนร่วมห้องของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเขาไม่ได้สนใจเธอตั้งแต่แรกเห็น  แต่หลังจากเขาคอยมารับมาส่งเฮอร์ไมโอนี่มันจึงทำให้พวกเขาได้เจอกันบ่อยขึ้นและเริ่มสนิทกันมากขึ้น  จนกระทั่งริต้า  สกีตเตอร์เอาเรื่องที่เขาเดทกับเฮอร์ไมโอนี่ไปเขียนลงหนังสือพิมพ์  ประกอบกับการที่ลิซ่า  จะให้เขาพูดว่ายังไงดีล่ะ  ประกอบกับที่ลิซ่า.......เริ่มให้ท่าเขานิด ๆ เขาก็เลยตัดสินใจคบกับเธอเพื่อตัดปัญหาข่าวลือระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่เสีย
ในตอนแรกเดรโกไม่ได้คิดจริงจังกับลิซ่าถึงขนาดต้องประกาศให้สื่อรู้ว่าเขากำลังเดทกับเธออยู่  แต่การทำเช่นนั้นเป็นทางเดียวที่จะยุติข่าวลือระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ลงได้  เพราะในตอนนั้นเขาและเฮอร์ไมโอนี่เพิ่งเริ่มสนิทกันไม่นานนักและเดรโกก็ดูออกว่าข่าวลือนั้นทำให้หญิงสาวลำบากใจแค่ไหน  เพียงแต่เธอพูดให้เขาสบายใจเท่านั้นว่าเธอไม่แคร์ข่าวพวกนั้นเลย  เดรโกจึงตัดสินใจออกเดทกับลิซ่าเพื่อยุติเรื่องเข้าใจผิดนั้นเสีย  เพราะสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือการสูญเสียมิตรภาพระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ไป  โดยเฉพาะเมื่อมันมีต้นเหตุมาจากข่าวลือไร้สาระเหล่านั้น

แต่การออกเดทกับลิซ่านั้นเป็นการทำผิดพลาดยิ่งใหญ่ของเดรโกเลยทีเดียว  ไม่ใช่แค่เรื่องที่โลกเวทย์มนตร์รู้ว่าเขาหันมาเดทมักเกิ้ลซึ่งเขาก็ไม่แคร์ในเรื่องนั้นอยู่แล้ว  แต่เป็นเพราะท่าทีที่เปิดเผยในความสัมพันธ์ของเขาและเธอทำให้ลิซ่าคิดว่าเขาจริงจังกับเธอ  ซึ่งนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เดรโกต้องการจะให้ผู้หญิงทุกคนที่เขาเดทด้วยคิด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลิซ่าเริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอต้องการจริงจังกับเขาและเริ่มพูดเรื่องอนาคตกับเขา  ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งออกเดทกับเธอได้ไม่ถึงสี่เดือนด้วยซ้ำ!  เดรโกจึงตัดสินใจทิ้งเธอเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มวางแผนงานแต่งงานระหว่างเธอกับเขา!
ความจริงจะเรียกว่าทิ้งก็ไม่ถูกเท่าไหร่นัก  เพราะเดรโกไม่ได้บอกเลิกเธออย่างเป็นทางการ  เขาแค่หันไปควงผู้หญิงคนอื่นและเลิกสนใจเธอไปก็เท่านั้น  และหลังจากที่ลิซ่าเห็นว่าเดรโกเปลี่ยนไปและไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเหมือนเมื่อก่อนรวมทั้งที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอและยกเลิกนัดของเธอบ่อยครั้งโดยบอกว่างานยุ่ง  ลิซ่าก็คิดว่าเขาอาจจะมีผู้หญิงคนอื่น 
หลังจากที่เดรโกปฏิเสธนัดของเธอเป็นครั้งที่สาม  ลิซ่าซึ่งทนไม่ไหวกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาก็บุกไปยังคอนโดของเดรโก  เธอต้องการจับให้ได้ว่าเขามีคนอื่นจริงหรือไม่  แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นลิซ่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่ม  จนกระทั่งเธอมารู้จากเฮอร์ไมโอนี่ทีหลังว่าเดรโกไปดูโรงแรมของเขาที่สก็อตแลนด์และยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับเมื่อไหร่ 
แต่ลิซ่าที่ไม่อาจรอจนเดรโกกลับมาที่อังกฤษได้ก็ขอร้องให้เฮอร์ไมโอนี่พาเธอไปหาเขาที่โรงแรมในสก็อตแลนด์ซึ่งเธอไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเพื่อจัดการเรื่องระหว่างเธอกับเขา  และเพราะความสงสารที่เห็นเพื่อนสาวกังวลใจเป็นอย่างมาก  เฮอร์ไมโอนี่จึงยอมทำตามที่ลิซ่าขอร้องอย่างเสียไม่ได้ 
ทั้งสองไปถึงโรงแรมของเดรโกที่สก็อตแลนด์ในวันต่อมา  หลังจากทุ่มเถียงกับพนักงานต้อนรับอยู่หลายนาทีลิซ่าก็บุกไปยังห้องนอนของเดรโกที่โรงแรมของเขา  และสิ่งที่เธอรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นหลังจากประตูห้องถูกเปิดออกด้วยคาถา ‘ อาโลโฮโมร่า ’ ของเฮอร์ไมโอนี่ที่ลิซ่าขอให้เธอเป็นคนเสกขึ้นก็คือเดรโกกำลังอยู่บนเตียงกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง!
ลิซ่าแทบช็อกกับสิ่งที่เธอเห็น [แต่สำหรับเฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับไม่แปลกใจเท่าไหร่  เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเดรโกมีนิสัยอย่างไร] เพราะเธอคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มคนนี้จริงจังกับเธอ  และรักเธอจนยอมเปิดเผยเรื่องของเธอและเขากับสื่อของโลกเวทย์มนตร์  ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแค่มักเกิ้ลธรรมดา ๆ เท่านั้น  และจากคำบอกเล่าของเฮอร์ไมโอนี่  เพื่อนสนิทของเธอ  ลิซ่าก็พอจะรู้ว่าตระกูลมัลฟอยนั้นเคร่งเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์แค่ไหน  แล้วทายาทคนเดียวของตระกูลพ่อมดที่สูงส่งจะลดตัวลงมาคบกับเธอทำไมถ้าเขาไม่รักเธอน่ะ!

ทันทีที่ลิซ่าพบผู้หญิงอื่นอยู่บนเตียงนอนของเดรโก  เธอก็ตรงเข้าไปทำร้ายผู้หญิงคนที่มายุ่งกับคนรักของเธอทันที  แต่เดรโกกลับคว้าร่างของเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้จัดการผู้หญิงคนนั้น  หญิงสาวจึงตะโกนว่าเขาว่าเขาทรยศเธอ  แต่เดรโกกลับตอบกลับมาเรียบ ๆ ว่าเขาไม่ได้ทรยศเธอเลย  เพราะเขาไม่เคยรักเธอแม้แต่น้อย! 
ลิซ่าถึงกับช็อกไปเพราะคำพูดนั้น  และเธอก็เริ่มเถียงว่ามันไม่จริง!  ที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้รักเธอได้อย่างไร  ในเมื่อเขาเป็นคนเปิดเผยกับคนอื่นเองว่าเขาคบกับเธอ!  เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นเหมือนซินเดอเรลล่าที่ได้พบรักกับเจ้าชาย  แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาไม่ได้รักเธอ  จนกระทั่งเดรโกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า  ที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกเธอว่าเขารักเธอเลยซักครั้ง  แล้วเธอจะมาพูดได้อย่างไรว่าเขารักเธอ! 
ชายหนุ่มยังเสริมกับสีหน้าตะลึงงันของลิซ่าอีกว่า  จริงอยู่ที่เขาอาจจะเปิดเผยเรื่องของเธอให้โลกเวทย์มนตร์รับรู้  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงจังกับเธอ  ตรงกันข้ามท่าทีที่เธอทำเหมือนพยายามจะจริงจังเขานั้นยิ่งทำให้เขาเบื่อหน่ายและอยากเลิกกับเธอจนเขาต้องมาคบกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้
และแน่นอนว่านั่นเป็นคำพูดที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวและทำร้ายจิตใจของลิซ่ามาก  แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ฟูมฟายเสียใจแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามเธอกลับโกรธเขาอย่างที่ไม่เคยโกรธใครมาก่อน  และเธอก็เลือกที่จะระบายความโกรธของเธอด้วยวิธีที่ใครก็คาดไม่ถึง  เพราะว่าหลังจากที่เดรโกพูดถ้อยคำที่ทำร้ายจิตใจของเธอจบลง  ลิซ่าก็ต่อยหน้าเขา!!!
เดรโกรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เธอทำ!  เพราะก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทันตัดความสัมพันธ์กับเธออย่างเป็นทางการลิซ่าก็ส่งหมัดของเธอเข้ามาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเสียแล้ว!
เดรโกใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าเขาจะหายจากอาการมึนงง  และก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบอะไรออกไปเขาก็เห็นแผ่นหลังของลิซ่าหายลับออกไปจากห้องเสียแล้ว  แต่สิ่งที่ชายหนุ่มรับรู้เป็นลำดับต่อมาก็คือสายตาเย็นชาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาทางเขาราวกับเขาได้ทำผิดอย่างมหันต์ลงไป!
สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่ใช้มองเขาแทบจะกรีดหัวใจชายหนุ่มออกเป็นเสี่ยง ๆ และมันทำให้เดรโกรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างที่เขาก็เองคาดไม่ถึง   ความรู้สึกผิดที่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันมีอยู่เลยแม้แต่น้อยในตอนที่ลิซ่าจับได้ว่าเขานอกใจกลับถาโถมเข้ามาในใจของเขาทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาเย็นชาซึ่งเธอไม่เคยใช้มองเขามาก่อน!  แต่ก่อนที่เดรโกจะได้พูดหรืออธิบายอะไรออกไป  หญิงสาวก็หันหลังให้เขาและวิ่งตามเพื่อนรักของเธอไปเสียแล้ว

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เรื่องราวทั้งหมดจบลงด้วยการเลิกราของเดรโกและลิซ่าซึ่งเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการมากที่สุด  เดลี่พรอเฟ็ตเล่นข่าวนี้อยู่ไม่ต่ำกว่าสามอาทิตย์เช่นเคย  แต่เดรโกไม่สนใจเรื่องนั้นเลย  สิ่งที่เขาแคร์ที่สุดไม่ใช่ลิซ่าหรือภาพพจน์ของเขาที่สื่อเกือบจะทำลายเสียย่อยยับ  แต่เป็นเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขาต่างหาก
ในตอนแรกที่เขาหักอกลิซ่า  เฮอร์ไมโอนี่โกรธเขามากที่เขาทำให้เพื่อนรักของเธอเสียใจ  ประกอบกับลิซ่าเองก็ไม่ยอมให้เฮอร์ไมโอนี่ยุ่งเกี่ยวกับเดรโกอีกต่อไปตามนิสัยเอาแต่ใจของเธอ  ซึ่งนั่นทำให้เดรโกอึดอัดมากเนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่แทบจะไม่พูดกับเขาเลยในข่วงแรกที่เกิดเรื่อง  เพราะเขาเป็นคนทำร้ายจิตใจเพื่อนรักของเธอ  และทุกครั้งที่เดรโกพยายามจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวก็ได้แต่พูดว่าให้เขาไปอธิบายกับลิซ่าเองจะดีกว่า 
แต่หลังจากผ่านการงอนง้ออยู่ไม่ต่ำว่าสองสัปดาห์เฮอร์ไมโอนี่ก็ใจอ่อนและเริ่มกลับมาคบกับเขาเหมือนเดิม  ความจริงแล้วหญิงสาวเป็นคนมีเหตุผลพอที่จะแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร  และเธอก็เข้าใจว่าที่ลิซ่าเพื่อนของเธอต้องเจ็บช้ำเพราะเธออยากเล่นกับไฟเองทั้ง ๆ ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเตือนเธอแล้วว่าเดรโกเจ้าชู้เพียงไร  แต่ลิซ่าก็ยังคิดเหมือนกันผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่มาติดพันเขาว่าเขาจะรักเธอมากพอที่จะหยุดอยู่ที่เธอคนเดียว  ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่
หลังจากที่เดรโกกลับมาสนิทกับเฮอร์ไมโอนี่ตามเดิมลิซ่าก็แสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด  เธอประกาศออกมาเลยว่าให้เฮอร์ไมโอนี่เลือกระหว่างเธอหรือเดรโก  ซึ่งมันเป็นความคิดที่ไร้สาระมากในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งเดรโกด้วย  แต่ถึงอย่างนั้นลิซ่าเองก็ยังยืนกรานให้เธอเลือกอยู่ดี 
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ตอบไปว่าเธอเลือกไม่ได้ว่าจะคบใครเพราะทั้งลิซ่าและเดรโกล้วนเป็นเพื่อนคนสำคัญของเธอทั้งสิ้น  ลิซ่าก็รู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่ทรยศเธออีกคน  เธอจึงย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ที่ทั้งสองอยู่ร่วมกันและเลิกติดต่อเฮอร์ไมโอนี่ไปพักใหญ่  จนกระทั่งเธอคลายความโกรธได้ซึ่งก็ใช้เวลานานพอดูทั้งสองก็กลับมาเป็นเพื่อนกันตามเดิม  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเดรโกด้วย  แต่หญิงสาวเลือกที่จะไม่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนทั้งสองคนพร้อมกัน  รวมทั้งหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดชื่อของฝ่ายตรงข้ามเมื่อเธออยู่กับเพื่อนสนิทคนใดคนหนึ่ง  โดยเฉพาะเมื่อเธออยู่กับลิซ่า  คำว่า ‘ เดรโก ’ ถือเป็นคำต้องห้ามสำหรับเธอเลยทีเดียว  แต่ถึงเฮอร์ไมอนี่จะทำเช่นนั้นมาตลอดก็ตามลิซ่าก็ไม่เคยและไม่มีวันลืมเรื่องที่เดรโกเคยทำกับเธอไว้ได้เลย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เดรโกขับรถมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่คอนโดของเธอหลังจากที่ทั้งสองทานขนมหวานกันเสร็จ  โดยเฮอร์ไมโอนี่ไม่ลืมที่จะสั่งเค้กเพิ่มอีกที่หนึ่งและให้ทางร้านใส่กล่องให้เธอกลับไปทานที่บ้าน  และเมื่อทั้งสองมาถึงที่พักของหญิงสาว  เธอก็ไม่ลืมที่จะชวนเขาไปดื่มชาในห้องของเธอก่อนกลับ
เดรโกช่วยเธอถือของที่พวกเขาไปช้อปปิ้งด้วยกันมายังห้องของเธอ  และทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูออกเธอก็พบว่ามีร่างสีส้มขนฟูพุ่งเข้าใส่เธอ
 “ครุกแชงค์!” หญิงสาวร้องอย่างตกใจก่อนจะรับเจ้าแมวส้มมาไว้ในอ้อมแขน
“แม๊วววววววว” ครุกแชงค์ร้องด้วยน้ำเสียงออกอ้อน
“ว่าไงครับ  คิดถึงหม่ามี๊เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่เจ้าแมวอ้วนมองเธออย่างไม่พอใจราวกับมันต้องการบอกว่า ‘ ทำไมวันนี้กลับเย็นจัง ’
 “ขอโทษนะที่หม่ามี๊กลับช้า  เดี๋ยวหม่ามี๊หาอะไรให้กินนะครับ” หญิงสาวพูดกับเจ้าแมวขี้อ้อน  มันร้อง ‘ ม๊าวววววว ’ อย่างชอบใจเมื่อได้ยินคำว่าของกิน  ก่อนจะหันไปมองเดรโกที่บัดนี้มายืนอยู่ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่  ใบหน้าแบนแป้นของมันมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจราวกับต้องการพูดว่า ‘ นายพาเจ้านายของชั้นไปไหนมาถึงกลับมาป่านนี้น่ะ! ’
  ขณะเดียวกันนั้นเดรโกเองก็สังเกตุเห็นปลอกคออันใหม่ที่มีคริสตัลและโบประดับอยู่ของมัน
“นี่เธอเปลี่ยนปลอกคอให้มันใหม่เหรอเนี่ย” เขาถาม
“ใช่  เหมือนกับของลูอี้ด้วยนะ  ใส่แล้วเป็นไง  หล่อขึ้นมั๊ย” เธอพูดพลางหันหน้าครุกแชงค์มาให้เดรโกดู  ชายหนุ่มย่นคิ้วกับภาพที่เขาเห็น  ปลอกคอสีแดงที่มันสวมอยู่ตัดกับขนสีส้มของมันอย่างน่ากลัว
“ฉันว่ามันไม่เหมาะกับเจ้านี่เท่าไหร่นะ  แต่น่าจะเหมาะกับลูอี้มากกว่า  ลูอี้!” เขาเรียกชื่อแมวอีกตัวของเฮอร์ไมโอนี่  และไม่นานนักก็มีร่างขนปุยของแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาวสะอาดปรากฏขึ้นตรงประตูห้อง  มันสวมปลอกคอแบบเดียวกับครุกแชงค์เพียงแต่เป็นสีชมพูเท่านั้น
ลูอี้เป็นแมวที่เฮอร์ไมโอนี่และแฟนเก่าของเธอทาร์ควินซื้อมาเลี้ยงด้วยกัน  แต่หลังจากที่ทั้งสองเลิกรากันและทาร์ควินย้ายไปอยู่อเมริกานั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ขอลูอี้ไว้เลี้ยงที่อังกฤษเพราะเธอต้องการให้ครุกแชงค์มีเพื่อนเล่น
เดรโกเข้าไปลูบหัวเจ้าแมวขนสีขาวที่เพิ่งมาใหม่นั้นอย่างเอ็นดู  พลางสำรวจปลอกคอประดับคริสตัสสีชมพูที่มันใส่อยู่
“ชั้นว่าแล้วเชียวว่าต้องเหมาะกับแกมากกว่าครุกแชงค์  แกใส่แล้วสวยมากจริง ๆ น่ารักมาก  ชั้นรักแกจัง  แกใส่แล้วน่ารักมากเลย” เดรโกพูดพลางลูบนุ่มขนลูอี้อย่างมันเขี้ยว  เขาชอบแมวตัวนี้ของเฮอร์ไมโอนี่มากจริง ๆ ความจริงแล้วเดรโกก็เป็นคนรักสัตว์เหมือนกันโดยเฉพาะหมากับแมว  แต่ที่เขาไม่ค่อยถูกกับครุกแชงค์เท่าไหร่นักเป็นเพราะเจ้าแมวส้มนั่นไม่พอใจที่เขามาแย่งความสนใจของเจ้านายไปจากมัน
เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยครุกแชงค์ลงบนพื้นและเข้ามายืนข้าง ๆ เดรโกที่กำลังลูบขนของลูอี้อยู่
“เธอน่าจะใช้คำ ๆ นี้กับคนบ้างนะ” หญิงสาวว่า  ขณะที่เดรโกเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เธอว่าอะไรนะ” เขาถาม
“คำว่า ‘ รัก ’ น่ะ  เธอน่าจะให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่สัตว์บ้าง” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางจ้องเข้าไปในแววตาสีเงินของเดรโก  แต่ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงจ้องเธอตอบอย่างงุนงง  ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“คำ ๆ นี้ไม่ใช่กับมนุษย์หรอก  จริงไหม” เขาหันไปพูดกับเจ้าแมวสีขาวที่เอาเท้าหน้าเขี่ยแขนเดรโกอย่างพอใจเมื่อชายหนุ่มลูบหัวมัน  แต่เดรโกก็เล่นกับลูอี้อยู่ได้ไม่นานเมื่อครุกแชงค์เดินเข้ามาหาเขาและตะปบแขนของเขาด้วยเล็บคม ๆ ของมันพลางจ้องเขาด้วยดวงตาสีเหลืองที่ดูไม่พอใจราวกับมันอยากบอกจะเดรโกว่า ‘ มายุ่งอะไรกับแฟนผม ’
“ปล่อยเลยนะครุกแชงค์”  เดรโกพูดเมื่อเจ้าแมวส้มข่วนเสื้อของเขาด้วยเล็บของมัน “แกรู้มั๊ยเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่น่ะ!” ชายหนุ่มเอ็ดพลางดันร่างของแมวอ้วนออกไปห่าง ๆ แต่มันกลับจ้องเขาตอบอย่างกวน ๆ ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะกับสิ่งที่เห็นพลางแซวชายหนุ่มว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกทะเลาะกับครุกแชงค์เสียที
“ก็มันมาหาเรื่องชั้นก่อนทุกทีนี่นา  ว่าแต่เธอเป็นเลือกปลอกคอเองเหรอ  สวยเหมือนกันนะ” เดรโกถาม
“เปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “ทาร์ควินส่งมาให้พร้อมกับจดหมายน่ะ  เค้าบอกว่าเค้าคิดถึงครุกแชงค์กับลูอี้มาก  ตอนไปเดินห้างเขาก็เลยซื้อมาให้พวกมันน่ะ” เธออธิบายขณะที่เดรโกปล่อยมือจากปลอกคอสวยนั้นในทันที
“อ้อ  อย่างนั้นเรอะ  ชั้นว่าที่หมอนั่นคิดถึงน่าจะเป็นเจ้านายของครุกแชงค์กับลูอี้มากกว่านะ” เขาพูดพลางมองเฮอร์ไมโอนี่  “ความจริงหมอนั่นน่าจะตัดใจจากเธอได้ซักที  แล้วก็น่าจะเลิกส่งอะไร ๆ มาให้เธอแบบนี้ด้วย” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สู้พอใจเท่าไหร่นัก
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะกับท่าทีของเขา 
“ที่เค้าส่งมาเนี่ยเค้าจงใจให้ครุกแชงค์กับลูอี้นะ  เดรโก  มันไม่เกี่ยวกับชั้นเลย  แล้วเค้าก็อาจจะคิดถึงพวกมันจริง ๆ ก็ได้  เขาน่ะรักลูอี้มากด้วย  แต่เป็นเพราะชั้นเองแหละที่ขอลูอี้ไว้เลี้ยงที่นี่น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่เดรโกทำเสียงบางอย่างในลำคอที่ฟังดูคล้ายคำว่า ‘ เฮอะ ’ เป็นอย่างมาก
 “อันที่จริงชั้นเองก็อยากให้เค้าตัดใจจากชั้นได้เหมือนกัน  แต่มันคงต้องใช้เวลาหน่อยสำหรับเขา” หญิงสาวพูดตามตรง  แต่เดรโกทำหน้าราวกับจะพูดออกมาว่า ‘ สิบเก้าเดือนที่ผ่านมานี่มันยังไม่พออีกรึไง! ’ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ที่สังเกตุเห็นสีหน้าหงุดหงิดของชายหนุ่มก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“ความจริงเธอไม่เห็นต้องอารมณ์เสียเลยนี่นา  เค้าแค่ส่งจดหมายกับของมาให้แค่นั้นไม่ได้มาตามรังควานชั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่” เธอพูดพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่ระหว่างคิ้วของเดรโกที่บัดนี้แทบจะขมวดติดกัน
“ดูซิ  หน้าบูดหมดแล้ว” เธอว่าพลางใช้นิ้วดันไม่ให้คิ้วของชายหนุ่มมาชนกันพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา  และเป็นเพราะรอยยิ้มนั้นมันทำให้เดรโกอยากจะคว้าร่างเธอมากอดและจูบเธอ  แต่ชายหนุ่มก็ห้ามตัวเองไว้ทันก่อนที่เขาจะทำอย่างที่คิดลงไป

‘ เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของนายนะเดรโก  ท่องเอาไว้สิ  เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนาย  และนายคงหาเพื่อนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วแน่ ๆ ถ้านายทำอะไรที่เป็นการทำลายมิตรภาพระหว่างเธอกับนายลงไปน่ะ! ‘ 

ชายหนุ่มย้ำเตือนกับตัวเอง  เขาต้องท่องไว้เสมอว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของเขาเท่านั้น  และเขาจะไม่ยอมเสียความเป็นเพื่อนระหว่างเขากับเธอไปเป็นอันขาด  ไม่ว่ามันจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม!

PJT SiKok:
มาต่อเร็วๆนะ
แต่งดีมากเลย ^^

aMaDos:
อ่านจนจบเลยแหละ
ภาษาดีมากๆเลย แม้จะเป็นการดัดแปลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสฟิคชั่นเสียไปเลย
ว่าแต่ไอตอนแรก....ฉากในหอประธาน....  8)  เดรโกจ้องอะไร????ฮ่าๆ ที่ตัวเฮอร์ไมโอนี่
แกคิดจะทำอะไรนางเอกของแกก่อนเวลาหรือไงกันนะ


มีหลายตอนเหมือนกันนะเนี่ยที่เดรโกเองก็หวั่นไหว...
ว่าแต่....ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะแอบชอบเดรโกก่อนนิหน่า?
ว้าก....... :-\ ฮ่าๆเขินแทน


(เดี๋ยวมาอีดิทคอมเม้นท์ค่ะ... เนื่องจากว่า....ลงไปทำกับข้าวก่อน)

Fire & Wind:
เก่งมากเลย

แต่งได้ยาวขนาดนี้เลยเดี๋ยวจะลองไปอ่านดูนะครับ

ขอบคุณครับ

piksi:


*** Chapter 7 คืนของหนุ่ม ๆ ***

รถสอร์ตสีเงินที่ดูเด่นสะดุดตาเลี้ยวเข้าไปในสปอร์ตยิมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง  และทันทีที่พนักงานเห็นรถคนนั้นเขาก็รีบออกมาต้อนรับเจ้าของรถทันที
เดรโก  มัลฟอยก้าวลงจากรถ  เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปล่อยชายออกนอกกางเกงกับกางเกงสแลคสีดำซึ่งบอกได้ว่าเขาเพิ่งออกมาจากที่ทำงาน  ในมือของชายหนุ่มมีกระเป๋ากีฬาใบหนึ่งที่ดูไม่ค่อยเข้ากับชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการของเขาเท่าไหร่นักอยู่  ขณะที่พนักงานที่สวมชุดกีฬาตรงเข้ามาต้อนรับเขาอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณมัลฟอย  ยินดีที่ได้พบคุณครับ” ชายคนนั้นกล่าว  มัลฟอยทักเขากลับพร้อมกับส่งกุญแจรถให้เขาก่อนจะเดินเข้ายิมไป
เดรโกเดินเข้ามาในสปอร์ตยิมหรูหราที่เขาเป็นสมาชิกระดับโกลด์มากว่าสามปีแล้ว  ชายหนุ่มมักชอบมาที่นี่ยามที่เขามีเวลาว่างเพื่อมาเล่นสควอช  ออกกำลังกายหรือไม่ก็นัดเพื่อน ๆ มาเล่นกีฬาต่าง ๆ กันที่นี่
ตั้งแต่สงครามจบลงเดรโกได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างมิตรภาพที่แท้จริงกับมิตรภาพจอมปลอมซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อจอมมารถูกทำลาย  การที่พ่อของแม่ของเขาตายในสงครามรวมทั้งฐานะของตระกูลมัลฟอยที่ตกต่ำลงจนแทบเรี่ยดินทำให้เพื่อนฝูงที่เขาเคยคบหาตีตัวออกห่าง  รวมทั้งสาว ๆ ที่คอยมาเอาอกเอาใจก็กลับหนีหายเขาไปหมด  หลังจากวันนั้นเดรโกได้ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะไม่ไว้ใครอีกต่อไป  โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่เคยพะเน้าพะนอเอาใจแต่ตอนนี้พวกหล่อนกลับมองเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยามเมื่อเขาไม่ใช่เดรโก  มัลฟอย ที่ร่ำรวยและทรงอำนาจคนเดิมอีกต่อไป
แต่หลังจากเดรโกมาคบหากับเฮอร์ไมโอนี่  เขาก็เรียนรู้ที่จะกลับมาเชื่อใจคนอื่นอีกครั้งทั้ง  ๆ ที่เขาคิดว่าเขาคงไม่มีวันกลับมาไว้ใจใครได้อีก  แต่เฮอร์ไมโอนี่ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่ามิตรภาพที่แท้จริงยังมีอยู่เสมอ  และเพื่อนที่แท้จริงนั้นไม่มีวันทิ้งกันไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องเผชิญกับเรื่องที่หนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม  ตรงกันข้ามเพื่อนที่แท้จริงจะยื่นมือเข้ามาช่วยและเป็นฝ่ายอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ  เหมือนที่หญิงสาวยื่นมือเข้ามาช่วยในคดียึดทรัพย์สินของตระกูลมัลฟอย  ซึ่งหลังการตัดสินคดีจบลงด้วยดีเดรโกก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับเฮอร์ไมโอนี่ท่ามกลางความประหลาดใจของคนจำนวนมาก  รวมทั้งเพื่อนรักทั้งสองของหญิงสาวซึ่งก็คือแฮร์รี่กับรอนด้วย  แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจเรื่องนั้น  เพราะเขารู้ว่าคำครหาของคนอื่นนั้นไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับมิตรภาพระหว่างเขากับเธอ  ตรงกันข้ามหลังจากสนิทสนมกับเฮอร์ไมโอนี่ไปซักระยะหนึ่งเธอก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความบาดหมางระหว่างเพื่อนสนิทคนใหม่ของเธอกับเพื่อนรักทั้งสองอีกด้วย
แม้ในช่วงแรก ๆ เดรโกคิดว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางญาติดีกับพอตเตอร์ และวีสลีย์ได้  แต่หลังจากโดนเฮอร์ไมโอนี่ลากเจอแฮร์รี่กับรอนบ่อยเข้า  ไม่นานนักพวกเขาก็เลิกเกลียดชังกัน  และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเดรโก  แฮร์รี่  รอน  รวมทั้งเด็กกริฟฟินดอร์และสลิธีรินคนอื่น ๆ เช่น  ดีน โทมัส  เชมัส ฟินนิกัน  เบลส  ซาบินีก็หันมาสนิทสนมกันแทน  เพราะหลังจากสงครามจบลงก็ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครเป็นสลิธีริน  ใครเป็นกริฟฟินดอร์ หรือใครเป็นเลือดบริสุทธิ์  ใครเป็นเลือดผสมอีกต่อไปแล้ว  เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่พบกับความสูญเสียจากสงครามเหมือนกัน  พวกเขาบางคนเสียเพื่อนสนิทหรือครอบครัวไปจากสงครามด้วยกันทั้งสิ้น
และนี่ก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เดรโกนัดเจอเพื่อนเด็กกริฟฟินดอร์ของเขาในทุก ๆ คืนวันจันทร์  มันเป็นธรรมเนียมของพวกเขาเช่นเดียวกับที่เขานัดเจอเฮอร์ไมโอนี่ทุกวันอาทิตย์  ซึ่งพวกเขาเรียกคืนวันจันทร์ว่า ‘ คืนของหนุ่ม ๆ ’ อันที่จริงคืนนี้เดรโกควรจะไปอยู่ที่สนามซ้อมควิดดิชของทีมชัดลีย์  แคนนอนตามที่เพื่อน ๆ ของเขานัดเล่นควิดดิชกัน  แต่เนื่องมาจากช่วงนี้เป็นฤดูที่ว่างเว้นจากการแข่งขันทางทีมชัดลีย์ แคนนอนจึงอาศัยช่วงเวลานี้ซ่อมสนามซ้อม  พวกเขาจึงไม่สามารถไปยืมสนามเพื่อเล่นควิดดิชได้อย่างเคย  ดังนั้นพวกหนุ่ม ๆ เลยต้องเปลี่ยนแผนมาที่ยิมแห่งนี้แทน
อันที่จริงหนุ่ม ๆ บ้านกริฟฟินดอร์และสลิธีรินใช้สนามซ้อมของทีมชัดลีย์ แคนนนอนเป็นที่สำหรับเล่นควิดดิชเสมอในฤดูที่ปลอดการแข่ง และที่พวกเขาได้สิทธิ์พิเศษนี้ก็เพราะรอน  วีสลีย์ซึ่งอยู่ในกลุ่มเล่นเป็นคีปเปอร์ให้กับทีมนี้ตั้งแต่เรียนจบพอ ๆ กับที่น้องสาวของเขาเล่นในตำแหน่งเชสเตอร์ให้ทีมเดียวกัน  ส่วนแฮร์รี่ก็เข้าสมัครเป็นมือปราบมารทันทีหลังเรียนจบ  และตอนนี้เขาก็เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกมือปราบมารเมื่อไม่นานมานี้เอง
เดรโกเดินตรงไปที่ล็อคเกอร์ในโซนวีไอพีของเขาเพื่อเก็บของก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกายและเดินไปที่โรงยิมสำหรับเล่นบาสเก็ตบอลซึ่งเป็นที่ที่เขานัดเพื่อน ๆ ของเขาไว้  อันที่จริงเดรโกเล่นกีฬาของมักเกิ้ลมาหลายปีแล้วตั้งแต่เขาสนิทกับพวกเด็กกริฟฟินดอร์  และบาสเก็ตบอลเป็นกีฬาหนึ่งที่เขาชอบไม่น้อย  แม้ว่ามันจะดูแปลกพิลึกในตอนที่ดีน โทมัสบอกเพื่อน ๆ ว่าพวกเขาน่าจะลองเล่นกีฬาที่ไม่ต้องใช้กวาด  แต่แย่งกันโยนลูกกลม ๆ ลงห่วงกันบ้าง
เมื่อเดินเข้าไปในโรงยิมที่จองไว้  ชายหนุ่มก็พบว่าดีน  โทมัส  เชมัส  ฟินนิกัน  และเบลส  ซาบินี่มารออยู่ก่อนแล้ว  ขาดก็แต่แฮร์รี่และรอนเท่านั้น  เดรโกเดินเข้าไปทักทายเพื่อน ๆ ของเขาขณะที่พวกนั้นกำลังวอร์มอัพกันอยู่
“เฮ้  ว่าไง!” เขาเดินตรงไปแปะมือกับเชมัสที่อยู่ใกล้สุด  หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่น ๆ ก็กันมาทักทายเขา
“ขาดใครเนี่ย” ชายหนุ่มผมบลอนด์พูด  เขาดูดีสุด ๆ ในชุดออกกำลังกายซึ่งเป็นเสื้อกีฬาสีขาวกับกางเกงกีฬาสีดำและรองเท้าเข้าชุดกัน  แน่นอนว่าหากมีผู้หญิงคนไหนมาเห็นเขาตอนนี้คงต้องพูดออกมาดัง ๆ ว่าเขาเท่ห์มากแน่ ๆ
“ก็เจ้าสองหน่อนั่นน่ะสิ” เบลสพูดพลางเดาะลูกบาสในมือ “มาสายประจำ กับวีสลีย์น่ะฉันตัดหางปล่อยวัดแล้ว  แต่กับพอตเตอร์นี่สิไม่น่าเอาอย่างเจ้านั่นเลย” ชายหนุ่มผิวสีพูดออกมาในเชิงหยอกล้อมากกว่าจะเอาเรื่องทั้งสองจริง ๆ และในวินาทีที่เบลสพูดจบก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูโรงยิม  ชายหนุ่มคนนั้นมีผมดำยุ่งเหยิง  ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่กำลังวิ่งมาด้วย  เขาสวมชุดกีฬาเรียบร้อยแล้ว
“ดูซี่ว่าใครเพิ่งมา” เชมัสพูดพลางโบกมือเรียกแฮร์รี่ที่เดินเร็ว ๆ เข้ามาหากลุ่มเพื่อนของเขา
“โทษทีฉันมาสาย  ติดธุระนิดหน่อยน่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นพลางวางกระเป๋ากีฬาของเขาลงบนพื้น  เห็นได้ชัดว่าเขารีบมากจนลืมเก็บกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์
“ติดธุระหรือติดหญิงกันแน่ แฮร์รี่” เชมัสแกล้งแซว 
“เฮ้  คำนี้น่าจะใช้กับเดรโกหรือไม่ก็รอนมากกว่าชั้นนะ  นายก็รู้ว่าชั้นไปธุระจริง ๆ ” แฮร์รี่พูด  ขณะที่เดรโกเลิกคิ้วเมื่อเขาถูกพูดถึง  เชมัสหัวเราะขณะที่เบลสมาไล่จี้แฮร์รี่ต่อจากเชมัส
“ฉันหมายความว่าคำว่าติดธุระของนายหมายความว่าติดธุระของจินนี่มากกว่าใช่ไหม” เบลสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถึงกับคาดคั้น  แฮร์รี่จ้องเบลสก่อนจะพูดออกมา
“ก็ได้  เป็นอย่างที่นายพูดจริง ๆ แหละซาบินี่  แต่คราวนี้มันจำเป็นจริง ๆ นะ  คุณยายมิวเรียล  ยายของจินนี่น่ะเธอเดินทางมาแสดงความยินดีการหมั้นของเราถึงที่บ้านโพรงกระต่าย  ฉันกับจินนี่ก็เลยต้องอยู่ต้อนรับเธอ  อันที่จริงรอนด้วยแหละ  แต่ฉันโชคดีกว่าเขาที่ฉันไม่ใช่หลานแท้ ๆ เลยปลีกตัวออกมาได้” แฮร์รี่พูดพลางหัวเพราะเมื่อนึกถึงสีหน้ารอนตอนที่คุณนายวีสลีย์บอกว่าคุณยายมิวเรียลจะมาเยี่ยมและเขาต้องอยู่กินมือเย็นกับหล่อน

แฮร์รี่กับจินนี่เพิ่งหมั้นกันได้เดือนเศษ  อันที่จริงพวกเขาออกเดทกันมาตั้งแต่แฮร์รี่อยู่ปี 6 แต่ในฤดูร้อนปีต่อไปแฮร์รี่ก็จำเป็นต้องบอกเลิกเธอเพราะเขาต้องออกไปตามหาฮอครักซ์  และหลังจากที่จอมมารถูกทำลายและสงครามจบลงแล้วแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งเด็กคนอื่น ๆ ที่ทิ้งฮอกวอตส์ไปในช่วงสงคราม อย่างเช่น  ดีน โทมัส หรือ เดรโกก็กลับมาเรียนที่ฮอกวอตส์อีก 1 ปีเพื่อชดเชยที่พวกเขาขาดเรียนไป [มีนักเรียนบางคนที่ไม่ได้ขาดเรียนแต่ก็ต้องกลับมาเรียนอีกเพราะเขาสอบส.พ.บ.ส.ไม่ผ่าน  อย่างเช่น  แครบ  กอยส์  และแพนซี่เป็นต้น] ในช่วงที่กลับมาเรียนนั้นเองแฮร์รี่ก็กลับมาคบจินนี่อีกครั้ง  จนถึงตอนนี้เขาและเธอคบหาดูใจกันได้เกือบ 10 ปีแล้วก่อนแฮร์รี่จะขอเธอแต่งงาน
อันที่จริงแฮร์รี่เคยขอจินนี่แต่งงานก่อนหน้านั้นแล้วตอนที่พวกเขาคบกันได้ 5 ปี  แต่จินนี่ฏิเสธเพราะเธอยังไม่พร้อม  และเธอก็รู้ดีว่าแฮร์รี่เองก็ยังไม่พร้อมเช่นกัน  แต่ที่เขาเร่งรัดขอเธอแต่งงานเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะรอนานเกินไปจนเปลี่ยนไปใจไปจากเขาเสียก่อน 
หลังจากจบจากฮอกวอตส์แฮร์รี่ก็สมัครเป็นมือปราบมารทันที  ขณะเดียวกับที่จินนี่และรอนเข้าร่วมทีมชัดลีย์ แคนนอน  และเฮอร์ไมโอนี่เข้าทำงานที่กระทรวงในตำแหน่งทนายความความปกป้องสิทธิของมักเกิ้ล  ส่วนเฟร็ดกับจอร์จนั้นเลือกที่ดำเนินกิจการขายของตลกต่อไปซึ่งสินค้าของเขาก็ขายดีติดอันดับจนสามารถส่งออกไปขายที่ทวีปอื่น ๆ ได้ด้วย [ในฟิคเรื่องนี้เราเขียนให้จอร์จไม่ตายนะคะ  เพราะมันทรมานใจเรามากเลยตอนที่อ่านหนังสือเล่ม 7 อ่ะค่ะ ตามนั้น]
หลังจากผ่านการฝึกอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลา 3 เดือนแฮร์รี่ก็ได้บรรจุเป็นมือปราบมาร  และเพราะความพรสวรรค์ทางด้านป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของเขาทำให้ตำแหน่งของเขาเลื่อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาได้รับหน้าที่เป็นผู้นำทีมในการจับกุมในปีแรกที่เข้าทำงานเลยทีเดียว  แต่ยิ่งตำแหน่งสูงมากเท่าไหร่แฮร์รื่ก็ยิ่งวุ่นวายกับเรื่องงานมากจนเขาไม่มีเวลาพอที่สร้างครอบครัวกับจินนี่  ในขณะเดียวกันอาชีพนักกีฬาควิดดิชของจินนี่ก็ทำให้เธอต้องเดินสายไปแข่งตามทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ ตลอด  อีกทั้งยังต้องเก็บตัวก่อนแข่งเป็นเวลาหลายเดือนจึงทำให้เธอกับแฮร์รี่ไม่พร้อมที่จะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวด้วยกันเสียที  และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอปฏิเสธการขอแต่งงานครั้งแรกของแฮร์รี่
แต่หลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมา  ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างพวกเขาเมื่อแฮร์รี่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองมือปราบมารซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของอาชีพมือปราบมารและนั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องลงพื้นที่เพื่อไปจับผู้ร้ายอย่างที่เคยแล้ว  ตรงกันข้ามเขาต้องมานั่งโต๊ะผู้บริหาร  วางนโยบาย  และวิเคราะห์คดีต่าง ๆ แทน  โดยอาจจะมีการลงพื้นที่บ้างบางครั้งแต่ก็จะไม่บ่อยเท่าที่ผ่านมา  หลังจากได้เลื่อนตำแหน่งไม่นานแฮร์รี่ก็ขอจินนี่แต่งงานอีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้เธอตอบตกลงโดยเธอคิดจะลาออกจากอาชีพนักกีฬาควิดดิชที่ทำอยู่เพื่อมาสร้างครอบครัวกับเขา  แต่โชคดีเหลือเกินที่ผู้จัดการประจำทีมชัดลีย์  แคนนอนยื่นข้อเสนอที่คาดไม่ถึงให้จินนี่ในการเป็นโค้ชฝึกหัดผู้เล่นเริ่มแรกในสโมสรชัดลีย์ แคนนอนที่ลอนดอน  ซึ่งหมายความว่าเธอสามารถทำงานที่ไม่ต้องเดินสายไปตามสถานที่แข่งขัน  แต่เธอสามารถทำงานที่มีเวลาเข้าออกงานอย่างชัดเจนและสามารถสร้างครอบครัวกับแฮร์รี่ได้โดยไม่ต้องละทิ้งอาชีพที่เธอรัก 
เมื่อการคบหาดูใจกันมานานเกือบถึง 10 ปีปิดฉากลงด้วยการแต่งงานแน่นอนว่าคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ของทั้งสองล้วนแต่ยินดีกับการแต่งงานของทั้งสองทั้งสิ้น  ทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันในอีก 3 เดือนข้างหน้า  ดังนั้นช่วงนี้ทั้งคู่จึงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานไม่น้อย  แม้ว่าคุณนายวีสลีย์จะ ขันอาสารับผิดชอบการเตรียมงานแต่งงานเกือบทั้งหมดก็ตาม  แต่แฮร์รี่ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำในฐานะคู่หมั้นของจินนี่  ไม่ว่าจะเป็นการพาเธอไปลองชุดแต่งงานจนกระทั่งต้อนรับญาติ ๆ ของเธอซึ่งแวะเวียนมาแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย

“แล้วนี่วีสลีย์จะตามมาไหมเนี่ย” เบลสถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย  ราวกับเขาเริ่มเบื่อการรอคอยและอยากออกไปยืดเส้นยืดสายมากกว่า
“ฉันไม่แน่ใ......” ไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดจบ  ประตูโรงยิมก็เปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง  เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางกลุ่มเพื่อน เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่หลุดลุ่ยจนดูราวกับเขาพยายามจะถอดมันออกในขณะที่กำลังวิ่งตัดโรงยิมมา
“พูดถึงก็โผล่มาเชียว  ตายยากจริง ๆ ” เบลสพึมพำ  ขณะที่ชายหนุ่มคนอื่น ๆ หัวเราะรับเมื่อรอนวิ่งมาถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขา

รอน วีสลีย์ในอายุยี่สิบปลายนั้นดูดีไม่น้อย  แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีมาดคุณชายอย่างเดรโกแต่รอนก็มีร่างกายกำยำในแบบที่นักกีฬาควิดดิชควรจะมี  ดวงตาสีอ่อนของเขาดูร่าเริงอยู่เสมอ  ประกอบกับรอยยิ้มและนิสัยที่เป็นคนมีอารมณ์ขันทำให้สาว ๆ หลงใหลในตัวเขาไม่น้อย  บวกกับชื่อเสียงความโด่งดังในฐานะคีปเปอร์มือต้น ๆ ของอังกฤษทำให้รอนป็อปปูล่าในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก  แถมเขาก็ยังเจ้าชู้ไม่แพ้เดรโกเสียด้วย  ในมุมมองของสาว ๆ เดรโกมีเสน่ห์ที่ความเงียบขรึมและความเป็นสุภาพบุรุษ  รวมทั้งดวงตาสีเงินที่ดูลึกลับหากแต่หลงใหลของเขา ส่วนรอนนั้นมีเสน่ห์ที่ความเป็นกันเองและความรวยอารมณ์ขัน  ส่วนสิ่งที่สาว ๆ ลงความเห็นว่าชอบมากที่สุดในร่างกายของรอนรองจากจะหุ่นล่ำ ๆ ของเขาแล้วก็คงจะเป็นรอยยิ้มและดวงตาที่ดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาของเขาเป็นแน่ 

“โทษทีฉันมาสาย” ชายหนุ่มผมแดงพูดพร้อมกับหอบแฮก ๆ เมื่อมาถึง
“พวกเราก็ไม่ได้คาดหวังว่านายจะมาตรงเวลาหรอกนะวีสลีย์  แต่สายเกือบชั่วโมงแบบนี้มันรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ” เดรโกพูดขึ้นเรียบ ๆ แต่ดูจากแววตาแล้วทุกคนรู้ว่าเขาตั้งใจหยอกรอนเล่นเท่านั้น
“เฮ้  ครั้งนี้นายโทษฉันไม่ได้นะ  ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณยายมิวเรียลจะบุกมาถึงบ้านเราตอนอาหารเย็นแบบนี้น่ะ  ถ้าฉันรู้ล่วงหน้าฉันคงเผ่นออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว  ใคร ๆ ก็รู้ว่าหล่อนน่ะนิสัยน่ารักจะตายไป” รอนแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ฉันล่ะเบื่อเรื่องดราม่าของครอบครัวนายจริง ๆ วีสลีย์” เบลสบ่นขึ้นมา  จากนั้นหนุ่ม ๆ ที่เหลือก็หัวเราะตาม
“เออ  บ้านนายไม่เป็นบ้างก็แล้วไป” รอนพูดพลางลงมือเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นเสื้อสำหรับเล่นกีฬาเสียตรงนั้นเลย ขณะพูดต่อไป ”ฉันว่าต่อไปเรื่องที่บ้านฉันคงดราม่ากว่านี้อีกเยอะ  เพราะตอนนี้เพื่อนรักของฉันจะกลายมาเป็นน้องเขยฉันแล้วนี่” เขาพูดขึ้นพลางมองไปยังแฮร์รี่ซึ่งไม่ได้โต้ตอบอะไรมากไปกว่ายิ้มรับ สายตาของเขาดูราวกับว่าเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรตินี้  ราวกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่กับหญิงสาวคนรักซึ่งเดรโกแน่ใจว่าแฮร์รี่คงต้องคิดถึงจินนี่อยู่แน่ในวินาทีนั้น  แต่ปัญหาก็คือเขากำลังมองรอนอยู่ในขณะที่เขาทำสายตาอย่างที่ว่าอยู่น่ะสิ
“ชั้นขอล่ะ  พวกนายอย่ามาทำหวานใส่กันแบบนี้ได้ไหม  ชั้นอยากจะอ้วก” เชมัส ฟินิกันพูดขึ้น  แล้วหนุ่ม ๆ ก็หัวเราะครืนอีกครั้ง  แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าเขาพูดเล่น
หลังจากเสียงหัวเราะเงียบลง เบลสก็พูดขึ้นมา
“ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกนายถึงทำอย่างนั้น” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง และเมื่อเขาเห็นสายตาของที่แฮร์รี่มองกลับมาเขาก็พูดต่อ “ฉันหมายถึงทำไมนายต้องทำหน้าเหมือนจะสำลักความสุขพอมีคนพูดถึงเรื่องแต่งงานหรือคู่หมั้นของนายขึ้นมาน่ะ  ชั้นว่าอันที่จริงนายควรจะกลัวมันมากกว่านะ”
“นายก็รู้ว่าชั้นไม่ใช่ผู้ชายอย่างรอนหรือเดรโกซะหน่อย” แฮร์รี่พูด  หลังจากเขาพูดจบชายหนุ่มผู้ถูกพาดพิงทั้งสองก็รีบออกตัวเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเองทันที
“ชั้นไม่เข้าใจว่าการแต่งงานมันดีขนาดนั้นเลยหรือไง” เบลสถามต่อ  น้ำเสียงของเขาบอกว่าเขาไม่ได้ถามเพื่อต้องการกวนประสาทแฮร์รี่  แต่เขาถามราวกับเขาสงสัยในเรื่องนั้นจริง ๆ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่มีเสน่ห์หรือป็อปปูล่าเท่าเดรโกหรือรอนก็ตามแต่เบลสก็ได้ชื่อว่าเป็นคาสโนวาคนหนึ่งเช่นกัน
“มันต้องดีสิ  ฉันรักจินนี่และคงไม่มีอะไรดีไปมากกว่าการได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ” แฮร์รี่พูดอย่างเรียบง่ายหากแต่หนักแน่น
เบลสส่ายหน้าราวกับเขาไม่เห็นด้วย
“นายไม่รู้หรอกว่ามันดีแค่ไหนถ้าได้ออกเดทกับสาวไม่ซ้ำหน้ากันในแต่ละวันน่ะ  จริงไหมเดรโก” เขาหันไปถามอดีตเพื่อนร่วมบ้านของเธอ  แต่ชายหนุ่มกลับนิ่งเงียบ
“นั่นมันในมุมมองของนายนี่” แฮร์รี่พูด
เบลสขยับจะพูดอะไรต่อ  แต่ดีน โทมัสกลับขัดขึ้นก่อน
“เบลส นายอย่าพูดสิ่งที่นายไม่รู้ดีกว่า นายไม่รู้หรอกว่ามันดีแค่ไหนที่ได้ตื่นมาเจอผู้หญิงเพียงคนเดียวในตอนเช้า  แล้วเธอก็คือคนที่รักนายและจะอยู่เคียงข้างนายเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดีนพูด

ดีนเป็นคนแรก ๆ ในรุ่นที่แต่งงาน เขาคบกับนาตาลี แมคโดนัลต์ เด็กกริฟฟินดอร์รุ่นน้องของเขาเมื่อตอนที่เขากลับไปเรียนปีเจ็ดใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นนาตาลีเพิ่งอยู่แค่ปี 5 แม้ว่าเธอจะเด็กกว่าเขาถึง 4 ปี ก็ตาม แต่ความรักที่เขามีให้เธอนั้นมั่นคงยิ่งนัก  ดีนคบกับเธอและรอจนเธอเรียนจบแล้วถึงขอเธอแต่งงาน ทั้งสองเข้าพิธีแต่งงานกัน 2 ปีหลังจากเธอจบการศึกษา และตอนนี้ทั้งสองมีพยานรักด้วยกันหนึ่งคนเป็นลูกสาววัย 4 ขวบชื่อว่าซาร่า

“ฉันอาจจะไม่จำเป็นจะต้องมีผู้หญิงคนนั้นก็ได้” เบลสเถียงอย่างดื้นรั้น  ขณะที่รอนเริ่มเห็นสัญญาณอันตรายได้พูดขึ้น
“เฮ้  พวกนายคิดว่าเรามาเจอกันเพราะจะมาโต้วาทีเรื่องสถานะความโสดกันหรือไง  ชั้นว่าเรามาเริ่มเกมส์กันดีกว่า” เขาพูดอย่างร่าเริง  และไม่นานหนุ่ม ๆ ก็แบ่งกันเป็นสองกลุ่มและเริ่มแข่งบาสกัน 
แต่อาจจะเป็นเพราะคำพูดของดีนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ  เดรโกรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำใจให้มีสมาธิได้ตลอดการแข่งขันครั้งนี้

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ 

หลังจากจบเกมส์  ปรากฏว่าทีมฝั่งเดรโก  ซึ่งประกอบด้วยเขา  เบลส และดีนนั้นแพ้ไม่เป็นท่า  และถูกอีกฝ่ายซึ่งประกอบด้วย  แฮร์รี่  รอน  และเชมัส ถล่มทำคะแนนครั้งแล้วครั้งเล่าจนเชมัสล้อเขาว่าสงสัยเมื่อคืนเขาคงต้องใช้พลังงานหมดไปกับสาว ๆ ที่เขาพากลับไปที่คอนโดอย่างแน่นอน  ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ฝั่งของเชมัสถล่มเขามากขนาดนี้  แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเดรโกจึงเถียงออกไปดัง ๆ ว่า เขาไม่เคยพาสาว ๆ คนไหนกลับไปค้างที่คอนโดของเขาซักครั้ง และดูเหมือนเชมัสจะลืมไปแล้วว่าเมื่อวานเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่เขาควรจะอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดทั้งวันมากกว่าจะออกไปเดทกับสาว ๆ ในสต๊อกของเขา
 
“นายฟอร์มตกไปนะวันนี้” แฮร์รี่พูดกับเดรโกขณะที่ชายหนุ่มเอาของในล็อคเกอร์  ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“ชั้นออมมือให้พวกนายต่างหาก” เขาพูดขณะหยิบของ  แต่เมื่อหันกลับไปเขากลับพบดวงตาสีมรกตที่มองมาด้วยความสงสัย
“ชั้นรู้สึกเหมือนนายมีเรื่องไม่สบายใจอยู่เลย” เขาพูดราวกับเขาไม่แน่ใจในเรื่องนี้  แต่ถ้าดูจากสายตาที่มองเดรโกแล้วแฮร์รี่มั่นใจในสิ่งที่พูดอยู่มากทีเดียว
“ชั้นแค่เหนื่อยน่ะ” เขาพูดอย่างไม่สนใจ  แต่เมื่อชายหนุ่มผมบลอนด์ได้สบตาของเพื่อนสนิทอีกครั้งเขาจึงถอนใจเบา ๆ แล้วพูดออกมาเมื่อแน่ใจว่าเขาไม่มีเพื่อน ๆ คนอื่นอยู่แถวนี้
 “คือชั้นแค่สงสัยน่ะว่าชีวิตการแต่งงานมันดีขนาดนั้นเชียวเหรอ” เขาถามพลางทำเป็นวุ่นวายกับข้าวของอยู่
แฮร์รี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบออกมา เขาพูดขณะแกล้งทำเป็นหยิบของจากตู้ที่อยู่ติดกับของเดรโกบ้าง “ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าชีวิตหลังแต่งงานมันจะดีแค่ไหน เพราะชั้นยังไม่ได้แต่งงานจริง ๆ แต่แค่วันนี้ที่เราอยู่ด้วยกันชั้นก็มีความสุขมากแล้ว ชั้นก็เลยคิดว่าชั้นคงจะมีความสุขมากกว่านี้อีกหลังจากแต่งงานไป”
เดรโกมองแฮร์รี่ด้วยสายตาพิจารณา  มันไม่ใช่สายตาที่เต็มไปด้วยความขบขันหรือเคลือบแคลงแบบของซาบินี่  แต่ดวงตาสีเงินนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับว่าเขาเริ่มคิดแล้วว่าชีวิตการแต่งงานน่ะมันดีจริง ๆ ใช่ไหม
แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มผมบลอนด์ก็หัวเราะขึ้นมา  เขาเอากระเป๋าสะพายขึ้นพาดไหล่ก่อนจะพูดขึ้น
“อันที่จริงชั้นก็ไม่รู้ว่าชั้นจะมาถามนายเรื่องนี้ทำไมนะ  เพราะยังไงชั้นก็ไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เป็นของเดรโก  มัลฟอยที่เป็นเพลย์บอยของแท้
แต่แฮร์รี่ยังคงยิ้มให้เขา
“บางทีนายอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” ชายหนุ่มผมดำพูดเบา ๆ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ 

อ่านแล้วเป็นยังไง  ชอบหรือไม่เข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ ^^   

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version