ผู้เขียน หัวข้อ: 29/03/52 So sasy but that ok...ร้ายกว่านี้มีอีกมั้ย (ฟิกรุ่นลูกอ่ะจ้ะ)  (อ่าน 4263 ครั้ง)

Pretty-padfoot

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 1
แสงแดดยามเช้าสาดส่องสะท้อนทุ่งนาอันเต็มไปด้วยรวงข้าวสีทองซึ่งพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อนๆ
สวยงามราวกับคณะบัลเล่ต์กำลังเริงระบำไปพร้อมกับเสียงเพลง     เสียงนกร้องเพลง  เสียงไก่ขันและเสียงสุนัขไล่กวดกันดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ   พื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญแห่งนี้และดูสงบ  ร่มรื่น  ปราศจากความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น   บ้านคนที่อาศัยอยู่แทบจะนับหลังได้    แล้วแต่ละหลังก็ล้วนแปลกประหลาด ไม่เหมือนบ้านของคนทั่วๆไป      
ยกตัวอย่างเช่น  บ้านน้อยสีเขียวไข่กาของนายอดัม   ริทสันและครอบครัว บ้านของเขานั้นแลดูเหมือนเล้าไก่มากกว่าบ้านคนเข้าไปทุกที บริเวณรอบๆบ้านเต็มไปด้วยมูลของสัตว์หน้าตาประหลาดๆที่พวกเขาขนมันเข้าไปอาศัยด้วยในบ้าน  สัตว์ประหลาดเหล่านี้มักจะส่งเสียงร้องดังจนเป็นที่รบกวนของเพื่อนบ้านอยู่เสมอแต่ริทสันก็ไม่เคยคิดจะหาทางแก้ปัญหานี้เลย   ตรงกันข้าม  เขากลับมีท่าทางภูมิใจเสียด้วยซ้ำ !     
นอกจากนี้ยังมีบ้านของอเล็กซ์    รอปเปอร์    ชายโสดผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามไร้ที่ติ   ผิวของเขาขาวสะอาดเสียจนแลดูซีด เขาอาศัยอยู่คนเดียวในคฤหาสน์สีเบศที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ไม่ค่อยออกมาจากบ้านบ่อยนัก(หรือไม่เคยออกมาเลย)ยกเว้นเสียแต่ในเวลากลางคืน หลายๆคนเชื่อว่าเขเป็นผีดูดเลือด ! 
แต่นี่ยังไม่น่ากลัวเท่ากระท่อมหลังน้อยของแม่เฒ่าเจสซิกาที่ชอบอาศัยอยู่กับแมวดำหลายสิบตัว แม่เฒ่าเจสซิกาไม่ค่อยจากบ้านบ่อยนักเพราะทุกครั้งที่แกออกจากบ้าน จะมีคนตายอยู่เสมอ ! ใครก็ตามที่เห็นแม่เฒ่าเจสซิกาจะต้องตาย !
แต่คาดไม่ถึงว่าในหมู่บ้านชนบทที่มีแต่คนพิลึกๆแห่งนี้จะยังมีครอบครัวหนึ่งที่ท่าทางเป็นมิตรและสนุกสนาน ทุกคนในบ้านล้วนมีรอยยิ้มไว้แจกจ่ายให้กับทุกๆคน       
บ้านสองชั้นปลูกด้วยไม้สนทาสีส้มเข้มซึ่งสะท้อนแสงแรงแข่งกับแสงอาทิตย์ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา  มีสวนดอกไม้เล็กๆอยู่ที่หน้าบ้านและมีสนามหญ้าตัดเล็มไว้อย่างสวยงามหมดจด และเมื่อสังเกตดูดีๆจะเห็นป้ายเล็กๆที่แขวนไว้ใกล้กับตู้รับจดหมายทำให้เราทราบได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของตระกูล ‘วีสลีย์’

ประตูบ้านเปิดผางออก  หีบใบใหญ่ 2 ใบลอยออกมาช้าๆเหมือนนกที่กำลังโบยบิน ชายผมแดง  ใบหน้าตกกระมาก รูปร่างสูงเก่งก้าง อายุสักประมาณ 39-40 ปีคนหนึ่ง  เดินตามหีบออกมาจากบ้าน  ในมือชูไม้กายสิทธิ์บังคับหีบให้ลอยไปด้วยท่าทางเกียจคร้าน และในที่สุดเขาก็สั่งให้หีบลงไปอยู่ด้านหลังรถเก๋งที่จอดอยู่หน้าบ้านได้สำเร็จ
“เฮ้ ! เร็วหน่อย !” ชายหนุ่มหันไปตะโกนเร่งคนอีกสามคนที่เพิ่งออกมาจากบ้าน
หญิงสาวผมหยิกฟูสีน้ำตาลในวัยไล่ๆกับเขากำลังรีบก้าวเร็วมาพร้อมกับเด็กชายผมแดง ตัวผอมและรูปร่างสูงเหมือนกับพ่อ
“โรส !” หญิงสาวหันไปตะโกนเชิงถามไปหาลูกสาวคนโตที่อยู่ก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
“แป๊บนึงค่ะแม่ !  หนูลืมของ !” เด็กสาววัยรุ่นหันมาตะโกนบอกแม่  เธอมีผมสีแดงและหยิกเป็นลอน รูปร่างไม่สูงมากแต่หน้าตานั้นเข้าขั้นน่ารักทีเดียวเชียว
    เมื่อทุกคนในครอบครัวมาพร้อมกันหมดแล้วหัวหน้าครอบครัวหรือที่จริงแล้วเขาก็คือ รอน วีสลีย์   จึงได้เริ่มสต๊าทรถแล้วกดปุ่มบางอย่างที่ทำให้รถหายไปแล้วมาปรากฏอีกทีที่ชานเมืองลอนดอน
   “เมื่อกี๊นี้ลูกลืมอะไรน่ะโรส”หญิงผมฟูที่มีชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่ วีสลีย์  หันถามลูกสาวขณะที่รถกำลังออกวิ่ง
“ตราพรีเฟ็คน่ะค่ะ”โรซี่ตอบแม่ ในขณะที่น้องชายของเธอ ฮิวโก้เริ่มเบ้ปากด้วยความหมันเขี้ยวพี่สาว   โรซี่เพิ่งได้รับตราพรีเฟ็คของฮอกวอร์ตมาในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา  สร้างความปลื้มปีติให้แก่รอนและเฮอร์ไมโอนี่มาก
   “ฮ่ะ  ฮ่ะ  ฮ่ะ”ผู้เป็นพ่อเริ่มต้นหัวเราะขบขันขณะขับรถ “หนูนี่ไม่เหมือนลุงเพอร์ซี่เลยนะ ลุงนั่นน่ะไม่เคยห่างจากตราเลยนับตั้งแต่ได้มันมา”
“เอ๋...ลุงเพอร์ซี่ก็เคยเป็นพรีเฟ็คด้วยหรอคะ”
“ฮื่อ..ใช่ แล้วเขาก็ได้เป็นประธานนักเรียนด้วย”
“ลุงบิลก็เหมือนกันนะจ๊ะ”เฮอร์ไมโอนี่เสริม
“ว้าว !”โรสอุทานด้วยความรู้สึกทึ่ง พลางนึกในใจว่าตัวเองจะได้เป็นเหมือนลุงๆบ้างไหมหนอ
“เธออยากเป็นเหมือนพวกลุงล่ะสิ   พนันได้เลย”ฮิวโก้หันไปสบประมาท
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ”โรสท้าทาย
“เชอะ !”ฮิวโก้ทำเสียงดูหมิ่น “เป็นพรีเฟ็คไม่เห็นจะเท่ห์เลย  ฉันว่าเป็นกัปตันทีมควิดดิชเหมือนอย่างเจมส์น่ะเท่ห์กว่าตั้งเยอะเลย”
“หา ?”รอนทำเสียงสงสัยขัดเข้ามา “เจมส์ ? ลูกหมายถึงเจมส์  พอตเตอร์น่ะรึ”
“ใช่แล้วฮะพ่อ”ฮิวโก้มีน้ำเสียงดีใจ  เขารีบยื่นหน้าเข้าไปคุยกับพ่อที่หน้ารถ  ที่จริงแล้วช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เขาได้รับการสนใจจากพ่อ แม่น้อยลงเพราะว่าโรซี่ได้รับตราพรีเฟ็ค
“เจมส์ญาติเรานี่แหละฮะ  เขาเขียนจดหมายมาเล่าให้ผมฟัง  ยอดไปเลยว่ามั้ยฮะกัปตันทีมเนี่ย  ผมว่าปีนี้ผมคงโดนฝึกหนักเชียวถ้ามีคนอย่างเจมส์มาเป็นกัปตัน” ฮิวโก้สอดใส่น้ำเสียงรักใคร่ในตัวลูกพี่ ลูกน้อง   เขาเองก็เป็นหนึ่งในทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ที่เล่นในตำแหน่งคีปเปอร์
“แฮร์รี่คงจะภูมิใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลยนะฉันว่า” รอนหันไปพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
เธอยิ้มกว้างพร้อมกับพูดว่า “อื้ม...มหัศจรรย์จังเลยเนอะ ตัวเขาเองก็เคยเป็นกัปตัน  พ่อของเขาก็เคย แล้วนี่ลูกของเขาก็ยังได้เป็นอีกสมัย”
“ฮ่ะๆ พวกพอตเตอร์นี่สุดยอดจริงๆเลยเนอะ”
“พูดถึงพอตเตอร์...นี่หนูบอกพ่อกับแม่รึยังคะว่าอัลบัสก็ได้เป็นพรีเฟ็ค”จู่ๆโรสแทรกขึ้นมา
“จริงเหรอ!”ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่ถามพร้อมกัน
 “ค่ะ  อัลเค้าเขียนจดหมายมาบอกหนู”
“เขาสมควรเป็นแล้วแหละ  เฮ้อ..คนเก่งของป้า”เฮอร์ไมโอนี่รำพึง
“ให้ตายสิ ! ทั้งกัปตันทีมควิดดิช ทั้งพรีเฟ็ค ทำไมหมอนั่นไม่เคยบอกเราซักคำนะ”รอนบ่นถึงเพื่อนรักข้นมาอย่างน้อยใจ
“เขาคงไม่ค่อยมีเวลาน่ะรอน งานเขายุ่งจะตายเธอก็รู้นี่”เฮอร์ไมโอนี่ปลอบ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะแต่ช่วงนี้แฮร์รี่ไม่ค่อยได้ติดต่อเราเท่าไหร่เลยนะ”
“ก็เพราะว่าเขาไม่เคยมีเวลาว่างเลยน่ะสิ  เธอก็รู้ดีนี่ว่าเป็นมือปราบมารน่ะยุ่งขนาดไหน ยิ่งตอนนี้มีพวกกองโจรวอลลัล คอยก่อกวนอยู่เรื่อย พวกมือปราบมารเลยยุ่งกันใหญ่ ไม่ต้องถามถึงแฮร์รี่ที่เป็นหัวหน้าหรอก เธอรู้มัยว่าตอนนี้เขาน่ะผอมยิ่งกว่าตอนเป็นนักเรียนอีกรอน”
   
เมื่อได้ยินเฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างนี้แล้วสีหน้าของรอนก็เจือนลงเพราะความห่วงใยในสุขภาพของแฮร์รี่
   
ทั้งครอบครัวมาถึงสถานีรถไฟในเวลา 10 โมงครึ่ง รอนวิ่งไปเอารถเข็นมาให้ลูกทั้ง 2 แล้วรีบพาทุกคนทะลุผ่านกำแพงไปยังชานชลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นจินนี่ทันทีที่บริเวณหันขบวนรถไฟ
เธอกำลังยืนอยู่กับลูกๆทั้งสามคือ เจมส์  อัลบัสและลิลี่    เจมส์นั้นกับเหมือนฮิวโก้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อภายในเวลาแค่ 2 เดือน เขาสูงเลยแม่ไปเยอะแล้วและก็ดูหล่อเหลาอย่างไม่ต้องตั้งใจทำอีกด้วย   ตอนนี้เขากำลังยืนเขย่งเท้าไปมาพร้อมกับยืดคอมองราวกับกำลังมองหาใครสักคนอยู่  ส่วนอัลบัสนั้นก็คงหน้าเหมือนแฮร์รี่ได้อย่างไร้ที่ติเช่นเดิม เขากำลังแกล้งชูตุ๊กตาของเล่นบางอย่างของลิลี่ขึ้นสูงเพื่อไม่ให้ลิลี่เอื้อมถึง
ลิลี่นั้นก็เหมือนจินนี่มากเท่าๆกับที่อัลบัสเหมือนแฮร์รี่
“พอได้แล้วอัลบัส ! คืนของให้น้องไปซะ!” จินนี่พูดกับอัลบัสอย่างหมดความอดทนก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นเฮอร์ไมโอนี่และครอบครัว “อ้าว!ฉันรอตั้งนานแน่ะ”
“ที่รัก!”เฮอร์ไมโอนี่ฉีกยิ้มกว้างเข้าไปกอดจินนี่ จากหญิงทั้งสองก็แลกจูบแก่กัน
“สวัสดีครับ/ค่ะ”พวกเด็กๆทักทายญาติผู้ใหญ่กัน
“แล้วแฮร์รี่อยู่ไหนล่ะ”รอนหันมาถามน้องสาว
“เขาไม่ได้มาหรอกวันนี้ เมื่อเช้าเขารีบออกไปจากบ้านตั้งแต่ยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยเพราะว่ามีคนมาป่วนกระทรวงน่ะ”จินนี่เล่าด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนนัก  ทว่าเฮอร์ไมโอนี่กลับตกใจเสียจนพูดแทบไม่ทัน
“หา ! จริงเหรอ ! ใครกันนะที่ทำเรื่องแบบนี้!”
“ฉันว่าอาจจะเป็นมาร์คัส ฟินต์น่ะ หมอนี่วางตัวเป็นปรปักษ์กับรัฐมนตรีมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วพวกเธอก็รู้   แล้วเขาก็เกลียดแฮร์รี่ด้วย ครั้งล่าสุดนี่แฮร์รี่จับได้ว่าเขาแอบค้าสินค้าศาสตร์มืดที่เป็นอันตรายต่างๆไว้เยอะจนเขาเกือบได้ไปอัซคาบันแล้ว  ทำให้ฟินต์ทวีความแค้นไปอีก เขาถึงได้พาพรรคพวกมาป่วนกระทรวงในตอนดึกแล้วยังทำลายห้องทำงานของแฮร์รี่ให้เละเป็นโจ๊กเลยไงล่ะ” จินนี่ทำสายตาเครียดแค้นประกอบในตอนท้าย
“ทำไมตาแก่ฟินต์ถึงได้เกลียดพ่อนักล่ะครับ”เจมส์ถามขึ้นมาด้วยอารมณ์แค้นตาม
“เขาไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ เพราะแฮร์รี่เล่นควิดดิชเก่งทำให้ทีมกริฟฟินดอร์ชนะบ่อยๆ  ฟินต์ที่เป็นกัปตันทีมสลิธีรินเลยผูกใจเจ็บ”รอนเล่าให้หลานชายฟัง
“เอ้อ ! พูดถึงเรื่องนี้...ลุงได้ยินมาว่าใครได้เป็นกัปตันคนใหม่นะ”
เจมส์ยิ้มกว้าง  ยืดอกที่มีเข็มหมุดตรากัปตันปักอยู่บนเสื้อถักเสว็ตเตอร์สีม่วงให้ทุกคนเห็นชัดขึ้น
รอนฉีกยิ้มแล้วนำมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลแดงของหลานชายอย่างรักใคร่
“เก่งมากเลย  ลุงภูมิใจในตัวหลานมาก....นี่ ! แล้วก็มีพรีเฟ็คอีกคนไม่ใช่หรอ”คราวนี้รอนหันมาหาอัลบัส
อัลบัสยิ้มอย่างสุภาพให้รอน
“อาเองก็ดีใจกับหลานด้วยนะโรส แฮร์รี่ก็ฝากแสดงความยินดีมาด้วยจ๊ะ” จินนี่หันมาพูดกับโรส
“ขอบคุณค่ะอาจินนี่”
ในขณะนั้นเองรอนเริ่มทำหน้านิ่วใส่จินนี่ก่อนจะเริ่มถามเธอว่า “แล้วทำไมช่วงนี้พวกเธอถึงขาดการติดต่อไปล่ะ”
“อ๋อ..เรื่องนั้นน่ะ”จินนี่ทำหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษจริงๆรอน เฮอร์ไมโอนี่ด้วยนะ ช่วงนี้พวกเรายุ่งกันมากเหลือเกิน   มันใกล้งานควิดดิชยูโรเปียนคัพแล้วด้วยฉันก็เลยต้องไปทำข่าวบ่อย  แล้วแฮร์รี่ก็มัวแต่วุ่นอยู่กับพวกกองโจรวอลลัส แล้วนี่ยังมีงานใหญ่มาให้เราทำเพิ่มกันอีกนะ” ถึงตอนนี้จู่ๆจินนี่ก็ผุดรอยยิ้มชอบอก ชอบใจขึ้นมา
“รู้รึยังว่าเท็ดดี้กับวิกตัวส์เขาตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้ว”
“หา ! จริงเหรอครับ!”  ฮิวโก้ถาเสียงดังลั่นก่อนใครพวกด้วยท่าทางยินดีสุดฤทธิ์
“จริงแท้แน่นอนเลยจ๊ะ”จินนี่หันไปยืนยันกับหลานชาย เธอยิ้มแก้มปริ
ตอนนี้ทุกคนในวงมีรอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้าโดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเลย  แต่ว่า..รอนยังคงน้อยใจอยู่
“แต่จินนี่ ! เรื่องสำคัญแบบนี้เธอน่าจะเจียดเวลามาบอกเราซะหน่อย” เขาต่อว่าน้องสาวทั้งที่ยังมีรอยยิ้มเต็มอยู่บนใบหน้า
“ฉันเสียใจ..รอน  แต่ฉันอยากจะบอกด้วยความจริงว่าเวลาที่เราจะเจียดเวลาไปเล่าให้พี่ฟังเมื่อไหร่นกฮูกของเรามันมักจะไม่อยู่ทุกทีเลย  เจมส์น่ะยึดมันเอาไปใช้เป็นการส่วนตัวตลอดหน้าร้อนเลย”
ในตอนท้ายเธอตวัดสายตาเป็นเชิงต่อว่าไปให้ลูกชายคนโต
“แฮะๆๆ   ผมขอโทษนะครับลุง”เจมส์ยิ้มแหย๋ๆ   ทำหน้าสำนึกผิด
แต่รอนหัวเราะตอบแล้วขยี้ผมหลายชายเหมือนอย่างที่เขาชอบทำ “ไม่เป็นไรหรอก  ไม่ต้องคิดมากเล้ย ไอ้ลูกหมา!”
“จวนได้เวลาแล้วนะทุกคน  ฉันว่าเด็กควรจะขึ้นรถไฟไปได้แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาหลังจากที่เธอหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนเสาร์
“อืม...นั่นสิ”รอนเห็นด้วยก่อนที่จะมาลาผู้ที่กำลังจะเดินทางทั้งหลาย
“โรส..ขอให้เรียนให้สนุกนะลูก ปีนี้จะสอบ ว.พ.ร.ส.แล้ว พ่อมั่นใจว่าลูกต้องทำได้ดีแน่.......ฮิวโก้ก็อย่าก่อเรื่องมากเกินความจำเป็นล่ะ   ลิลี่ช่วยฝากดูเขาแทนลุงด้วย...อัลบัส..ทำหน้าที่พรีเฟ็คให้ดี และก็เจมส์   ลุงหวังว่าหลานจะช่วยให้กริฟฟินดอร์ได้ถ้วยควิดดิชในปีนี้นะ”
เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ก็ผลัดกันกอดและหอมแก้มเด็กๆกันยกใหญ่
“หวังว่าลูกคงเลิกสาปใครๆตามระเบียงทางเดินได้ในปีนี้นะเจมส์” จินนี่พูดกับเจมส์หลังจากที่หอมแก้มเขาเป็นคนสุดท้าย
“โธ่ ! ไว้ใจเถอะครับแม่  ปีนี้ผมมีพรีเฟ็คอัลคอยจับตามองทุกฝีก้าวเชียวนะ”
เจมส์เสริมท้ายพร้อมกับส่งรอยยิ้มเย้ยหยันให้อัลบัสซึ่งก็ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขากลับมาเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ   รับรองว่าผมจะคอยดูแลพี่ชายให้ปีนี้เขาเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทเหมือนกับลูกแมวเชื่องๆเลยล่ะ”
จินนี่เลิกคิ้ว “เฮ้อ ! แม่อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขนะทั้งสองคน” เธอพูดในเชิงรู้ทัน
   ทุกคนช่วยกันยกหีบและกรงนกฮูกให้ขึ้นไปอยู่บนรถไฟ   หลังจากนั้นก็เอ่ยลาเด็กๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะเริ่มออกขบวนมุ่งหน้าไปไกลสู่โรงเรียนฮอกวอร์ต   โรซี่และอัลบัสถูกเรียกให้ไปนั่งที่ตู้หน้าขบวนรถเพราะเป็นตู้เฉพาะสำหรับพรีเฟ็ค  รถไฟใช้เวลายาวนานเช่นเคย  กว่าจะถึงโรงเรียนก็จนพลบค่ำแล้ว  ทุกคนต่างก็เปลี่ยนเป็นชุดคลุมนักเรียนสีดำกันอย่างพร้อมเพรียง    ขณะที่ลงจากรถไฟ ทุกคนจะได้ยินเสียงเรียกนักเรียนปี 1 จากผู้ชายคนนึงเหมือนอย่างทุกปี
   เขาคือรูเบอัส  แฮกริด  คนดูแลสัตว์และอาจารย์สอนวิชาสัตว์วิเศษ  โรสและอัลบัสรู้จักกับเขาดีเพราะเขาเป็นเพื่อนของพ่อ แม่และแฮกริดก็เอ็นดูอัลบัสมากกว่าใคร  คงเพราะอัลบัสนั้นเหมือนกับแฮร์รี่ พอเตอร์ที่เขาแสนจะรัก
   “หวัดดีอัล ! หวัดดีโรส!”   แฮกริดตะโกนทักพวกเขามาแต่ไกล
“หวัดดีฮะ/ค่ะแฮกริด”อัลบัสกับโรสทักตอบพร้อมกัน
“แฮกริด ! สวัสดีครับ! ”เจมส์ที่เดินไปจนถึงรถลากเธสตรอสแล้วหันมาส่งเสียงทักแฮกริดบ้าง
“โอ้ ! หวัดดีเจมส์ !” เขาหันไปทัเจมส์แล้วหลิ่วตาให้
     เจมส์ยิ้มยิ้มพร้อมกับหลิ่วตาตอบก่อนที่เขาจะปีนขึ้นรถเธสตรอสไป
“แล้วเจอกันในปราสาทนะฮะ !”อัลบัสหันมาบอกแฮกริดก่อนที่จะรีบพาโรสวิ่งไปที่รถลากเพราะตอนนี้ฝนเริ่มจะตกหนักขึ้นแล้ว
“ไงล่ะ ! ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะเธอสองคนน่ะ” พวกเขาได้ยินเสียงแฮกริดทักใครอีกแล้ว
และก็ได้ยินเสียงฮิวโก้กับลิลี่ตะโกนตอบกลับมา “ไงฮะ/คะ แฮกริด!”
   อัลบัสกับโรสนั่งรถลากมากับเด็กผู้หญิงฝาแฝดบ้านบ้านเรเวนคลออีกสองคนที่ทำท่าทางสนอกสนใจอัลบัสอย่างเปิดเผย   อัลบัสจึงทำทีเป็นไม่ได้สังเกตเห็นแล้วเลือกที่จะวางสายตาไปที่ปราสาทฮอกวอร์ตเท่านั้น     ผู้หญิงสองคนนั้นจึงไปหาเรื่องคุยกับโรสแทน ด้วยความหวังว่าอัลบัสอาจจะสนใจหันมาเข้าร่วมวงสนทนาด้วย
“ชื่อเพลีกับอารยา พาติลจ๊ะ”เด็กสาวทั้งสองแนะนำ
โรสก็แนะนำตัวเองและอัลบัสให้ทั้งสองคน    รถได้ถูกลากมาจนถึงหน้าปราสาท   อัลบัสจึงได้ถอนสายตาออกจากกระจกรถลากเสียที
“เราหวังว่าคงจะได้พบพวกคุณอีกนะ”หนึ่งในฝาแฝดพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหมดหวัง
โรสยิ้มกว้างตอบอัลบัสยิ้มให้เช่นกัน
“ฉันเองก็ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”เขาพูดกับสองคนนั้นเป็นครั้งแรกแล้วกระโดดลงมาจากรถทันทีและเขายอมพนันให้ใครมาตัดหัวเขาเลยก็ได้ว่าเขาได้ยิน 2 ฝาแฝดนั่นร้องกรี๊ดดังซะจนเกือบทำให้เธสตรอสตื่นเลย
   “แหม..ฉันล่ะเบื่อนักเชียวพ่อคนเนื้อหอม”โรสแกล้งแซวอัลบัส เมื่อพวกเขาเข้าไปในปราสาทแล้ว  ตัวของทั้งคู่เปียกปอนไปด้วยฝนที่ทั้งคู่วิ่งฝ่าเข้ามา
“เงียบเหอะโรส”อัลบัสพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คิกๆๆๆ”โรสหัวเราชอบใจใหญ่     
อัลบัสก็เป็นอย่างนี้ทั้งชาติแหละ   ไม่เคยสนใจสาวคนไหนเลยทั้งๆที่เขาออกจะเนื้อหอมเวลาอยู่ในโรงเรียน   เพราะ เขาเป็นลูกของวีรบุรุษอย่างแฮร์รี่  พอตเตอร์  ที่มีบุคลิกเท่ห์ๆ เงียบขรึม   แถมยังเป็นนักกีฬาควิดดิชที่เก่งกาจอีก  อย่างนี้จะไม่ให้สาวๆที่นี่เขาหลงรักกันคงไม่ไหวแล้ว   
   โรสกำลังก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องโถงกลางแต่ทันใดนั้นเอง  ! จู่ๆก็มีใครคนหนึ่งวิ่งหนีฝนเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วเบรกแตกเข้ามาชนเธอเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย !”โรสร้องลั่น เธอเกือยจะล้มอยู่แล้วแต่โชคดีที่อัลบัสจับไว้ได้ทัน
“โอ๊ย !”ชายคนที่วิ่งมาชนโรสส่งเสียงร้องดังพอๆกัน   เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เรียนชั้นเดียวกับโรสและอัลบัส  เขาเป็นผู้ชายร่างผอมและสูง   ผิวสีซีดจัดจนดูน่ากลัว  ผมของเขาสีบอลนด์จนเกือบเป็นสีขาวและมีดวงตาสีน้ำเงินเจิดจรัส โรสรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ดี  เขาชื่อสกอร์เปียส มัลฟอย  นักเรียนบ้านสลิธีรินที่มีนิสัยกวนประสาทไม่มีใครเกิน
“เดินดูทางซะบ้างสินายน่ะ !”เธอแหวใส่เด็กหนุ่มอย่างโมโห
“เธอน่ะยืนขวางทางเองต่างหากล่ะ!” สกอร์เปียส  มัลฟอยตะโกนกลับอย่างโมโหยิ่งกว่า
“ที่ทางมีตั้งเยอะ  ทำไมถึงต้องเดินมาทางนี้ด้วยล่ะมัลฟอย”อัลบัสถามเสียงปกติ
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากนาย   พอตเตอร์ !”สกอร์เปียสหันมาพูดใส่หน้าอัลบัส
“ฉันก็ไม่ต้องการจะรับเกียรติ์นั้นจากนายเหมือนกันมัลฟอย”
สกอร์เปียสทำท่าเหมือนอยากจะด่าอัลบัสแต่ถูกขัดจังหวะพอดีเพราะว่า...
“โอ๊ะ โอ ! ดูนั่นก่อนใครกัน” เสียงของเจมส์ดังกังวานเข้ามา
เขากำลังเดินเปียกปอนมากับเพื่อนๆอีก 3 -4คน  เจมส์ส่งยิ้มกว้างที่ดูมีความหมายถึงการดูหมิ่นมาให้ผู้ฟัง    ส่วนสกอร์เปียสก็ตวัดสายตาไปมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเจมส์ด้วยความไม่ชอบใจอย่างที่สุด
“ฮึ ! เจมส์  พอตเตอร์!”
“อ้า..นายจำชื่อฉันได้นี่ไอ้หนู   เก่งมาก  ฉันเดาว่าช่วงนี้แม่นายคงทำอาหารบำรุงสมองให้นายเป็นพิเศษเลยสิใช่ไหมถึงได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง”เจมส์ดูถูกสกอร์เปียสทั้งคำพูดและสายตาอย่างใจร้ายมาก
สกอร์เปียสขบกรามแน่นด้วยความโกรธ   พวกเพื่อนๆของเจมส์ต่างหัวเราะเยาะอย่างสะใจในคำพูดแดกดันของเพื่อนรัก
“เอ๋....นี่นายเป็นกัปตันคนใหม่ของสลิธีรินหรอ”เจมส์เปลี่ยนสายตาไปจ้องมองตราบนอกของสกอเปียสอย่างสนใจปนดูถูก
“หึ ! งั้นซาบินี่ก็คงจะปัญญาอ่อนพอๆกับนายแล้วล่ะ   ถึงได้แต่งตั้งเอาคนอย่างนายมาเป็นกัปตันได้    ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยมัลฟอย   ว่าชีวิตนี้นายเคยได้แตะลูกสนิชบ้างไหม”
เสียงหัวเราะจากเพื่อนๆของเจมส์ดังกึกก้อง  สกอร์เปียสดูโกรธและอับอายมาก    เจมส์ว่าเขาเกินไปแล้ว    สกอร์เปียสเป็นซีกเกอร์ที่ดีที่สุดของทีมสลิธีรินแน่นอน   เขาเคยจับลูกสนิชได้อย่างน่าประทับใจในหลายนัด   
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่นัดที่แข่งกับกริฟฟินดอร์หรือนัดที่มีเจมส์เป็นซีกเกอร์
“ทีนี้ฉันก็จะสบายใจล่ะ”เจมส์หันไปยิ้มกับเพื่อนๆของเขา  “เพราะว่าการจะเอาชนะบ้านสลิธีรินในปีนี้น่ะมันง่ายซะยิ่งกว่ากระดิกนิ้วอีกว่ามั้ยเพื่อน....ฮ่าๆๆ”
เพื่อนนักเรียนชายปีหกของเจมส์พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นและยาวเป็นพิเศษ   เจมส์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยทว่า ดูเหมือน สกอร์เปียสจะหมดสิ้นความอดทนไปแล้วในที่สุด
“ฉันจะทำให้แกสำนึกได้พอตเตอร์ ! ว่าที่จริงแล้วแกมันก็แค่เศษสวะจอมอวดดีเท่านั้นเอง !”สกอร์เปียสตะโกนก้องพร้อมกับที่ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา ! ! !
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 มีนาคม 2009, 04:39:01 pm โดย ~ Chicken_rengeR ~ »

p@kka

  • ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
  • ***
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 131
lอ่านแล้วสนุกดีค่ะ มาแต่งต่อไวๆนะค่ะ จะรออ่าน  :)
~ I Love Harry Potter ~

Pretty-padfoot

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่  2

     “ฉันจะทำให้แกสำนึกได้พอตเตอร์ ! ว่าที่จริงแล้วแกมันก็แค่เศษสวะจอมอวดดีเท่านั้นเอง !”
สกอร์เปียสตะโกนก้องพร้อมกับที่ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ไปที่เจมส์ !  ตอนนี้หลายคนที่กำลังเดินเข้าห้องโถงต่างหยุดมองดูพวกเขาอย่างแตกตื่น
“เอ็กเปลลิอาร์มัส!” เจมส์ปลดอาวุธสกอร์เปียสได้อย่างรวดเร็วก่อนที่สกอร์เปียสจะสาปเขาได้ทัน
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะมัลฟอย” เจมส์ตะคอกใส่เด็กหนุ่มด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวพร้อมกับชี้ไม่กายสิทธิ์ใส่หน้าสกอร์เปียสเป็นการขู่
“เศษสวะ ! ใช่  แกมันก็เป็นได้แค่นั้นแหละ !”สกอร์เปียสถ่มน้ำลายที่เท้าเจมส์อย่างไม่เกรงกลัว
“แกเที่ยวรังแกคนที่อ่อนแอกว่าไปทั่ว แล้วก็ภูมิใจในชื่อเสียงของตัวเองนักหนาทั้งๆที่จริงๆแล้วแกไม่สมควรจะได้รับมันเลย แกน่ะไม่ได้มีดีอะไรเลย พ่อของแกต่างหากล่ะที่เป็นแบบนั้น เขากล้าหาญ เขาต่อสู้กับศาสตร์มืดและเขาช่วยให้แกเป็นคนที่มีชื่อเสียง ถ้าแกไม่ใช่ลูกชายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ แกก็เป็นได้แค่เศษขยะที่สังคมเขารังเกียจเท่านั้นแหละ เจมส์ พอตเตอร์!” 
“แกบังอาจ-” เจมส์ชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นแต่โรสไวกว่าเขา
“โพรเกโก้”เธอชี้ไปที่สกอร์เปียส คาถาเกราะวิเศษจึงสะท้อนคำสาปของเจมส์เข้าตัวเขาเอง 
เจมส์ล้มหงายหลังด้วยฤทธิ์ของคำสาปที่รุนแรงมาก
“กรี๊ด!”เด็กผู้หญิงหลายคนร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเจมส์ตอนที่ลุกขึ้นมา
“เหวอ !”เพื่อนๆของเจมส์ร้องลั่นไปตามๆกัน
“ฉัน...ฉันเป็นอะไร !” เจมส์ถามเพื่อนของเขาอย่างตกใจ เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขามีปากที่เขียวช้ำและบวมเป่งผิดปกติซ้ำร้ายมันยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
 อัลบัสรีบเข้าไปแก้คำสาปให้พี่ชาย    เขาจ่อไม้กายสิทธิ์ไปที่ปากของเจมส์แล้วจ้องเขม็ง ปากพึมพำบางอย่างเบาๆ
สักพักปากของเจมส์ก็กลับเป็นสีแดงและค่อยๆยุบลง
“ฮะ ฮะ ฮะ ๆๆๆๆ” สกอร์เปียสระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความสะใจพร้อมกับแก๊งนักเรียนปีห้าบ้านสลิธีรินของเขาที่เพิ่งจะมาสมทบ
“ฮึ !” เจมส์ที่กลับเป็นปกติแล้วทำท่าจะเล่นงานสกอร์เปียสอีก เขาชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นอีกครั้ง
“หยุดซะทีเถอะเจมส์ !”โรสร้องห้ามอย่างทนไม่ไหว  เธอกับอัลบัสตอนนี้ต้องเข้าไปช่วยกันรั้งตัวเขาไว้อย่างสุดกำลัง  เจมส์หันมามองเธออย่างโกรธเคือง
“เมื่อกี้นี้เธอช่วยมันนี่ !”
“กะ ก็เธอจะสาปเขานี่นา !”
“เขาก็จะสาปฉันเหมือนกันนะโรส !”
“แต่เธอก็ปลดอาวุธเขาได้ทัน !”
“พี่เป็นคนไปหาเรื่องเขาก่อนนะ !” อัลบัสพูดขึ้นมาเพื่อช่วยโรส
“นี่แกก็อีกคนเรอะ !”
“ฉันจะเขียนจดหมายไปบอกแม่คืนนี้ถ้านายยังไม่ยองสงบเรื่องต่อยตีบ้าๆนี่ซะที”อัลบัสกระซิบขู่
“หรือถ้านี่ยั งไม่ทำนายหายบ้าได้  งั้นเจมส์..หันหลังกลับไปดูหน่อยเถอะว่าใครกำลังดูอยู่”
เจมส์เหลียวกลับไปมองข้างหลัง เขาพบเด็กสาวผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาข้างในปราสาท
“เจมส์ !”สาวน้อยโบกมืออย่างร่าเริงเมื่อสังเกตเห็นเขา
“ชาคิลาห์”เจมส์ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นเขาเดินเข้าห้องโถงกลางไปพร้อมกับสาวคนนั้นโดยไม่กลับมาสนใจการต่อสู้ระหว่างเขากับสกอร์เปียสอีกเลย
อัลบัสถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกสลิธีรินยังคงหัวเราะกันไม่เลิกแต่ยกเว้นสกอร์เปียส เขาหยุดหัวเราะไปแล้ว
ตอนนี้กำลังเดินมาเก็บไม้กายสิทธิ์
“ฉันไม่ต้องการให้เธอมาช่วยหรอกยัยวีสลีย์ !” เขาพูดโดยที่ไม่ยอมมองหน้าโรสหลังจากที่เก็บไม้ขึ้นมาแล้ว
“อย่าเข้าใจผิด”โรสพูดหยิ่งๆ “ที่ฉันทำไปน่ะเพราะเป็นการป้องกันไม่ให้เจมส์เขาถูกลงโทษตั้งแต่วันแรกที่มาโรงเรียนหรอกย่ะ”
“อ้อ ! งั้นเรอะ”สกอร์เปียสทำเสียงเยาะเย้ย
โรสสะบัดหลังใส่เขาแล้วเดินเข้าไปในห้องโถงตามเจมส์พร้อมกับอัลบัส
   
   งานเลี้ยงวันเปิดเทอมก็ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนทุกปี  ศาสตราจารย์ฟลิกวิกพานักเรียนปี 1 เข้ามาทำการคักสรรนักเรียนเข้าบ้านต่างๆในห้องโถงกลางโดยมีอาจารย์ใหญ่มักกอนนากัลคอยจับตามองอย่างใจจดใจจ่ออยู่ตรงกลาง บนโต๊ะอาหารของพวกอาจารย์ ปีนี้นักเรียนฮัฟเฟิลพัพได้นักเรียนมากกว่าบ้านอื่นๆ กริฟฟินดอร์และ
สลิธีรินได้มาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่กระนั้นงานเลี้ยงก็ยังคงสนุกสนาน อาหารหรูหราที่วางอยู่บนโต๊ะประจำบ้านนั้นดูเหมือนจะไม่มีวันหมดไปได้เลย ทุกคนอิ่มและสนุกสนานกับงานเลี้ยงมาก
   เช้าวันต่อมาเป็นวันเปิดเรียนวันแรก โรสรีบตื่นแต่เช้าตรู่เพราะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มเรียนเวทมนต์ในระดับสูงแล้ว เธออาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็ลงมาที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านกริฟฟินดอร์แล้วเปิดหนังสือเรียนคาถามาตรฐานปี 5 และก็เริ่มทดลองฝึกฝนคาถาด้วยตนเอง
   3 ชั่วโมงผ่านไป โรสนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนโซฟา เธอไม่สามารถฝึกคาถาต่อไปได้อีกแล้วเพราะตอนนี้หลายคนกำลังลงมาจากหอคอยชายและหญิงเพื่อไปกินอาหารเช้าและเรียนหนังสือ แต่เธอยังไม่เห็นวี่แววของอัลบัสเลยทั้งๆที่โรงเรียนจวนเจียนจะขึ้นอยู่แล้วแท้ๆ
   “อรุณสวัสดิ์โรส”เสียงทักแบบตื่นเต้นดีใจแบบสุดๆดังขึ้นข้างหูโรส เธอหันไปมองผู้พูด
เด็กหนุ่มผมหยิกหยองสีน้ำตาล  ผู้มีดวงตาสีฟ้าสดใสคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เธออย่างหน้าชื่นตาบาน
 เขาคือวิลเลี่ยม  สมิธ   นักเรียนปีสี่ที่แสดงออกว่ามีใจให้โรสอย่างเปิดเผย
 “อรุณสวัสดิ์วิล”โรสหันไปทักตามมารยาท “เธอเห็นอัลบัสลงมารึเปล่า”
“เปล่า ห้องของฉันอยู่ต่ำกว่าห้องของเขาน่ะ  แต่ฉันว่าเขากำลังมานะ ดูสิ” วิลเลี่ยม พยักหน้าไปที่บันได
เมื่อโรสหันไปมองก็เห็นอัลบัสกำลังเดินทอดน่องลงมาพร้อมกับนิโคลัส เลตเทอร์ เพื่อนนักเรียนชายปี 5 คนหนึ่ง
“ให้ตายเถอะอัล  ! นี่เธอคิดจะสายตั้งแต่วันแรกเลยรึไง !”เธอเข้าไปวีนอย่างหงุดหงิด
“อะไรกันโรส อีกตั้งเกือบชั่วโมงนะกว่าจะเข้าเรียนน่ะ”
“คนอื่นเขาไปกันหมดแล้วนะยะ ! รีบๆเข้าเหอะฉันหิวจะตายอยู่แล้ว !”เธอแหวใส่อัลบัสอีกครั้งขณะที่เขากำลังตั้งใจหวีผมที่ตั้งไม่เป็นระเบียบของเขาให้ดูเหมือนผ่านการหวีมาบ้าง อัลบัสหันไปสบตากับนิโคลัสอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะต้องรีบวิ่งตามโรสออกไป
   ภายในห้องโถงกลางตอนนี้คนแน่นขนัด มีอาหารเช้าหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะประจำบ้านตัวยาว
โรสและอัลบัสเดินไปนั่งที่ติดกับฮิวโก้และลิลี่ที่กำลังทานกันอยู่ก่อน
“เฮ้ลิลี่ ! สีหน้าเธอไม่ดีเลยนะ เพราะเมื่อวานตากฝนล่ะสิ”อัลบัสเอ่ยทักน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงอัล”
“เธอควรจะกินน้ำยาพริกไทยนะรู้มั้ย”โรสหันไปบอกลิลี่อย่างห่วงใยเช่นกัน
ทว่า ลิลี่ดูเหมือนจะกลัวน้ำยาพริกไทย “ไม่ ! ได้โปรดอย่าให้หนูกินน้ำยานั่นอีกเลยนะ มันแสบคอจะตายไป 
หนูไม่ชอบ”
“แต่เธอต้องกิน”อัลบัสหันไปใช้สายตาขู่บังคับที่เขาลอกเลียนแบบจินนี่ได้อย่างเหมือนมาก “มันจะช่วยให้เธอหายจากไข้หวัดฉงัดเลย ทนเอาหน่อยเถอะนะ ตอนเย็นพี่จะไปขอมาดามพรอมฟรีย์มาให้เธอเอง”
ลิลี่หยุดกินอาหารทันที จากนั้นเธอก็ทำหน้างอไม่ยอมพูดจา
“เฮ้อัล ! เสาร์นี้ฉันขอนัดซ้อมควิดดิชครั้งแรกนะ !”เสียงของเจมส์ตะโกนบอกอัลบัสมาจากอีกฝากหนึ่งของโต๊ะ
เขากำลังนั่งติดกับเด็กสาวผิวคล้ำคนเมื่อวานที่เขาเดินด้วย
“อะไรนะ !”อัลบัสตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อหู “แต่นี่มันเพิ่งเปิดเทอมเองเจมส์ อีกตั้งนานกว่าจะถงฤดูแข่ง”
“ใช่  อีกนานกว่าจะแข่ง”เจมส์ยิ้มกว้าง “เราจะได้มีเวลาซ้อมนานๆด้วยไง แล้วพอถึงเวลาจริงเราก็จะเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียน!”
นักเรียนกริฟฟินดอร์หลายคนโห่ร้องใส่เจมส์อย่างชอบใจ บ้างก็ผิวปาก ซึ่งเจมส์ดูพอใจมาก อัลบัสเองก็พลอยหัวเราะชอบใจไปกับเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่นๆด้วย ในตอนนี้เองจู่โรสก็กระทุ้งสีข้างของเขา
“นี่..คนที่นั่งติดกับเจมส์นั่นใครหรอ ผู้หญิงผมยาวๆ คล้ำๆหน่อยนั่นน่ะ”
“อ๋อนั่นเหรอ”อัลบัสหันมายิ้มแบบขบขันให้โรส “ฉันเดาว่าเจมส์คงจะให้เวลาหน้าร้อนทั้งหมด หมดไปกับการเขียนจดหมายถึงเธอคนนี้น่ะ”
“หมายความว่าเขาเป็นแฟนของเจมส์หรอ”
 “ถูกต้อง !”อัลบัสหลิ่วตาให้เธอ “ชาคิลาห์ แอนโมเน่ ที่อยู่ปี 6 ไงล่ะ”
“แต่ว่าอัล..”โรสยังคงมึนอยู่ “ที่ฉันได้ข่าวมาคือเขาคบอยู่กับแคทเทอรีน  วอร์คเกอร์ที่อยู่ฮัฟเฟิลพัพไม่ใช่หรอ”
“นั่นเขาเลิกไปตั้งแต่ปี 4 แล้วเธอตกข่าวชะมัดเลย”
“นี่ ! แล้วเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมาฉันยังเห็นเขาไปเที่ยวกับยัยแซนดี้ จางแห่งเรเวนคลออยู่เลยนะ”
“อ๋อ นั่นเป็นเดตสุดท้ายของเขากับแซนดี้แล้วล่ะ หลังจากนั้นเขาก็เดตกับชาคิลาห์ตลอดมาเลย”

โรซี่ วีสลีย์ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมคนทะเล้นอย่างเจมส์  พอตเตอร์ถึงได้มีเสน่ห์แรงขนาดนี้นะ

   ตอนนี้มีชายหนุ่มมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังย่างเท้าเข้ามาในห้องโถง นักเรียนหลายคนตะโกนทักทายเขาจากโต๊ะของแต่ละบ้านด้วยความรักใคร่  ชายหนุ่มคนนี้เป็นอาจารย์ที่ป๊อยปูล่ามากที่สุดในฮอกวอร์ต เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาแปลงร่าง เป็นพ่อมดหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา อายุไม่น่าเกิน 25  ผมของเขามีสีฟ้าสดใสที่ผิดธรรมชาติมาก ชื่อของเขาคือศาสตราจารย์เท็ด ลูปินหรือเท็ดดี้  ในวันนี้เขาดูสะดุดตาในชุดคลุมกำมะหยี่สีม่วงเข้มที่มีตราฮอกวอร์ตสีทองเด่นอยู่ที่อกซ้าย

   “หวัดดีฮะเท็ดดี้ !”ฮิวโก้ตะโกนทักทายเท็ดดี้อย่างดีใจ
เท็ดดี้แกล้งหันมาทำหน้าตำหนิใส่เขาก่อนจะพูดว่า “เธอไม่สมควรเรียกอาจารย์ด้วยชื่อแรกเลยนะมิสเตอร์วีสลีย์”
“โอ้..ขอโทษครับ ผมลืมทุกทีเลยศาสตราจารย์ลูปิน”ฮิวโก้ยิ้มแฉ่งแก้คำพูดต่อไป
เท็ดดี้ส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วจึงหันมามองอัลบัสกับโรส
“อ้า..ไม่เอาน่าอัล อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกแฮร์รี่ดุอยู่เลยนะ”ครูหนุ่มบอกอัลบัสด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจเมื่อเขาเผลอขมวดคิ้วมองเท็ดดี้ในตอนที่กำลังหยอกฮิวโก้
อัลบัสรีบปล่อยคิ้วให้เป็นปกติแล้วส่งยิ้มให้ครูหนุ่ม “คุณสบายดีนน่ะฮะ”
“ฉันเหรอ...ก็ต้องดีสิ มากๆเลยด้วย เธอก็รู้น่ะ” เท็ดดี้ยักคิ้วพร้อมกับส่งสายตามีความนัยมาให้ซึ่งอัลบัสเองก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องงานหมั้นของเขา
“เอาล่ะ ! ไหนใครจะบอกได้ว่าเจมส์  พอตเตอร์นั่งอยู่ตรงไหน” เท็ดดี้เปลี่ยนสีหน้าเป็นการเป็นงานขึ้นแล้วเริ่มหันซ้ายแลขวา
“มีธุระอะไรกับผมหรือครับ!” เจมส์ตะโกนข้ามฟากมา
เท็ดดี้เดินไปใกล้ที่เจมส์นั่งแล้วเริ่มต้นพูดกับเขาด้วยใบหน้าขึงขัง “เธอต้องถูกลงโทษ เจมส์   เมื่อเช้านี้พ่อของเธอได้รับจดหมายโกรธเกรี้ยวฉบับหนึ่งจากนกฮูก  บอกว่านายพยายามจะสาปสกอร์เปียส  มัลฟอยเมื่อคืนนี้  เธอก็รู้นี่ว่าพ่อ แม่ของเธอไม่ชอบให้เธอทำตัวแบบนี้นะ พวกเขาโกรธมาก แฮร์รี่เขียนจดหมายไปบอกแฮกริดว่าเธอจะต้องถูกกักบริเวณกับเขาสักคืนหนึ่งและฉันภาวนาไม่ให้เธอได้รับจดหมายกัมปนาทจากจินนี่อีกฉบับด้วยล่ะ”
หลังเท็ดดี้แจกแจงซะยาวยืดเจมส์หันหลังไปมองสกอร์เปียสที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับกลุ่มเพื่อนบนโต๊ะบ้าน สลิธีริน “ไอ้ตาขาวเอ๊ย” เขาขบกรามด่าพร้อมทั้งส่งสายตาโกรธแค้นมองคู่กรณี
“รู้มั้ย....ฉันว่ามันไม่ฉลาดเลยเจมส์”เท็ดดี้เสริมอีกหน่อย “ที่ไปทำให้แฮร์รี่อารมณ์เสียน่ะ แค่ทุกวันนี้เขาก็มีเรื่องน่าหงุดหงิดมากพอที่จะทำให้กลายเป็นระเบิดอยู่แล้ว- โอ้ ! สวัสดีครับศาสตราจารย์ลองบัตท่อม !”
ใบหน้าของเท็ดดี้กลับมาสดใสน่ามองอีกครั้งเมื่อเขาพบคนที่กำลังเดินแจกตารางสอนให้นักเรียน เขามีจุดเด่นที่มีใบหน้ากลมและแววตาสดใสอยู่ตลอดเวลา อาจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ ศาสตราจารย์เนวิลล์  ลองบัตท่อม
“ไง ! เท็ดดี้”เนวิลล์โบกมือทักเล็กน้อยแล้วค่อยหันไปแจกตารางสอนต่อ
“โชคดีจัง!เราเรียนกับเท็ดดี้คาบแรก”โรซีพูดกับอัลบัสหลังจากอ่านตารางสอนใหม่ที่เพิ่งได้รับแจก
“ฮื่อ..หวังว่าเขาคงไม่ทำให้เราผิดหวังในคาบแรกของปีนี้นะ” อัลบัสพูดยิ้มๆ
“ชัวส์อยู่แล้ว”

   เท็ดดี้  ลูปินคนนี้จะว่าเป็นเหมือนพี่ชายคนโตของอัลบัสกับเจมส์ก็คงไม่ผิด เพราะว่าเขาเป็นลูกบุญธรรมของแฮร์รี่ พอตเตอร์ พ่อ แม่ของเขาเป็นพ่อมด แม่มดที่เก่งกาจ 2 คนคือรีมัสกับนิมฟาดอร่า ลูปิน  พวกเขาได้ฝากฝังเท็ดดี้ไว้กับแฮร์รี่ก่อนที่ทั้งคู่จะตายไปตั้งแต่เท็ดดี้เพิ่งแรกเกิด ดังนั้นเท็ดดี้จึงมียายเป็นผู้เลี้ยงดูและมีครอบครัวพอตเตอร์เป็นผู้อุปถัมป์ เขาโชคดีที่มีคนอย่างแฮร์รี่เป็นพ่อทูนหัวเพราะแฮร์รี่นั้นให้ความรักกับเท็ดดี้เท่ากับลูกของตัวเอง เหมือนกับเท็ดดี้เป็นลูกในไส้ พวกลูกๆของแฮร์รี่จึงไม่คิดว่าเท็ดดี้เป็นคนอื่นไกลเลย พวกเขาคิดว่าเท็ดดี้เป็นในครอบครัว เป็นพี่ชายของพวกเขา

   ชั้นเรียนของเท็ดดี้นั้นเป็นที่นิยมมากพอๆกับตัวเขา ทั้งที่วิชาแปลงร่างเป็นวิชาที่ค่อนข้างยากแต่เขาก็พยามดัดแปลงให้นักเรียนหันมาสนใจเรียนได้ ชั้นเรียนของเขาถูกตกแต่งด้วยสีสันสว่างตา ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง แดง ส้ม และมีลวดลายต่างๆนานาแปะอยู่บนโต๊ะเรียนที่เขาจัดการดัดแปลงรูปร่างให้เป็นโต๊ะแลกเชอร์สีสันฉูดฉาดและมีเบาะรองนั่ง ดูๆไปห้องเรียนของเขาน่าจะเป็นห้องสอนศิลปะมากกว่าแปลงร่าง
    อัลบัสและโรซี่มาถึงห้องเรียนก่อนใครพวกและเลือกนั่งที่ด้านหน้าสุด  ไม่นานหลังจากนั้นพวกนักเรียนคนอื่นๆก็เริ่มทยอยมากัน  พวกบ้านสลิธีริน นำโดยสกอร์เปียสเดินเข้ามาเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วเดินไปนั่งที่หลังห้องตามที่ประจำ  เมื่อเห็นว่านักเรียนมากันครบแล้วอาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานจึงได้ฤกษ์ออกมาเสียที
“สวัสดี!นักเรียนปี 5 ที่รักของฉันทุกคน!”เท็ดดี้ยิ้มกว้าง “ดูสีหน้าของพวกเธอแล้วชวนให้ยิ้มออกจริงๆ”
ครูหนุ่มกวาดตามองเหล่านักเรียนด้วยสีหน้าเมตตาราวกับนักบุญ
“บ่งบอกได้ชัดว่ากำลังอยู่ในช่วงที่มีความสุข........แต่ฉันต้องขอขัดอารมณ์พวกเธอสักหน่อยเพราะอยากจะเตือนว่าในปีนี้พวกเธอต้องลดเวลาสนุกลงแล้วหันมาสนใจกับตำราเรียนบ้างแล้ว เพราะอีกไม่นานพวกเธอจะต้องเข้ารับการทดสอบวิชาพ่อมดระดับสามัญหรือที่รู้จักกันในชื่อการสอบ ว.พ.ร.ส.”
“ที่สำคัญ!”เท็ดดี้เปร่งเสียงดังขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำเอาบางคนสะดุ้งไปตามๆกัน “วิชาแปลงร่างของฉันนี่ก็ไม่ได้หวานหมูซะด้วย และฉันจะต้องเสียใจกับบางคนที่ไม่ได้ก.เป็นอย่างต่ำ เพราะนั่นเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ฉันกำหนดไว้สำหรับชั้นเรียนแปลงร่างปี 6 และปี 7”(ก.= เกินความคาดหมาย)
สีหน้าของทุกคนในห้องเจือนลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟังเท็ดดี้พูดแบบนี้ เพราะไม่ว่าใครๆต่างก็คงอยากเรียนแปลงร่างต่อกันทั้งสิ้น
“เอาล่ะ...นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพยายามกัน”เท็ดดี้พูดเสียงราบเรียบ เขาดูพึงพอใจที่ทำให้เหล่านักเรียนมีแรงกระตุ้นขึ้นมาบ้าง เขาโบกไม้กายสิทธ์เรียกหนังสือเล่มหนึ่งให้ลอยออกมาหาเขาจากในห้องทำงาน
“วันนี้ฉันจะลองทบทวนความรู้เก่าๆของพวกเธอก่อน...ยัง..ยังไม่ต้องเอาหนังสือเรียนขึ้นมาหรอก”เขาบอกก่อนจะหยิบตำราที่ลอยอยู่ตรงหน้ามาเปิด
“ข้อแรก......คาถาเปลี่ยนสีถูกคิดค้นโดยใคร”
มือของโรซี่ชูไวก่อนใครพวก
“ตอบมาโรส”
“โจนาธาน วิลสัน พ่อมดชาวออสเตรียค่ะ”
“เยี่ยมมาก....สิบคะแนนให้กริฟฟินดอร์”
เสียงปรบมือของเด็กกริฟฟินดอร์ดังเปาะแปะๆเพื่อแสดงความยินดีให้โรส
“เอาล่ะ!ข้อต่อไป ใครจะพอบอกฉันได้บ้างว่าพวกเธอจะแยกพ่อมดแอนนิเมจัสกับเหล่าสัตว์จริงๆได้อย่างไร”
มือของโรสไวกว่าเพื่อนอีกครั้ง เธอลุกขึ้นตอบอาจารย์อย่างฉะฉานและมั่นใจ
“พวกพ่อมด แม่มดแอนนิเมจัสจะทำตำหนิไว้กับตัวเองค่ะ เพื่อให้มีคนแยกออก”
“แล้วถ้ามีบางคนไม่ทำล่ะโรส”
“อืม...ต้องสังเกตดูจากพฤติกรรมน่ะค่ะ  พ่อมดไม่สามารถเลียนแบบพฤติกรรมสัตว์ได้อย่างหมดจด พวกนี้มักจะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติจากสัตว์อย่างเห็นได้ชัดเจน...ถ้าอาจารย์ช่างสังเกตนะคะ”
เท็ดดี้พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้โรส “ให้กริฟฟินดอร์อีกสิบแต้ม”
“เอ้อ...มีข้อสงสัยอยู่ข้อนึงน่ะครับ”ใครคนหนึ่งตะโกนดังมาจากหลังห้อง
ทุกคนหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นสกอร์เปียส มัลฟอย ทำให้ทั้งห้องประหลาดใจมากเพราะตั้งแต่เรียนด้วยกันมาไม่เคยเห็นเขาตั้งคำถามเลยสักครั้ง
“ว่ามาเลยมิสเตอร์มัลฟอย”เท็ดดี้พูดกับสกอร์เปียส เขาเองก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเช่นกัน
“เกี่ยวกับพ่อมดแอนนิเมจัสน่ะครับ.....คือผมอยากทราบข้อแตกต่างระหว่างแอนนิเมจัสกับ”เด็กหนุ่มหยุดแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “มนุษย์หมาป่า”
“อ้อ ! ก็เป็นคำถามที่มีสาระพอสมควร”เท็ดดี้พูดหน้าไม่คล้อยตาม เห็นได้ชัดว่าไม่ถูกใจกับคำถามนี้นัก
“แต่เรื่องนี้มันเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานนะมัลฟอย ฉันว่าถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังไม่รู้  ต่อไปคงต้องกลับไปทบทวนตำราเก่าๆบ้างแล้วล่ะ”เขาว่าให้ก่อนจะตอบคำถาม
“มนุษย์หมาป่านั้นต่างจากแอนนิเมจัสตรงที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมการแปลงร่างได้อย่างที่แอนนิมัสทำได้ และทุกเดือนในคืนวันเพ็ญพวกเขาจะต้องแปลงร่างเป็นหมาป่าอย่างเลี่ยงไม่ได้”ดวงตาสีเข้มของเท็ดดี้ฉายแววปวดร้าวอย่างที่ใครก็ไม่อาจเดาสาเหตุได้ “ฉันเชื่อว่ามนุษย์หมาป่าคงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพวกเขาทำร้ายใครโดยไม่รู้ตัวแต่นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจหลีกหนีได้”
“ดูเหมือนว่าอาจารย์จะเข้าอกเข้าใจมนุษย์หมาป่าดีเลยนะครับ”สกอร์เปียสพูดเย้ยหยันขึ้นมาอีก
“หมอนั่น!”อัลบัสหันไปมองด้วยความโกรธเคือง
“ใช่...ฉันอาจจะเข้าใจมนุษย์หมาป่าอย่างที่เธอว่า มัลฟอย”เท็ดดี้ตอบกลับไป
“นั่นเป็นเพราะว่าอาจารย์คงมีอดีตอันลึกซึ้งกับหมุษย์หมาป่าสินะครับ อดีตที่แสนเศร้าแต่ก็ยังโหยหา”
นักเรียนคนอื่นๆเริ่มสนใจกับคำพูดของสกอร์เปียสมากขึ้น เพราะประโยคที่ซ่อนเงื่อนของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไปรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเท็ดดี้เข้าซะแล้ว
“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพูด มัลฟอย”เสียงของเท็ดดี้ดูเย็นชา
สกอร์เปียสยังคงยิ้มเยาะอยู่ “โธ่...อาจารย์ต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะ......และผมอยากจะบอกว่าผมรู้สึกสมเพช เวทนาพวกมนุษย์หมาป่าจริงๆเลย”
“หักสลิธีริน 15คะแนน”เท็ดดี้บอกห้วนๆทันทีที่สกอร์เปียสพูดจบ “โทษฐานที่นอกเรื่องไปจนทำให้เสียเวลาเรียน มนุษย์หมาป่าไม่ได้อยู่ในรายวิชาของฉันเลยนะมัลฟอย” ว่าจบเท็ดดี้ก็หันไปทำหน้าหงิก พลิกหนังสือต่อไปเพื่อหาคำถามมาทดสอบนักเรียนอีก ส่วนสกอร์เปียสก็ดูชอบอก ชอบใจที่ทำให้อาจารย์หงุดหงิดได้สำเร็จ เขาหันไปแปะมือกับพรรคพวกด้วยความร่าเริง
   
   ชั้นเรียนเลิกพร้อมๆกับอารมณ์ขุ่นมัวของอาจารย์ เท็ดดี้บอกลานักเรียนของเขาด้วยรอยยิ้มที่เพิ่งจะปรากฏออกมาอีกครั้ง นักเรียนทุกคนต่างเดินออกจากห้องเรียนด้วยความเสียดายเพราะกำลังจะเริ่มสนุกขึ้นแล้วแท้ๆ

   “เครามอลินเป็นพยาน อัล...ฉันสาบานได้เลยว่าแทบจะควบคุมตัวเองไม่ให้แช่งนายปากหนอนมัลฟอยนั่นไม่ได้เลย”โรสบ่นกับอัลบัสอย่างเผ็ดร้อนในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปเรียนวิชาต่อไป
“ใช่...ฉันเองก็เกือบไปเหมือนกันโรส”อัลบัสเออออตามแต่ไม่ได้สนใจนัก
“ฮึ่ม!อีตาถ่อยนั่นมันน่าเชือนลิ้นทิ้งจริงๆ!”
“ใครน่าเชือนลิ้น แล้วเธอว่าใครปากหนอนกันหาวีสลีย์”สกอร์เปียสโผล่มาข้างหลังโรสกับอัลบัสแบบไม่ให้ตั้งตัว ทั้งคู่หันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผมบรอนด์ ผิวซีดที่ทำหน้าหยิ่งผยองได้อย่างน่าตบจริงๆ
“พวกนายเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเขาจริงๆด้วยสินะ อย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด”เขาพูดกลั้วหัวเราะเยาะ
“ใช่สิ ! ก็เรามีสามัญสำนึกที่ดีหนิ ! ไม่เหมือนนายที่เป็นคนขาดสามัญสำนึกไม่งั้นวันๆนายคงไม่เอาปากเน่าหนอนของตัวเองไปเที่ยวด่าใครๆเขาหรอก!”  โรสใส่เป็นชุดเพราะเก็บกดมานาน
“โอ้โห...พวกเธอนี่ช่างดีเลิศประเสริฐศรีราวกับซาตานกลับใจจริงๆเลยนะ”
“หนินาย!”โรสกับอัลขึ้นเสียงพร้อมกันแบบจี๊ดๆ
“แต่ว่านะวีสลีย์...ก่อนที่เธอจะมาทำอวดดี เที่ยวสอนใครต่อใครเรื่องจิตสำนึกเนี่ยฉันว่าเธอน่าจะลองไปสอนญาติสนิทของเธอให้สำเร็จก่อนจะดีกว่า”
อัลบัสจ้องดวงตาสีน้ำเงินของสกอร์เปียสเขม็งซึ่งสกอร์เปียสหันมาจ้องกลับเช่นกัน
“นายก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันหรอพอตเตอร์  นายว่าพี่ชายนาย...เมื่อดูจากพฤติกรรมของเขาเมื่อวานแล้ว เขาน่าจะได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกใหม่จากวีสลีย์ใช่มั้ยล่ะ”
“เปล่า ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”อัลบัสตอบแล้วเริ่มเผยรอยยิ้มที่ดูเหนือกว่าออกมา “เพียงแต่ฉันรู้สึก...เอ้อ..เป็นห่วงนายน่ะ”
สกอร์เปียสหุบรอยยิ้มลงแล้วทำคิ้วขมวดแทน “เป็นห่วงฉันเรื่องอะไร”
“ก็นายน่ะเริ่มจะโรคจิตขึ้นทุกวันๆแล้วสิ.....เรื่องเมื่อวานเป็นสิ่งที่ทุกคนลืมไปหมดแล้วโดยเฉพาะเจมส์  เขาอาจจะนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แต่ดูนายสิ....ฮ่ะๆๆๆ”อัลบัสหัวเราะเยาะ
“นายยังผูกใจเจ็บกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้นอยู่ได้...มัลฟอยฉันว่านายต้องปล่อยวางลงซะบ้างนะ”
“แกถือดียังไงมาว่าฉันแบบนี้”สกอร์เปียสหน้าตาบึ้งตึงขึ้นตามแรงยั่วยุ
“ฉันเตือนด้วยความหวังดีไม่ได้ว่า....ฮ่ะๆๆๆ”อัลบัสหันไปชวนให้โรสขำด้วย
สกอร์เปียสเถียงไม่ออก ได้แต่ทำหน้าบูดบึ้ง
“ไปกันเถอะโรส อย่าไปอยู่ใกล้คนโรคจิตให้มากนักเลย เดี๋ยวจะโดนลูกหลง”อัลบัสแกล้งกวนประสาทแถมให้อีกก่อนจะจับมือโรสเดินออกไป
“ฮ่าๆ นี่!นายก็ไปเช็คประสาทที่เซนมังโกบ้างก็ดีนะ”โรสหันมาหยอกให้แต่สกอร์เปียสไม่ได้ตลกตาม
“ฮึ่ม!เชิญพวกแกไปกันเองเถอะโว้ย!”เขาตะคอกใส่ 2 คนอย่างโมโหจัดก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกมา

p@kka

  • ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
  • ***
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 131
ฮิฮิ มาติดตามอ่านผลงานแล้วนะค่ะ ก็สนุกดีค่ะ แต่งต่อไวๆนะค่ะจะรออ่าน  :D
~ I Love Harry Potter ~

c я σ s s™

  • ฉันคือฉัน จบข่าว..!
  • ผู้วิเศษเลือดบริสุทธิ์
  • *****
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 202
  • ++ Weasley is our King!! ++
    • http://crossonline123.hi5.com
รุ่นลูกเนี่ยสนุกดีแฮะ :-*

ลูกแฮร์รี่ก็เก่งเหมือนพ่อเลย

ส่วนลูกของรอนก็เหมือนรอนมากเลยเนอะ ;D

สนุกดีค่ะ จะติดตามอ่านต่อนะคะ :D

เป็น - กำ - ลัง - ใจ - ให้ - ค่ะ!+ :) :D


PON EILEEN SNAPE

  • LOVE HARRY POTTER ALWAYS
  • นักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ปี 3
  • ********
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 605
  • I LOVE SEVERUS SNAPE
แต่งได้มันมากเลยค่ะ :D ต่อเรื่องเร็วๆนะคะ อยากอ่านต่อ :-[

Magic-Cvidiz

  • =^=//...Magic-Cvidiz....?[z(- -)//]
  • มนุษย์หมาป่า
  • ******
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 285
สนุกดีค่ะ ,, ชอบคะ

 ;D

ronal

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆเรย
มาแต่งต่อเถอะ
ได้
โปด :-*

 

SMF spam blocked by CleanTalk