Fans !!! > Fan Fiction [ ฉบับยังไม่สมบูรณ์ ]

22/10/2009 Made of Honor [เวอร์ชั่นเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย] คู่ D/Hr นะคะ

(1/2) > >>

piksi:


Made of Honor [เวอร์ชั่นมัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่]




ชี้แจงก่อนอ่านนะคะ  ฟิคเรื่องนี้เราดัดแปลงโครงเรื่องมจากภาพยนตร์เรื่อง Made of Honor น่ะค่ะ  (ใครดูแล้วก็ลองมาอ่านเป็นเวอร์ชั่น Draco/Hermione เอานะคะ) เพราะเราชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก  แล้วก็นึกครึ้มก็เลยลองเอามาแปลงดูน่ะค่ะ  เพราะเราเห็นว่าตัวพระเอกของเรื่องมีส่วนคล้ายเดรโกอยู่เหมือนกัน  แต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนเป๊ะ ๆ นะคะ  เราดัดแปลงเอาตามความเหมาะสมค่ะ  พูดมามากแล้ว  ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


***Chapter 1 งานเลี้ยงที่ฮอกวอตส์***

ในคืนสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียนของปีเจ็ด  ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จัดงานเลี้ยงขึ้นสำหรับอำลานักเรียนปีสุดท้ายที่จะไม่มีโอกาสกลับมาที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว  หลังจากจบงานเลี้ยงที่ห้องโถง  พวกนักเรียนต่างพากันไปต่อที่ห้องนั่งเล่นรวม  นักเรียนชายหลายคนแอบจิ๊กของกินจากโต๊ะประจำบ้าน  บ้างก็ให้เอล์ฟจัดหามาให้เพื่อที่จะได้สังสรรค์ต่อยันเช้า  สำหรับคืนสุดท้ายที่ฮอกวอตส์
สำหรับเดรโก  มัลฟอยนั้นเขาเตรียมเปิดขวดวิสกี้ไฟขวดสุดท้ายที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดของเขาจากพ่อเมื่อตอนอายุครับสิบเจ็ดสำหรับฉลองในค่ำคืนนี้  และเป็นการระลึกถึงพ่อด้วย  อย่างน้อยถ้าพ่อเห็นเขาเรียนจบแบบนี้พ่อก็คงภูมิใจ
แต่ก่อนที่เดรโกจะเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมแครบกับกอยล์  ใครคนหนึ่งก็เรียกเขาไว้  แพนซี่นั่นเอง
“มีอะไรรึแพนซี่” เขาถาม  เด็กสาวมองไปทางแครบกับกอยล์ก่อนจะมองมาทางเขา  เธอไม่ยอมพูดอะไร
“แครบ  กอยล์  พวกแกไปรอชั้นที่ห้องนั่งเล่นรวมละกัน” เขาสั่งง่าย ๆ ลูกน้องร่างยักษ์ของเขาก็เดินจากไปทันที  ทันทีที่ร่างของทั้งสองลับมุมเสาไป  เดรโกก็ดึงร่างของแพนซี่เข้ามาใกล้ 
“ว่าไง  มีอะไร” เขาถามอีกครั้งพลางรั้งแขนของเด็กสาวไว้
“ชั้นจะมาบอกว่า  ชั้นจะรอเธออยู่ที่หอประธานนะ” เธอพูดเสียงหวานเชื่อม
“แต่เธอรู้รหัสผ่านเข้าหาประธานหรือ” เดรโกขมวดคิ้ว  แน่นอนว่าแพนซี่ไม่ได้เป็นประธานนักเรียนหญิงคู่กับเขาซึ่งได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนชายเมื่อตอนขึ้นปีเจ็ด
“เธอเคยบอกฉันไว้นี่  จำไม่ได้เหรอ” แพนซี่พูด “ชั้นก็ไปหาเธอที่นั่นบ่อยจะตาย” 
ใช่แล้ว  แพนซี่ไปหาเขาที่ห้องนอนในหอประธานมาหลายครั้งแล้ว  และทุกครั้งเธอมักจะอยู่กับเขาจนถึงเช้าเสมอ
“ไหน ๆ คืนนี้เราก็จะอยู่ที่นี่เป็นคืนสุดท้ายอยู่แล้วนี่นา  เพราะฉะนั้น” เธออ้อนพลางทาบมือลงบนอกของเดรโก  เด็กหนุ่มมองเธอ  เขารู้ดีว่าเด็กสาวต้องการอะไร
“ตกลง  แพนซี่” เขาพูดพลางจับมือเธอออก  “แต่ว่าชั้นจะไปดื่มกับแครบกับกอยล์ก่อนนะ  ชั้นคงไปหาเธอได้ตอนดึกเลย”
“ดึกแค่ไหนชั้นก็จะรอ  แล้วเจอกันนะเดรโก” แพนซี่พูดพลางจูบเขาโดยไม่คิดก่อนเลยว่าเขาและเธอกำลังอยู่ในหน้าห้องโถงที่มีคนเดินขวักไขว่  แต่เดรโกก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น

.................................................

แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจะเดินออกจากห้องโถงบังเอิญเห็นภาพนั้นเข้าอย่างเต็มตา
“นี่ตั้งใจจะมาจูบโชว์พวกเรารึไงนะ” รอนพูดพลางเบ้ปากอย่างรังเกียจ 
“ประเจิดประเจ้อเป็นบ้า  ไปหาห้องหับซะไป” เด็กหนุ่มผมแดงพูดด้วยเสียงอันดังเมื่อเดินผ่านทั้ง  แม้ว่ามัลฟอยจะไม่ได้เป็นศัตรูกับภาคีแล้วก็ตาม  แต่รอนก็ยังถือว่าเขาเป็นคู่อริอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะแขวะมัลฟอยซักหน่อย
“ช่างเขาเถอะรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่สนใจ  แต่ในใจของเด็กสาวรู้ดีว่าทั้งสองคงทำตามที่รอนบอกเป็นแน่

.................................................

เด็กทั้งสามกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ เฉพาะเด็กกริฟฟินดอร์ปีเจ็ด  บัตเตอร์เบียร์และขนม (ที่แอบจิ๊กมา) ถูกนำมาแจกจ่าย  เฮอร์ไมโอนี่อยู่ร่วมงานจนกระทั่งเที่ยงคืนเธอจึงขอตัวออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปนอนที่หอประธาน
“นี่เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะ  ทำไมเธอไม่อยู่ที่นี่น่ะ” รอนท้วงขึ้นมา  ใบหน้าของเขาเริ่มเป็นสีแดงด้วยฤทธิ์เบียร์
“ก็เพราะชั้นรู้ว่าพวกเธอจะดื่มกันถึงเช้าน่ะสิ  ชั้นน่ะง่วงเต็มทีแล้ว  แล้วก็อยากจะหาที่นอนเงียบ ๆ ด้วย” เธอพูด  เพราะถึงขึ้นไปนอนบนหอนอนหญิงเธอก็คงนอนไม่หลับแน่  เพราะเสียงจากงานเลี้ยงคงดังไปจนถึงเช้า
“แน่ใจหรือว่าจะไปค้างที่หอประธานน่ะ” แฮร์รี่ถามขึ้น  เด็กสาวพยักหน้าพลางอธิบายว่า  คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ที่นี่  แล้วเธอก็ไม่ได้ไปนอนที่หอประธานมานานแล้วด้วย  เธออยากจะไปนอนที่นั่นอีกครั้งก่อนจะจากโรงเรียนนี้ไป
“ตามใจเธอ  งั้นเจอกันพรุ่งนี้เช้านะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด
“ราตรีสวัสดิ์  แฮร์รี่  รอน” เด็กสาวพูดก่อนจะเดินออกจากหอกริฟฟินดอร์ไป

.................................................

เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปยังหอประธานซึ่งอยู่บนชั้นบนสุดของฮอกวอตส์  ทางเข้าหอซ่อนอยู่หลังรูปปั้นประธานนักเรียนหญิงและชายคู่แรกของฮอกวอตส์
“สิ่งที่ควรคู่กับปัญญาก็คือสติ” เธอพูดวลีที่เป็นรหัสผ่านออกมา  รูปปั้นทั้งสองยิ้มให้เธอก่อนจะเลื่อนออกจากกัน  เปิดทางให้เธอเข้าไปในหอประธาน
หอประธานนั้นไม่กว้างใหญ่เท่าหอพรีเฟ็คเพราะใช้เป็นที่พักของนักเรียนแค่สองคน  แต่มันก็ไม่ได้คับแคบอะไรนัก  ชั้นล่างของหอเป็นห้องนั่งเล่นขนาดกลางที่มีโซฟาและโต๊ะเขียนหนังสือครบครัน  ส่วนขวาเป็นบันไดสำหรับห้องนอนของประธานนักเรียนหญิงและชาย 
เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดและเลี้ยวขวาไปยังห้องของตัวเอง  แต่แล้วเธอก็แปลกใจที่เห็นไฟหน้าห้องของมัลฟอยเปิดอยู่  เพราะตอนที่เธอทานอาหารอยู่ที่ห้องโถงเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าเธอได้ยินมัลฟอยบอกกับลูกน้องร่างยักษ์ของเขาว่าคืนนี้จะไปฉลองเรียนจบกันที่หอสลิธีรินนี่นา  แล้วทำไมเขาถึงกลับมานอนที่หอประธานได้
แต่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามายังหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่  บางทีเขาอาจจะพายายแพนซี่เข้ามาทำอะไรที่ห้องนี้ก็ได้  ใช่แล้ว  เธอรู้ว่ามัลฟอยเคยพาแพนซี่มาค้างที่หอประธานบ่อย ๆ เพราะว่าหอพรีเฟ็ครวมทั้งหอนอนสลิธีรินนั้นแยกห้องนอนหญิงชายต่างกับหอประธาน  และเธอสาบานว่าเธอเคยยินเสียงบางอย่างดังเล็ดรอดมาจากห้องนอนของมัลฟอยที่อยู่ติดกับห้องของเธอด้วย 
‘ เห็นทีวันนี้คงต้องร่ายคาถาห้ามรบกวนซะแล้ว ‘ เธอคิดอย่างหงุดหงิดใจ  เพราะว่าเสียงที่ว่านั้นมักจะดังมารบกวนเวลาเธอกำลังอ่านหนังสือกลางดึกบ่อย ๆ อันที่จริงมันไม่ใช่เสียงของมัลฟอยหรอก  แต่เป็นเสียงของแพนซี่ต่างหาก!
และแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้าห้องนอนของเธอไปโดยตัดสินใจร่ายคาถาห้ามรบกวน  ป้องกันเสียงใด ๆ มาทำรบกวนการนอนของเธอในคืนนี้!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

มันเป็นเวลาเกือบสองนาฬิกาแล้วที่มัลฟอยกลับมาถึงหอประธาน  เด็กหนุ่มอยู่ในสภาพเมามายเนื่องจากเขาดื่มวิสกี้เพียว ๆ เข้าไปหลายแก้วติดต่อกัน  ความจริงเขาเกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าแพนซี่คอยเขาอยู่ที่หอประธาน  ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากมาหาเธอในสภาพที่เมามายอย่างนี้เท่าไหร่นัก  แต่เมื่อคิดถึงความสุขที่เธอจะมอบให้เขาในคืนนี้  เดรโกก็เปลี่ยนใจ  ไหน ๆ ก็คืนสุดท้ายแล้วนี่
สำหรับเดรโกแล้วผู้หญิงทุกคนเป็นเพียงของเล่นหรือเครื่องระบายอารมณ์ของเขาเท่านั้น  ไม่ได้มีค่ามากไปกว่านั้นเลย   อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็เคยนึกชอบแพนซี่อยู่บ้าง  และคิดว่าหากวันหนึ่งเขาต้องแต่งงงาน (ตามคำสั่งของพ่อเพื่อรักษาเลือดบริสุทธิ์เอาไว้) เธอก็คงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเขา 
ก่อนหน้านี้เดรโกเคยเชื่อเรื่องความรักอยู่บ้าง  แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีความรักมาก่อนก็ตาม  แต่เขาก็คิดว่ารักแท้อาจจะมีอยู่จริง  และวันหนึ่งเขาอาจจะได้พบกับคนที่เขารักจริง ๆ ก็ได้  จนกระทั่งวันที่พ่อของเขาถูกจับ  หลังจากวันนั้นเขาก็ได้เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงอย่างชัดเจนทีเดียว
ผู้หญิงหลายคนที่เคยพะเน้าพะนอเอาใจเขาต่างหนีหน้าไป  บางคนก็หาข้ออ้างต่าง ๆ นานามาบอกเขาว่าทำไมถึงไปเที่ยวกับเขาไม่ได้  แต่บางคนก็ออกตัวมาเลยว่าเธอไม่สนใจลูกชายของผู้เสพความตายที่กำลังติดคุกอยู่หรอก 
ถึงแม้ว่าผู้หญิงพวกนั้นจะหนีทิ้งเขาอย่างไม่ใยดีราวกับเขาเป็นโรคร้ายน่ารังเกียจ  แต่แพนซี่ไม่ได้ทำเช่นนั้น  เธอยังคงอยู่ข้างเขาเสมอไม่ว่าพรอเฟ็ตจะลงข่าวเกี่ยวกับพ่อของเขาว่าอะไรก็ตาม  และเพื่อบรรเทาความเจ็บช้ำของเด็กหนุ่ม  แพนซี่ยอมมอบกายให้เขา  เธอหวังว่าความรักของเธอจะช่วยทำให้เขาดีขึ้น  แม้เธอจะรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอก็ตาม 
แต่แพนซี่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นมันเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง  เดรโก  มัลฟอยไม่มีทางมากรักเธอได้  เพราะบัดนี้เขากลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปแล้ว!   
เด็กหนุ่มพยายามทรงตัวขณะเดินขึ้นบันได  มือหนึ่งก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกพลางสถบในใจ ‘ ร้อนชิบ! ’ เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนมัลฟอยก็แปลกใจที่ห้องล็อกอยู่  เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย
แพนซี่จะล็อกห้องทำไมเมื่อเธอเป็นคนบอกเองว่าจะรอเขามา
คงอยากจะเล่นตัวซักหน่อยมั้ง  เขาคิด  ริมฝีปากบางนั้นยกมุมขึ้นอย่างชั่วร้าย  แต่มีเหรอคาถาแค่นี้จะคณามือเขาน่ะ  แล้วมัลฟอยก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมร่ายราถาสะเดาะกุญแจ (ไปเรียนวิชาขุนแผนมาเรอะพี่เดร  อิอิ)
มัลฟอยเปิดประตูออก  ในห้องมืดสนิทแต่เขาก็ไม่สนใจจะเปิดไฟ  ช่างเถอะ  มืดหรือสว่างเขาก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว  เด็กหนุ่มตรงไปที่เตียงใหญ่อย่างรู้ทางและพบว่ามีร่าง ๆ หนึ่งนอนรออยู่บนเตียงสี่เสานั่น
คงรอจนหลับล่ะสิ  เขาคิดพลางปลดเสื้อคลุมของตัวเองออก  จนเหลือแต่ท่อนล่าง  เด็กหนุ่มซุกตัวลงบนที่นอนข้าง ๆ ร่างนั้น  แรงยุบของที่นอนไม่ทำให้เธอรู้สึกตัวแต่อย่างไร  เธอกำลังหลับสนิท
“แพนซี่” เขากระซิบ  แต่ร่างนั้นไม่ตอบ 
เห็นทีคงต้องปลุกด้วยวิธีอื่นล่ะมั้ง  เขาคิดพลางก้มศีรษะลงซุกไซร้ซอกคอของเธอจากทางด้านหลัง  ในขณะที่มือหนึ่งควานหาอกอิ่มของเธอ 
แต่ทันทีที่มัลฟอยซุกใบหน้าลงไป  เขาก็รู้ถึงความผิดปกติ  ทำไมเส้นผมของแพนซี่ถึงฟูฟ่องอย่างนี้  ปกติเธอมีผมตรงสลวยตัดสั้นนี่นา?
แต่ก่อนที่มัลฟอยจะทันคิดได้  เสียงร้องจากร่างบางนั้นก็ดังขึ้น!

.................................................
   
   เฮอร์ไมโอนี่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข  จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาเบา ๆ มันเลือนรางเหลือเกินราวกับความฝัน  และก็มีเสียงคนเดินกับเสียงเรียกชื่อแพนซี่  ซึ่งเด็กสาวคิดว่าตัวเองฝันไป  ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเสียงที่เล็ดรอดมาจากห้องข้าง ๆ เธอ  แต่เธอลืมคิดไปเลยว่าทำไมเสียงที่ได้ยินจากห้องข้าง ๆ มันถึงดังอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้!
   เด็กสาวพยายามจะหลับต่อ  แต่สิ่งที่เธอรู้สึกต่อมาก็คืออะไรอุ่น ๆ มาแตะซอกคอเธอ  เธอได้กลิ่นเหล้าพร้อม ๆ กับรู้สึกว่ามีมือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ  แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่ความฝันแน่! 
   เธอลืมตาขึ้นและพบว่ามีร่างหนึ่งคร่อมอยู่บนร่างเธอ  เด็กสาวช็อคอยู่ประมาณสองสามวินาที  หลังจากนั้น
“กรี๊ด!!!!!” เธอกรีดเสียงอย่างตกใจพลางผลักร่างใหญ่นั้นออก  เพราะความมืดทำให้เธอมองไม่เห็นว่าร่างนั้นเป็นใคร  แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ประสงค์ดีกับเธอแน่
เด็กสาวรีบควานหาไม้กายสิทธิ์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแต่เพราะความรีบทำให้มันตกลงไปบนพื้น  เธอ  กำลังจะก้มลงไปเก็บมัน  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างใหญ่นั้นโถมเข้ามา!
เธอไม่ทางหนีแล้ว  มือเธอคว้าไปเจอขวดน้ำหอมที่ได้มาเป็นของขวัญ  เฮอร์ไมโอนี่หลับตาก่อนจะฉีดมันใส่ใบหน้าของร่างนั้นทันที!
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น  ร่างใหญ่ที่กำลังจะโถมเข้ามาทำร้ายเธอบัดนี้กำลังกุมหน้าด้วยความเจ็บปวด  เฮอร์ไมโอนี่ใช้จังหวะนั้นควานหาไม้กายสิทธิ์เพื่อจุดไฟ! 
ทันทีที่ไฟสว่างขึ้นเด็กสาวก็พบว่าร่างลึกลับที่เกือบจะทำร้ายเธอนั้นคือ เดรโก  มัลฟอย!
“มัลฟอย!” เธออุทานอย่างตื่นตระหนก
“เกรนเจอร์เหรอ” มัลฟอยงึมงำตอบออกมา  เขาจำเสียงเธอได้และเห็นภาพเธอลาง ๆ “เธอทำอะไรกับชั้นเนี่ย  คาถาตาพร่าหรือไง”
“เอ่อ  ไม่ใช่หรอก” เด็กสาวมองดูสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ “น้ำหอมเคลวิน ไคลน์น่ะ”

.................................................

หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พามัลฟอยไปล้างตาที่ห้องน้ำข้างล่างเรียบร้อยแล้ว  เธอก็สอบสวนเขาทันทีว่าทำไมเขาจึงเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลเช่นนี้  แถมยัง......แถมยังทำท่าเหมือนจะปลุกปล้ำเธอด้วย!
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย” เด็กหนุ่มอุบอิบขณะเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้า “ชั้นคิดว่าเธอเป็นแพนซี่ต่างหาก”
“อ้อ  ชั้นหน้าเหมือนแพนซี่นักรึไง” เด็กสาวกอดอกพูดเสียงเข้ม  ดูแล้วเหมือนศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่มีผิด
“ก็จริง  ชั้นก็ว่าชั้นคงต้องเมาเต็มขั้นแน่ ๆ ถึงได้เห็นยายหัวฟูหน้าตาบ้าน ๆ อย่างเธอเป็นแพนซี่น่ะ” เขาพูดอย่างใจร้าย
“แล้วถ้าเธอคิดว่าชั้นอยากปล้ำเธอนักล่ะก็  คิดเสียใหม่นะ  ยายเลือดสีโคลน” มัลฟอยพูดด้วยโทสะ 
เขาสร่างเมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่โดนเธอฉีดตาด้วยน้ำหอมบ้า ๆ นั่น  แต่เขาก็ยังไม่อยากยอมรับว่าเด็กสาวที่อยู่ในชุดนอนตอนนี้ก็ดูเซ็กซี่ไม่ใช่เล่นเลย
“แล้วคิดว่าชั้นอยากให้เธอปล้ำนักหรือไง  คนอย่างเธอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นเสียงสูง
“คนอย่างชั้นมันทำไมเกรนเจอร์”
“ก็ลูกชายผู้เสพความตายหน้าเหมือนตัวเฟเร็ตแปลงร่างมายังไงล่ะ” เธอพูดอย่างเผ็ดร้อน  เขาคิดว่าเขาเป็นใครถึงมาหาว่าเธอหน้าตาบ้าน ๆ น่ะ
“เธอว่าอะไรนะ!” ใบหน้าที่ซีดเซียวของมัลฟอยเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพราะความโกรธ  เขาจับแขนเธอไว้แน่น
“โอ๊ย!  ปล่อยนะ!”
“เธอว่าชั้นเป็นอะไรนะ  เกรนเจอร์!” เขาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงน่ากลัว  เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้า
“ก็ว่าเป็นตัวเฟเร็ตแปลงร่างมาน่ะสิ”
“หน้าตาชั้นไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” เขาตะโกน  เพิ่งมีครั้งแรกนี่แหละที่มีคนมาวิจารณ์หน้าตาของเขาแบบนี้  ทั้ง ๆ ที่สาว ๆ ทุกคนล้วนแต่ชื่นชมว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาราวเทพบุตร
“จริง  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่บิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม  และหันมาจ้องหน้าเขาอีกครั้ง
“ชั้นเคยเรียนศิลปะเกี่ยวกับโครงหน้ามนุษย์  แล้วหน้าเธอน่ะมีจุดอ่อนเยอะมากเลย” เธอพูด
“ตาของเธอก็ห่างมาก  แล้วก็ไม่รับกับจมูกแหลม ๆ นี่ด้วย  ริมฝีปากก็บางเฉียบเกินไป  คางแหลมทำให้หน้าดูชั่วร้ายเข้าไปใหญ่  แล้วเธอก็รู้ดีว่าหน้าตาเธอน่ะไม่สมดุลกัน  แต่เธอพยายามปกปิดปมด้อยของเธอด้วยการทำตัวเป็นเพลย์บอย  ควงสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้า  ทั้งที่จริงแล้วเธอน่าสมเพชมาก” เด็กสาวร่ายยาวเป็นชุด 
มัลฟอยกลืนน้ำลาย  ในใจเขาประท้วงว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจใบหน้าตัวเองซะหน่อย  แต่ที่เขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงมากมายก็เพราะ.........เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาหายเหงาได้ต่างหาก!
“หรือไม่ใช่ปมด้อยทางหน้าตาของเธอ  ก็คงเป็นปมด้อยทางจิตใจ  เธอคิดถึงครอบครัวที่จากไปมาก  รวมทั้งหลายต่อหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาแล้วทำให้เธอตกต่ำลง  แต่เธอไม่อยากยอมรับมัน  เธอเลยแสร้งทำเป็นมีความสุขด้วยการควงสาว ๆ มากหน้าหลายตา” เธอพูดออกมาเป็นชุด 
มัลฟอยกำลังจะอ้าปากเถียง  แต่เขาก็หุบมันลงเพราะเขานึกคำพูดที่จะมาเถียงเธอไม่ออก  ที่เธอพูดนั้นมันตรงหมดทุกอย่าง!
“เธอเป็นนักพินิจใจรึไงนะ” มัลฟอยพูดเสียงอ่อย ๆ  ไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย 
เขาแค่อึ้งไปกับความสามารถในการเดาของเธอเท่านั้น  เช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่เธอก็อึ้งไปเหมือนกันเมื่อมัลฟอยไม่ได้โต้ตอบเธอด้วยวาจาที่เผ็ดร้อนหรืออะไรที่แรงกว่านั้น
“ก็แค่เดาน่ะ” เด็กสาวหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ชั้นว่าป่านนี้แพนซี่น่าจะรอนายแย่แล้ว” เธอเหลือบตามองไปทางห้องนอนของมัลฟอย
“ช่างเขาเถอะ” มัลฟอยพูดออกมา  เขาไม่มีอารมณ์กับเรื่องอย่างนั้นแล้ว
เด็กหนุ่มนั่งลงบนโซฟา  มือหนึ่งกุมศีรษะรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ
“อาการเมาค้างน่ะสิ” เด็กสาวว่า  แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป  เธอก็ลุกไปที่มุมห้อง  ชงชาแก่ ๆ ให้เขา
“โอ๊ย!  ร้อนจัง!!!” เธอร้องเมื่อยกชาร้อน ๆ มาวางตรงโต๊ะแต่มันกลับลวกมือเธอ
“ใช้วิธีนี้สิ” มัลฟอยพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ ถ้วยชานั้นรินตัวเองแล้วลอยมาข้างหน้าเขาและเธออย่างละใบ
“ขอบใจ” เด็กสาวพูด  เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร  เขาจิบชาเบา ๆ ก่อนจะพ่นพรืดออกมา
“ขมเป็นบ้าเลย  เธอเทใบชาไปทั้งถุงหรือไงเกรนเจอร์” เขาบ่นอุบ
“ก็นายอยากเมาค้างเองนี่นา  ก็ต้องชงแก่ ๆ อย่างนี้แหละ  ดื่มเข้าไปน่าอย่าบ่น” เธอว่าพลางดันแก้วชิดริมฝีปากของเขา 
มัลฟอยย่นหน้าอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ดื่มจนหมด  พร้อมบ่นออกมาดัง ๆ ว่าขื่นคอแค่ไหน
เด็กหนุ่มวางแก้วลงและหันไปทางเด็กสาวที่จิบชาอยู่เงียบ ๆ เธอดูน่ารักไม่ใช่น้อยในชุดนอนสีชมพูเนื้อบางเบาชุดนี้  สายตาของเขาสำรวจไปทั่วเรือนร่างขาวผ่องนั้น  รวมทั้งทรวงอกที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา  นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นเฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์ล่ะก็  เขาคงลากเธอขึ้นห้องไปแล้ว
ไม่เอาน่าเดรโก  นายต้องเว้นยายนี่ไว้ซักคนนะ  เธอเหมือนคนอื่นที่ไหนกันเล่า!
“นายมองอะไรชั้นน่ะ” เสียงแว้ดของเฮอร์ไมโอนี่ปลุกเด็กหนุ่มขึ้นจากภวังค์  เธอรีบเอาเสื้อคลุมที่สวมอยู่ปิดเนินอกทันทีที่เห็นว่ามัลฟอยมองเธอด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจ
“เปล๊า!” เด็กหนุ่มพูดพลางยักไหล่ “ว่าแต่ทำไมเธอไม่นอนที่หอกริฟฟินดอร์กับเจ้าหัวแผลเป็นสุดที่รักของเธอน่ะเกรนเจอร์” เขาถามขึ้นลอย ๆ
“เพราะชั้น......ใครว่าแฮร์รี่เป็นสุดที่รักของชั้นกัน” เธอว่า 
มัลฟอยเลิกคิ้วเหมือนจะบอกว่า ‘ แล้วไม่ใช่รึไง? ’
“ชั้นไม่รู้ว่าเธอไปเอามาจากไหนนะมัลฟอย  แต่แฮร์รี่ไม่ใช่สุดที่รักของชั้น” เฮอร์ไมโอนี่ยืนยัน 
แต่เด็กหนุ่มพูดรอดริมฝีปากออกมาฟังเหมือนคำว่า ‘ ก็เห็นตัวติดกันเป็นตังเม ‘
“งั้นก็คงเป็นวีสลีย์น่ะสิที่เป็นหวานใจเธอ” เด็กหนุ่มว่า
“จะว่าไปก็เหมาะสมกันดีนะ” ริมฝีปากบางนั้นยิ้มแบบเยาะ ๆ อยู่ในที  เฮอร์ไมโอนี่ฉุนกึ๊ก
“ไม่ใช่ทั้งคู่นั่นแหละ  แฮร์รี่กับรอนเป็นเพื่อนรักของชั้นต่างหาก” เธอแก้  มัลฟอยเบ้ปาก  เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันได้จริง ๆ โดยไม่คิดอะไรเลยน่ะ 
แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ถ้าเขาเป็นเพื่อนกับเธอ  เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันคิดอะไรกับเธอแน่นอน
“แล้วถ้าเราสองคนเป็นเพื่อนกันล่ะ” เขาเปรยขึ้นมา
เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขา  ราวกับเขาเพิ่งพูดว่าเขาออกเดทกับแฮร์รี่
“อะไรนะ”
“ชั้นพูดว่ามันจะเป็นยังไงนะถ้าเราเป็นเพื่อนกันน่ะ” เด็กหนุ่มว่า  เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“เธอน่ะเหรออยากจะเป็นเพื่อนกับชั้นน่ะ”
“ไม่ได้รึไง  อันที่จริงชั้นไม่ก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงจริง ๆ เลยสักคน” เขาสารภาพ
“อ๋อแน่ล่ะ  เพราะพอเริ่มสนิทเข้าหน่อยเธอก็หลอกพวกนั้นขึ้นเตียงหมดน่ะสิ” เด็กสาวว่า  เธอรู้กิตติศัพท์ของเขาดีทีเดียว
“เธอไม่คิดว่าพวกนั้นจะหลอกชั้นบ้างรึไงนะ” มัลฟอยบ่นอย่างระอา
“ชั้นขอบอกเธอไว้อย่างนะ  เธอน่ะใช้มุขเดิม ๆ ของเธอกับชั้นไม่ได้หรอก  เธอไม่เคยเชื่อเรื่องมิตรภาพเลยมัลฟอย  อย่างมากเธอก็แค่อยากหลอกชั้นเหมือนสาว ๆ คนอื่นเท่านั้น” เด็กสาวพูดอย่างรู้ทัน
“แล้วชั้นก็ไม่มีทางโดดขึ้นเตียงกับคนอย่างเธอแน่นอน” เธอบอกพลางลุกขึ้นจากโซฟา 
“เดี๋ยวสิจะไปไหน”
“ก็ไปนอนน่ะสิ  เราหมดธุระจะคุยกันแล้วนี่” เธอพูด
“แต่ชั้นยังอยากคุยต่อนี่นา” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว “นี่เธอไม่เชื่อจริง ๆ เหรอว่าชั้นอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอคิดว่าอย่างชั้นจะหลอกเธอได้รึไง”
“นายต้องการอะไรจากชั้นกันแน่” เธอพูดเมื่อเด็กหนุ่มตามเธอมาถึงหน้าประตูห้อง
“แค่เป็นเพื่อนกับเธอเท่านั้น” เขาอยากจะทดลองอะไรซักอย่าง  เขาอยากจะรู้ว่าเพลย์บอยอย่างเขาจะสามารถมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงโดยไม่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้องได้ไหม
“นะ”
“ก็ได้” เธอพูด “ถ้าเธอทำตัวดีกว่านี้นะ” เธอว่าพลางทำท่าจะปิดประตู
“เดี๋ยว!”
“ราตรีสวัสดิ์มัลฟอย”

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


piksi:


***Chapter 2 เดรโก  มัลฟอย***

สิบปีต่อมา 
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านรอยแยกของผ้ามานสีอ่อนมาปลุกร่างที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง  เดรโก  มัลฟอย  ขยับตัวอย่างเกียจคร้านก่อนจะคว้านาฬิกาข้อมือที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืนมาดู
‘ เก้าโมงกว่าแล้วเหรอนี่  เขาสายเสียแล้ว ‘ เขาคิดพลางลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก  เพราะว่ามีร่างหนึ่งกำลังนอนซุกอกเขาอยู่  เดรโกเหลือบมองผมสีน้ำตาลแดงของเธอแล้วก็ขมวดคิ้ว 
  ‘ ให้ตายสิ  เธอชื่ออะไรนะ  ซาร่าหรือโมนิก้ากัน ‘ ชายหนุ่มพยายามนึก  แต่ในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่า  เขาจึงจำเป็นต้องผลักร่างของโมนิก้าหรือซาร่าก็ตามออก  ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” อ้อมแขนบอบบางคู่หนึ่งตวัดรอบตัวเขาขณะที่เขากำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียง  เสียงของหล่อนงัวเงียน่าดู  แต่ก็ฟังดูหวานฉ่ำ
“คุณตื่นเร็วจัง  นี่วันอาทิตย์แท้ ๆ นอนต่อเถอะค่ะ” หล่อนพยายามรั้งร่างของเขาลงบนเตียง
“ไม่ล่ะ  ผมมีธุระน่ะ” เขาพูดพลางติดกระดุมเสื้อ
“ธุระอะไรกันแต่เช้าเชียว” หล่อนว่า  เสียงกระเง้ากระงอด  เดรโกรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนร่างเขา  เยี่ยม  หล่อนกำลังเกาะหลังเขาเป็นปลิงทีเดียว!
“ธุระสำคัญมากน่ะโมนิก้า” เขาอธิบายเสียงเรียบ  พลางลุกขึ้นยืนโดยไม่บอกกล่าว  ปรากฏว่าโมนิก้าไม่ที่ทันระวังตัวเสียหลักล้มลงจากเตียง
“ชั้นชื่อเจสสิก้าต่างหาก” เธอเหว
“ผมก็เรียกว่าเจสสิก้านี่นา  ไม่เอาน่าผมมีธุระด่วนจริง ๆ ไว้ผมจะโทรหาคุณนะ” เขาพูดพลางประคองเธอขึ้นบนเตียง
“คืนนี้คุณมาเจอชั้นอีกไม่ได้เหรอคะ”  หล่อนพูดพลางมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม  เดรโกส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอก  เดทสองคืนติด  มันผิดกฎน่ะ” เขาพูดถึงกฎของเพลย์บอยที่เขาเป็นคนตั้งขึ้นเอง
“งั้นคุณก็แหกกฎบ้า ๆ นั่นเพื่อชั้นซักครั้งไม่ได้เหรอคะ” เธอออดอ้อน  เดรโกก้มลงจูบเธอที่แก้ม
“เสียใจจ๊ะยาหยี  กฎก็คือกฎ  แล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะ” เขาพูดพลางเดินออกจากห้องไป

.................................................

รถสปอร์ตสีเงินคันหนึ่งแล่นด้วยความเร็วสูงไปตามถนนที่ว่างโล่งในยามเช้าของลอนดอน  เขาผ่าไฟแดงติด ๆ กันสองครั้งซ้อน  ก่อนที่จะจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านกาแฟร้านหนึ่งอย่างแม่นยำ
ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถ  เขาเป็นคนที่ดูดีมากทีเดียว  ร่างสูงราว ๆ หกฟุตกว่า  ผมสีบลอนด์ปลิวไสวตามแรงลมยามเช้ารับกับดวงตาสีเงินที่แลดูลึกลับ  ริมฝีปากเรียวรับกับใบหน้าที่ดูเย่อหยิ่งแต่ก็หล่อเหลาในที  ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออกพลางเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านกาแฟอย่างรีบเร่ง
“ขอโทษครับ” เขาว่าเมื่อชนเข้ากับหญิงสาวผมลอนด์ร่างบางนางหนึ่งที่เดินมาถึงเคาท์เตอร์พร้อมกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้มให้
“สุภาพสตรีก่อนเลยครับ” เขาบอกพลางหลีกทางให้เธอเข้าไปสั่งเครื่องดื่มก่อน
“ขอบคุณมากค่ะ  คุณสุภาพบุรุษ” เธอยิ้มโปรยเสน่ห์อีกครั้งก่อนจะลงมือสั่งกาแฟ
“สวัสดีค่ะคุณมัลฟอย” พนักงานคนหนึ่งทักเขาอย่างคุ้นเคย  เธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีกระเต็มหน้า  ผมแดงของเธอถักเปียสองข้างเอาไว้
“สวัสดีเชอร์รี่” เขาทักตอบ  และทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ มัลฟอย ’ สาวผมบลอนด์คนเมื่อครู่ก็หันมามองเขาอย่างสนใจ
“เหมือนเดิมรึเปล่าคะวันนี้” เธอถาม
“แน่นอน ดีคาฟคาปูชิโน่ใส่นมพร่องมันเนยลดครีมเหลือครึ่งเดียว  กับเอสเพรสโซพิเศษแก้วหนึ่ง  อ้อ  สำหรับเอสน่ะขอเข้ม ๆ เลยนะ  ผมง่วงน่าดูเลยตอนนี้” ชายหนุ่มพูด
“ได้เลยค่ะ  รบกวนรอด้านนั้นนะคะคุณมัลฟอย” โรสบอกพลางชี้นิ้วไปยังที่รอรับกาแฟ
“เดี๋ยวชั้นทำให้เร็วจี๋เลยค่ะ” เด็กสาวว่าพลางขยิบตาให้เขา  มัลฟอยคุ้นเคยกับเธอดีเพราะเขาเป็นขาประจำร้านนี้มานาน  เขามักจะมาซื้อกาแฟที่นี่ตอนเช้าทุกวันก่อนทำงาน  และมาซื้อกาแฟสองแก้วทุก ๆ วันอาทิตย์ตอนเช้าแบบนี้

ผ่านมาสิบปีแล้วสินะตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาจากไป  สิบปีตั้งแต่จอมมารถูกทำลาย  สิบปีที่เขาหันหลังให้เส้นทางของการเป็นผู้เสพความตายนับตั้งแต่วันแรกที่จอมมารสังหารพ่อแม่ของเขาเพียงเพราะพ่อของเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ

หลังจากจบจากฮอกวอตส์  มัลฟอยก็เริ่มยืนด้วยลำแข้งของตนเอง  แม้ว่ามรดกที่พ่อกับแม่ของเขาทิ้งไว้ให้นั้นจะทำให้เขาสุขสบายไปตลอดทั้งชีวิตโดยไม่ต้องทำงานเลยก็ตาม  แต่มัลฟอยไม่ต้องการอย่างนั้น  เขาต้องการจะพิสูจน์ตนเองให้คนอื่น ๆ ในโลกเวทย์มนตร์เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่ลูกชายของผู้เสพความตายที่ไร้ความสามารถเท่านั้น

มัลฟอยไม่คิดจะสืบทอดตำแหน่งของพ่อที่กระทรวงเวทย์มนตร์ (แต่แน่นอนว่าทางกระทรวงก็ไม่อยากต้อนรับเขาเท่าไหร่นัก) หรือดำเนินกิจการผิดกฎหมายของพ่อต่อ  แต่เดรโกเริ่มธุรกิจของตัวเองโดยการลงทุนซื้อปราสาทเก่าแก่ที่สก๊อตแลนด์เป็นที่แรกและปรับเปลี่ยนมันให้เป็นโรงแรมหรูหราของพ่อมดแม่มด
แน่นอนว่ากิจการแรกของเดรโกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น  เขาเดินหน้าเสาะหาที่ดินทำเลดี ๆ และปราสาทสวย ๆ พอที่จะนำมาขยายกิจการของเขาได้ไปทั่วยุโรปหลังจากที่ สก็อตแลนด์เขาก็เปิดตัวโรงแรมแห่งที่สองและสามในเยอรมันและอิตาลีในอีกสองและสี่ปีหลังจากนั้น

หลังจากธุรกิจของเขาเติบโตอย่างน่าพอใจแล้ว  เดรโกก็คิดว่าเขาไม่ควรจะทำธุรกิจแค่กับพวกพ่อมดแม่มดที่มีจำนวนแค่หยิบมือเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของมักเกิ้ล  หนึ่งปีหลังจากนั้นเดรโกเปิดตัวโรงแรมแห่งที่สามที่ฝรั่งเศสสำหรับมักเกิ้ลโดยเฉพาะ  และมันได้รับการตอบรับที่ดีมาก  คอนเซปด์ของเขาก็คือ ‘ Welcome to The World that not exist ‘ โรงแรมแห่งนี้ของเขาเน้นการคงความสวยงามของศิลปะยุคโบราณไว้  ทำให้ผุ้มาพักรู้สึกว่าตนเองกำลังก้าวถอยหลังสู่อดีต  เหมือนกับว่าได้เข้ามายังโลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริง

หลังจากโครงการที่ฝรั่งเศสประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม  เดรโกก็เดินบุกตลาดของมักเกิ้ลต่อล่าสุดเขาเปิดตัวโรงแรมที่สเปนอีกแห่งหนึ่งสองปีหลังจากนั้น  ไล่เลี่ยกับการเข้าถือหุ้นใหญ่ที่สุดของโรงแรมห้าดาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  รัสเซีย  และตอนนี้เขากำลังเจรจาจะซื้อคฤหาสน์เก่แก่ที่ปรากอยู่พอดี 

ภายในเวลาไม่ถึงห้าปี  ชื่อเดรโก  มัลฟอยก็โด่งดังในโลกของมักเกิ้ลเป็นอย่างมาก  พวกมักเกิ้ลรู้จักเขาในฐานะราชาของอสังหาริมทรัพย์ที่อายุน้อยที่สุดในยุโรป  แน่นอนว่าเดรโกพอใจกับฉายานี้  แต่เขาก็คงไม่ได้มันมาเป็นแน่หากไม่ใช่เพราะเธอ  เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา

“คุณคะ  กาแฟได้แล้วค่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นปลุกเดรโกขึ้นจางภวังค์  เมื่อรู้สึกตัวเขาก็พบว่าเป็นเสียงของสาวผมบลอนด์คนที่เขาเดินชนนั่นเอง  เธอกำลังส่งกาแฟสองแก้วที่รับจากเด็กเสิร์ฟมาให้เขา
“สงสัยคุณคงนอนไม่พอแน่ ๆ ” เธอแซว 
“จริงสิ  ชั้นชื่อซินดี้ค่ะ” เธอยื่นมือมาให้เขาจับ  เดรโกวางกาแฟแก้วหนึ่งลงแล้วจับมือเธอเขย่า
“ผมเดรโกครับ  เดรโก  มัลฟอย”
“ชั้นเคยได้ยินชื่อคุณมาก่อนนะ  คุณหรือเปล่าคะที่หนังสือพิมพ์เรียกว่าราชาอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปน่ะค่ะ” เธอมองเขาด้วยท่าทีปลาบปลื้ม  เดรโกเองก็เหลือบมองเธอ  ความจริงแล้วเธอสวยไม่เบาทีเดียวถึงแม้ว่าจะดูอายุมากกว่าเขาก็เถอะ
“พวกเขาพูดกันเกินไปน่ะครับ  พวกแท็บลอยด์ก็งี้แหละ” เขาหัวเราะ
“แต่ชั้นเคยไปพักโรงแรมคุณที่ฝรั่งเศสนะคะ” เธอพูดต่อ
“มันวิเศษอย่างกับหลุดเข้ามาในโลกเวทย์มนตร์แน่ะ  ขนาดสามีของชั้น  เอ่อ  หมายถึงสามีเก่าน่ะค่ะ” เธอพูดพลางโชว์มือที่ปราศจากแหวนให้ดู “เขายังบอกว่าเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในโลกยุคกลางเลย”
“ครับ ผมดีใจที่คุณชอบ” เดรโกพูดพลางเหลือบดูนาฬิกา  แม้ว่าเขาจะไม่ปฏิเสธการได้จีบกับสาวม่ายทรงเสน่ห์อย่างซินดี้  แต่ตอนนี้เขากำลังสายมากแล้ว
“เอ่อ  ดูเหมือนคุณกำลังรีบ” เธอพูดขึ้น
“ครับ  ทำนองนั้น  ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับซินดี้” เขาบอกพลางจับมือเธอเขย่าอีกครั้ง  แต่เมื่อเดรโกกำลังจะหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่แล้วเดินออกไป  ซินดี้ก็ร้องขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ  ชั้นว่าคุณหยิบแก้วผิด  นั่นมันของชั้น”
“โอ้ จริงสิ  ขอโทษครับ” เขาพูดพลางแลกแก้วคืนกับเธอ  ซินดี้คนนั้นส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้เขาก่อนเขาจะเดินออกจากร้าน
และเมื่อเดรโกมาถึงรถเขาก็เห็นว่าที่ปลอกกาแฟแก้วหนึ่งมีอะไรเขียนอยู่  มันเป็นลายมือขยุกขยิกของผู้หญิง  ดูเหมือนว่าเธอเขียนมันอย่างรีบเร่ง
“บอกเบอร์มาเสร็จเชียว” เดรโกพึมพำพลางวางแก้วกาแฟนั้นลงก่อนจะหยิบแว่นกันแดดมาสวม  และแล้วรถสปอร์ตสีเงินของเขาก็บึ่งไปตามถนนที่โล่ง ๆ ในยามเช้าของลอนดอน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สดใสในยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ  หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงบันไดสีข้าวหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์  เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง  ผมสีน้ำตาลหยักศกของเธอปลิวไสวไปตามแรงลม  บนตักของเธอมีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่  เธอกำลังอ่านมันอย่างตั้งใจ 
หญิงสาวพลิกกระดาษแต่ละหน้าอย่างแผ่วเบาราวกลับกลัวมันจะช้ำ  ใบหน้างามของเธอจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษอย่างไม่วางตา  หน้าแล้วหน้าเล่าที่เธอเปิดอ่านตลอดเวลาที่นั่งอยู่ที่นี่  นาน ๆ ทีเธอถึงจะจับปอยผมสีน้ำตาลขึ้นทัดหูเมื่อมันตกลงมาปรกหน้า
เธอคงจะสนใจกับหนังสือต่อไปแน่นอน  ถ้าหากว่าไม่มีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้น  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่ามีร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่ำลงไปสองสามขั้นบันได  ร่างนั้นเป็นชายหนุ่มผมบลอนด์คนหนึ่ง  ใบหน้าของเขาซีดเซียวหากแต่หล่อเหลา  โดยเฉพาะดวงตามีเงินคู่นั้นที่ดูราวกับจะยิ้มให้เธอ
“เดรโก” เธอกระซิบพลางปิดหนังสือลง
“ขอโทษที่มาช้านะ  พอดีติดธุระน่ะ” ชายหนุ่มปดพลางนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“อ้อ  ชั้นซื้อกาแฟแบบที่เธอชอบมาด้วย” เขาพูดพลางส่งกาแฟให้หญิงสาวที่บัดนี้เลิกสนใจหนังสือในมือแล้ว
“ติดธุระสำคัญหรือว่าติดหญิงกันแน่จ๊ะ  พ่อคาสโนวา” เธอแขวะพลางจิบกาแฟ
ที่ที่ทั้งสองนั่งอยู่นี้เป็นที่ประจำของเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่  ทุก ๆ สิบโมงเช้าวันอาทิตย์เขาจะนัดเจอกับเธอที่นี่พร้อมกับกาแฟสูตรโปรดของเธอ  และทั้งสองก็จะพูดคุยเรื่องที่เจอมาตลอดสัปดาห์ด้วยกัน 
หลังจากนั้นทั้งคู่จะไปหาร้านอร่อย ๆ ทานกันสำหรับมื้อกลางวัน  พอตอนบ่ายก็จะเตร็ดเตร่ไปตามสวนสาธารณะของเมือง  และจบลงด้วยการต่อคิวซื้อขนมร้านที่อร่อยที่สุดในลอนดอน  พวกเขาทำแบบนี้ด้วยกันมาเป็นปี ๆ แล้ว
“เธอเห็นชั้นเป็นคนขี้โกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาทำหน้าเบ้ราวกับเจ็บปวดเพราะคำพูดของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“อ้อ  ลืมไปเธอมันไม่ใช่คนแค่โกหกหรอกเดรโก  อย่างเธอมันเรียกว่าพ่อปลาไหลต่างหาก”
“โอ๊ย  แล้วกัน  นี่ชั้นมานั่งให้เธอด่าใช่มั๊ยเนี่ย” เขาพูดอย่างน้อยใจ
“งั้นไม่ด่าแล้วก็ได้  ว่าแต่อาทิตย์นี้เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวถาม  เดรโกแขนสองข้างวางบนเข่ามือประสานกัน
“ก็เรื่อย ๆ น่ะ  งานเข้าบ้างนิดหน่อย” เขาบอก
“แล้วเรื่องที่ปรากเป็นไงบ้าง” เธอถามถึงโครงการซื้อคฤหาสน์เก่าแก่ในปรากและปรับปรุงมันเป็นโรงแรมของเดรโก
“ก็ยังตกลงราคากันอยู่เลย  ชั้นว่าเร็ว ๆ นี้คงต้องบินไปนู่น  ว่าแต่เธอเถอะเป็นยังไงบ้าง” เดรโกถามเรื่องของเธอบ้าง 

ตั้งแต่จบจากฮอกวอตส์กระทรวงเวทย์มนตร์ก็เข้ามาทาบทามเฮอร์ไมโอนี่ให้ไปทำงานด้วย  พวกเขาถึงกับเสนอตำแหน่งอัยการประจำศาลสูงวิเซนต์กาม็อตให้เธอทีเดียว  แต่กลับเฮอร์ไมโอนี่ก็ปฏิเสธโอกาสนั้น  เธอกลับเลือกทำงานในกองมักเกิ้ลสัมพันธ์แทน  ในตำแหน่งทนายความปกป้องสิทธิของมักเกิ้ลและผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ล

ตลอดเวลาห้าปีที่ทำงานให้กระทรวง  หญิงสาวยื่นแก้ไขข้อกฎหมายมากมายเกี่ยวกับการลงทะเบียนผู้เกิดจากมักเกิ้ล  รวมทั้งเธอยังเป็นผู้ร่างกฎหมายคุ้มครองมักเกิ้ลขึ้นใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใช้สามารถเวทย์มนตร์คนใดมาข่มเหงผู้ไม่มีเวทย์มนตร์ได้

นอกจากนั้นเธอยังดำเนินคดีความเพื่อปลดปล่อยพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ลจำนวนมากที่ถูกคุมขังอยู่ที่อัซคาบัน  หลังจากได้รับความร่วมมือจากคิงสลีย์นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดต่อจากสคริมเจอร์  หญิงสาวก็เดินหน้าฟ้องอัมบริดจ์และเจ้าหน้าที่กระทรวงคนอื่น ๆ ข้อหาทำทารุณกรรมผู้เกิดจากมักเกิ้ล  และใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้ว่าอัมบริดจ์จะไม่ได้ลงเอยที่อัซคาบันเช่นเดียวกับคนบริสุทธิ์มากมายที่ถูกเธอป้ายสี  แต่เธอก็ถูกปลดจากการเป็นปลัดอาวุโส  ถูกยึดเหรียญตราเมอร์ลินและรางวัลเกียรติยศทั้งหมด  ด้วยฝีมือของเด็กสาวที่เธอเคยดูถูกมากก่อน

หลังจากคร่ำหวอดมาในวงการกฎหมายถึงห้าปี  และเธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดนั้นพอจะคุ้มครองผู้เกิดจากมักเกิ้ลและพวกมักเกิ้ลได้เพียงพอแล้ว  หญิงสาวก็ลาออกจากงานที่กระทรวง  และเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการเป็นนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายเวทย์มนตร์ที่ขายดีติดอันดับ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็จำเป็นต้องเข้าออกกระทรวงอยู่  เพราะก่อนที่เธอจะลาออกมาทางกระทรวงขอร้องให้เธอรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายเวทย์มนตร์ไว้  หญิงสาวจึงจำเป็นต้องไปที่กระทรวงทุก ๆ อาทิตย์เพื่อรับฟังปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งต้องไปบรรยายตามประชุมครั้งสำคัญต่าง ๆ แล้วแต่ที่กระทรวงจะเชิญ

สาเหตุที่หญิงสาวลาออกจากตำแหน่งที่แสนจะสมบูรณ์แบบของเธอจากกระทรวงนั้น  เพราะหญิงสาวเหนื่อยกับการทำงานที่เคร่งเครียดแบบนี้  ความจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะเป็นทนายความของกระทรวงเลยแม้แต่น้อย  แต่ที่เธอทำมาทั้งหมดนี่ก็เพราะเธอต้องการให้พวกที่เกิดจากมักเกิ้ลได้รับความเป็นธรรมและปลดปล่อยพวกเขาจากการกดขี่เสียที  หลังจากที่เธอทำมันสำเร็จ  หญิงสาวจึงลาออกมาทำอะไรที่ชอบเช่นเขียนหนังสือ  เปิดร้านขายหนังสือเก่า  และเปิดแกลอรี่ของตนเอง  รวมทั้งช่วยเป็นที่ปรึกษาของเดรโกด้วย

เฮอร์ไมโอนี่และเดรโกเป็นเพื่อนรักกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว  ตั้งแต่วันที่เขาเข้าห้องผิดและคิดจะปลุกปล้ำเธอ  รวมทั้งขอเป็นเพื่อนกับเธอวันนั้นหญิงสาวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกเลย  แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานเดรโกก็มีปัญหาเรื่องมรดกที่เขาได้รับจากพ่อแม่  ซึ่งกระทรวงหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาเข้ามายึดทรัพย์ของเขา  และตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งได้เข้าทำงานที่กระทรวงก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือเขา  เธอเข้ามาทำคดีให้เดรโกแล้วเขาก็ชนะใสในครั้งนั้น  หลังจากนั้นทั้งสองก็เลยสนิทกันมากขึ้น

เดรโกเล่าให้เธอฟังเรื่องโครงการโรงแรมในสกอตแลนด์ของเขา  ซึ่งเธอเห็นว่ามันน่าสนใจมากและก็นึกชื่นชมเขาไม่น้อยที่คิดจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง  และเฮอร์ไมโอนี่ก็ยินดีช่วยอย่างเต็มที่เมื่อรู้ว่าเขากำลังมองหาทนายความมาทำเรื่องสัญญาซื้อขายกันอยู่  แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าค่าตอบแทนที่ได้จากการทำสัญญาง่าย ๆ ครั้งนั้นจะเป็นเงินก้อนโตที่เดรโกเขียนเช็คให้ทันทีที่เสร็จงาน  รวมทั้งบ้านน่ารักหลังหนึ่งในสก็อตแลนด์อีกด้วย!

หลังจากโครงการที่สก็อตแลนด์ทำกำไรเป็นอย่างดี  เดรโกก็เดินหน้าขยายโรงแรมในเครือ ‘ มัลฟอย ‘ ไปอีกหลายแห่ง  แต่โรงแรมเหล่านั้นก็เป็นโรงแรมสำหรับพ่อมดแม่มดโดยเฉพาะ  จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เสนอว่าน่าจะลองเปิดตลาดกับมักเกิ้ลดู 

เดรโกก็ไม่รอช้า  เขาคว้าตัวหญิงสาวบินไปฝรั่งเศสทันที  และหลังจากการตัดสินใจนานสามเดือนชายหนุ่มก็ซื้อปราสาทหลังหนึ่งที่ฝรั่งเศลและดัดแปลงมันเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวด้วยความช่วยเหลือจากเฮอร์ไมโอนี่  แต่คราวนี้เขาไม่ได้ให้บ้านในฝรั่งเศสเป็นของขวัญแก่เธอ  เขากลับให้ของตอบแทนเป็นหุ้นจำนวนหนึ่งของเครือบริษัทของเขาแก่เธอแทน  และนับจากนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ก็กลายเป็นทนายส่วนตัว  ที่ปรึกษาที่รู้ใจ  รวมทั้งเป็นนักเดคเคอเรสประจำโรงแรมของเขาด้วย เพราะเธอรู้ดีว่าจะต้องติดต่อช่างวางระบบน้ำไฟอย่างไร  รวมทั้งรู้เรื่องการตกแต่งในแบบที่พวกมักเกิ้ลชอบด้วย 

เมื่อปราสาทดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมรวมทั้งตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เดรโกก็ยืนยันว่าเขาอยากจะนำรูปจากแกลอรี่ของเฮอร์ไมโอนี่มาตกแต่งโรงแรมของเขา  เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เขารู้ว่าที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะมีเธอคอยช่วยเหลือ  เธอผู้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา  เป็นคู่คิดที่วิเศษของเขาจนเขาไม่คิดว่าจะหาใครมาแทนเธอได้

“ถ้าเธอถามถึงที่แกลอรี่กับร้านหนังสือก็เรื่อย ๆ นั่นแหละ” เธอตอบพลางจิบกาแฟอีกอึก “ตอนนี้ชั้นจ้างคนมาดูแลแล้วก็เลยว่างงานขึ้นเยอะเลย”
“ก็ดีนี่  จะได้มีเวลาไปฝรั่งเศสกับชั้นไง” เขาพูดพลางลูบมือเธอ
“ไปฝรั่งเศสงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ตาโต “นี่โครงการที่ปรากยังไม่เรียบร้อยเลย  เธอคิดจะเปิดโรงแรมที่ฝรั่งเศสอีกเหรอ” เธอถามอย่างทึ่ง ๆ นี่เขาไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยรึไงนะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น  ชั้นจะชวนเธอไปงานแต่งงานต่างหาก” เขาพูด
“งานแต่งงานงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กรอกตา “อย่าบอกนะว่า”
“ใช่แล้วเฮอร์ไมโอนี่  พ่อทูนหัวของชั้นกำลังจะแต่งงานอีกแล้วล่ะ” เดรโกสารภาพออกมา


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


piksi:


***Chapter 3 กฎของเพลย์บอย***

เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับตะลึงไปเลยเมื่อเดรโกบอกว่าพ่อทูนหัวของเขากำลังจะแต่งงานใหม่ (อีกครั้ง) ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวยังไม่รู้เลยว่าเขาหย่าขาดจากภรรยาคนเก่า  ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ห้าของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่!
หลังจากที่นายและนางมัลฟอยถูกสังหารด้วยน้ำมือของจอมมาร  เดรโกก็เหลือครอบครัวของเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น  ซึ่งก็คือ  เฟลิกซ์  ซิลเวอร์  ที่เป็นพ่อทูนหัวของเขา 

เฟลิกซ์เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายลูเซียสตอนที่เรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์  ปัจจุบันเขาเป็นมหาเศรษฐีอายุหกสิบ    ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ขนาดยักษ์แถบนีซของฝรั่งเศส  และเคยแต่งงานมาแล้วห้าครั้ง  ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเฟลิกซ์จะเป็นเหมือนนายลูเซียสที่คลั่งสายเลือดบริสุทธิ์  และเดียดฉันท์พวกมักเกิ้ลกับพวกเลือดสีโคลน  แต่เมื่อหญิงสาวได้มีโอกาสพบเขาตอนไปดูโรงแรมกับเดรโกที่ฝรั่งเศส  เธอก็เปลี่ยนความคิดทันที 

เพราะเฟลิกซ์เป็นชายชราที่ใจดีและตลกมาก  แถมยังไม่มีท่าทีรังเกียจเธอแม้แต่น้อย  แม้เขาจะรู้ว่าเธอเป็นพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลก็ตาม  แต่ในตอนท้ายเดรโกแอบกระซิบบอกเธอว่า  ที่เฟลิกซ์เป็นอย่างนี้ก็เพราะภรรยาคนแรกของเขาก็ถูกโวลเดอมอร์สังหารเช่นเดียวกับพ่อแม่ของเดรโก  มันจึงทำให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืดและเลิกบ้าคลั่งเรื่องเลือดบริสุทธิ์ไปเลย

แต่ข้อเสียของเฟลิกซ์ก็คือ  เขาไม่เคยจริงจังในความรัก  ตั้งแต่ภรรยาคนแรกของเขาจากไป  เขาก็เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า  เรียกได้ว่ามีอีหนูเก็บไว้แทบทุกที่ที่ไปทีเดียว  ทั้งที่อังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งเขาเพิ่งย้ายไปอยู่หลังจากเกษียณ 

หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตลง  เฟลิกซ์ก็แต่งงานใหม่ถึงสี่ครั้ง (และกำลังจะแต่งงานใหม่อีกครั้งเร็ว ๆ นี้) ซึ่งแต่ละครั้งนั้นเจ้าสาวล้วนเป็นหญิงสาวสวยอายุคราวลูกเขาทั้งนั้น  แต่แน่นอนว่าหญิงสาวพวกนั้นไม่ได้รักเขาพอ ๆ กับที่เขาเองก็ไม่ได้รักพวกเธอเช่นกัน   การแต่งงานของเขาแต่ละครั้งจึงจบลงด้วยการหย่า  และการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูมากมายจากฝ่ายหญิง  แต่นั่นก็ไม่ทำให้มหาเศรษฐีอย่างเขาเดือดร้อนแต่อย่างไร

เดรโกแอบกระซิบบอกเธอมาอีกว่า  การแต่งงานระหว่างเฟลิกซ์กับหญิงสาวเหล่านั้นเป็นเพียงข้อตกลงอย่างหนึ่งเท่านั้น  ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับข้อตกลงทางธุรกิจเลย  เพราะต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ  ผู้หญิงเหล่านั้นให้ความสุขทางกายแก่พ่อทูนหัวของเขา  และเฟลิกซ์เองก็ให้เงินทองและความสะดวกสบายเป็นสิ่งตอบแทน  เพียงแต่ทั้งสองแค่จดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันเท่านั้น  ซึ่งในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่แล้วมันไม่ต่างอะไรกับการซื้อผู้หญิงตามสถานบริการเลย  แต่หญิงสาวเองก็แอบสงสัยนิด ๆ ว่าที่เดรโกเป็นแบบนี้เพราะเขามีพ่อทูนหัวเป็นต้นแบบรึเปล่านะ

“’งานจะจัดที่นีซ  ที่บ้านของพ่อชั้น  อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า” เดรโกเปรยด้วยน้ำเสียงเหมือนพวกเขากำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศกันอยู่
“ชั้นไม่รู้ว่าแม่นั่นชื่ออะไร  ไม่แน่ใจว่าชาร์ล็อต  หรือซาแมนทร่า  แต่รู้สึกว่าหล่อนจะเคยเป็นนางโชว์ที่เวกัสมาก่อน  ก่อนที่จะมาเจอพ่อชั้นที่ปารีส” ชายหนุ่มเล่า 
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าแบบที่แปลได้คำเดียวว่า ‘ เยี่ยม ’ แน่นอนว่ารสนิยมของเฟลิกซ์ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ
“ตอนนี้ชั้นกำลังเร่งเคลียร์งานอยู่  พอถึงวันงานจะได้อยู่ที่ฝรั่งเศสได้นาน ๆ หน่อย ชั้นคิดไว้ว่าจะแวะไปดูโรงแรมด้วย” เขาบอกพลางกุมมือเฮอร์ไมโอนี่แน่น “เธอไปเป็นเพื่อนชั้นนะ  เฮอร์ไมโอนี่”
“ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะไม่ไปงานแต่งของพ่อเธออีก  เดรโก” หญิงสาวพูดเสียงเฉียบ
“ชั้นไม่ได้หมายถึงงานแต่ง  ชั้นหมายถึงไปดูโรงแรมต่างหากล่ะ” เขารีบแก้
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ  เพราะยังไงเธอก็ต้องพาชั้นไปงานแต่งก่อนอยู่ดี” เธอพูดอย่างรู้ทัน
“ไหนครั้งที่แล้วเธอบอกว่าจะให้ชั้นไปด้วยครั้งสุดท้ายแล้วไง” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาคมกริบ
“โอเค ๆ งั้นเราพักเรื่องนี้กันไว้ก่อนละกัน” เขาเหลือบมองนาฬิกา
“ใกล้เที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ  ชั้นจองร้านไว้แล้ว” ชายหนุ่มว่าพลางฉุดแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  จนเธอทรงตัวไม่ทันเซไปซบอกกว้างของเขา!
“เอ่อ  ขอโทษ” หญิงสาวอ้อมแอ้ม
“ไม่เป็นไร  เอ้านี่กาแฟเธอ” เดรโกพูดพลางยัดถ้วยกาแฟใส่มือเธอ  แล้วเริ่มก้าวยาว ๆ  ไม่นานนักเธอก็เห็นแผ่นหลังเขาห่างออกไป
“รอชั้นด้วยสิ!  เดรโก!” หญิงสาวตะโกนอย่างหงุดหงิด  แต่ก็ได้ผล  เดรโกชะงักฝีเท้าเหลียวหลังมามองเธอ
“งั้นก็เดินเร็วหน่อยสิยายเบ๊อะ  ชั้นหิวนะ  เร็ว ๆ เข้า!” เขาแซว  แต่ก็ส่งแขนให้เธอเกาะ
“นี่แน่ะ  ว่าชั้นยายเบ๊อะเหรอ!” เธอพูดพลางหยิกเขาเบา ๆ
“โอ๊ย!  ชั้นเจ็บนะ” เดรโกครางพลางลูบแขนที่โดนหยิก “ก็เธอเดินช้าจะตายนี่”
“สม!  ใครมันจะสูงเป็นเสาไฟฟ้าแถมขายาวอย่างนายล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บ่น
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่  ถ้าใครได้ไปนะ” เดรโกพึมพำออกมา
“ทำไม  พูดให้ดี ๆ เลยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเขียวพลางมองหน้าเขา  แม้ว่าตัวเธอจะเล็กกว่าเขามากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เขย่งสุดแรงเกิดเพื่อจ้องตาเขาทีเดียว
“ก็.........เป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกไงล่ะ” ชายหนุ่มว่า  เขากลัวว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูออกไปเดี๋ยวจะเจอฤทธิ์แม่เสือสาวอีก
หญิงสาวทำเสียงในลำคอฟังดูคล้าย ๆ คำว่า ‘ ฮึ ‘ มาก
“ว่าแต่วันนี้เราจะไปกินอะไรกันน่ะเดรโก” เธอมองหน้าเขาอย่างหาคำตอบ
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ลองทายซิ”
“อืม  ร้านไหมไทยรึเปล่า  เห็นวันก่อนเธอบ่นว่าอยากกินผัดไทย” เธอทาย
เดรโกส่ายหน้า
“งั้นอาหารอินเดียอ่ะ  แกงกระหรี่ไก่เพิ่มแป้งนานพิเศษ”
เขาสายหน้าอีกหน
“อืมๆๆๆ  อาหารกรีกสุดแหวะนั่นรึเปล่า  แต่ชั้นขอบอกก่อนนะว่าถ้าอันนี้ถูกชั้นไม่ไปนะ” เธอพูด  พลางทำหน้าสยดสยองเมื่อนึกถึงร้านกรีกที่เธอกับเดรโกไปทานกันเมื่ออาทิตย์ก่อน  มันแทบกระเดือกไม่ลงจริง ๆ
“โอ๊ย  ไม่ใช่เลยเฮอร์ไมโอนี่  เฉลยดีกว่า” เขาหัวเราะคำพูดของเธอ
“งั้น  ร้านอาหารจีนตรงหัวมุมถนน  เป็ดย่างกับติ่มซำใช่มะ” เธอลองอีกครั้ง
“เก่งมาก  ในที่สุดก็ถูกซักที” เดรโกว่าพลางลูบหัวเธออย่างเอ็นดู  โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะบ่นว่าเขาทำผมเธอยุ่งไปหมด  ความจริงแล้วเขาจองโต๊ะที่ร้านอาหารจีนก็เพราะได้ยินเธอบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากกินติ่มซำ
“ดีจังเลย  ชั้นกำลังอยากกินอยู่พอดี” เธอพูดอย่างร่าเริง
“หมู่นี้ชั้นเห็นว่าเธออ้วนขึ้นหรอกนะถึงจะพาไปกินอาหารจีนน่ะ  แคลอรี่มันต่ำหน่อย” ชายหนุ่มว่า
“ชั้นไม่ได้อ้วนขึ้นซะหน่อยนะ  คนบ้า!” เธอเถียง  แต่ก็หัวเราะไปด้วย
ทั้งสองต่อปากต่อคำกันอีกเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินไปที่รถของเดรโก


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


“ชั้นไม่เข้าใจ  กฎห้ามเดทสองคืนติดกับกฎอาทิตย์ละครั้งนี่เธอใช้อันไหนกันแน่” เฮอร์ไมโอน่าถามถึงกฎของเพลย์บอยขณะทั้งสองกำลังนั่งทานอาหารจีนอยู่ด้วยกัน
“ทั้งสองอันนั่นแหละ” เดรโกตอบ “ชั้นจะไม่เดทผู้หญิงคนเดิมซ้ำสองคืนติด  แล้วก็จะไม่เดทเกินหนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ไง”
“ถ้าอย่างนี้เธอก็เดทผู้หญิงคนเดียวกันคืนวันเสาร์กับคืนวันจันทร์ได้น่ะสิ” เธอถามอย่างชาญฉลาด
“ก็ใช่นะ  เพราะมันไม่ผิดกฎข้อไหน  แต่ชั้นก็ไม่ค่อยทำหรอก  มันถี่เกินไป” เขาบอก
“อย่างเดรโก  มัลฟอยมีหนักใจเรื่องเดทผู้หญิงถี่เกินไปด้วยเหรอ” เธอแซว
“ชั้นก็คนนะเฮอร์ไมโอนี่  อีกอย่างชั้นก็อยากมีเวลาให้เพื่อนฝูงมั่ง” เขาว่า 
เพื่อนฝูงที่ว่านี้นอกจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วยังรวมไปถึงแฮร์รี่กับรอนเพื่อนซี้ของหญิงสาวด้วย  เพราะตั้งแต่จบจากฮอกวอตส์มา  เดรโก  เฮอร์ไมโอนี่  แฮร์รี่  และรอนก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันอีกต่อไปแล้ว  แต่พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนรักกันแทน  และเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ทุก ๆ คืนวันจันทร์เดรโก  แฮร์รี่  และรอนจะนัดเล่นควิดดิชกันเป็นประจำ
“อืม  ก็จริง  งั้นเล่าให้ชั้นฟังเรื่องกฎข้ออื่นบ้างสิ” หญิงสาวถาม  แต่ไม่ทันทีชายหนุ่มจะตอบก็มีรถเข็นติ่มซำของทางร้านเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“เอ่อ  ผมขอปอเปี๊ยะทอด  กับซาลาเปาไส้หมูสับครับ” เดรโกพูดกับหญิงชราที่เป็นคนเข็นรถมา
“เปลี่ยนเป็นปอเปี๊ยะสดแทนค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น “ทานของทอดมันไม่ดีนะ  เธอเองก็ไม่ได้อายุใช่น้อย ๆ แล้ว” เธอเตือน
“ชั้นก็อายุเท่าเธอนะเฮอร์ไมโอนี่” ชายหนุ่มเถียง  อายุ 27 นี่ไม่ได้ถือว่าแก่ซะหน่อย
“อายุอย่างพวกเราก็ห้ามกินของทอดกันแล้ว” หญิงสาวพูดเสียงดุ ๆ “มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
“เธอเป็นแม่ชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย  เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกครางเสียงอ่อย
“ก็ตั้งแต่วันที่เธอมาขอชั้นเป็นเพื่อนนั่นแหละ” เธอว่า
“ตกลงเอาอะไรจ๊ะ” อาม่าที่เป็นคนเข็นรถถามขึ้น หลังจากมองทั้งสองเถียงกันได้พักหนึ่ง
“เอาปอเปี๊ยะสดแทนค่ะ  แล้วก็” หญิงสาวชะโงกตัวมาดูของในรถเข็น 
“ซาลาเปาไส้ผัก  ติ่มซำไส้กุ้ง  ขนมจีบปู  กันหมั่นโถงาดำค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่สั่งเป็นชุด  แล้วอาม่าก็หยิบติ่มซำเข่งแล้วเข่งเล่าวางลงบนโต๊ะ
“แล้วปอเปี๊ยะทอดล่ะอาหนู  เอามั๊ย” หล่อนหันมาถามเดรโก
“ไม่ล่ะครับ  เท่านี้แหละ  ขอบคุณครับ” เดรโกพูด
หลังจากหญิงชราเข็นรถลับตาไป  ทั้งสองก็ลงมือรับประทาน
“ที่เธอสั่งมานี่ของชอบเธอทั้งนั้นเลยนะ  แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงประชดเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ  ขณะคีบหมั่นโถใส่จานเธอ
“ไม่พอใจชั้นรึไง” หญิงสาวถาม
“ใครจะกล้าไม่พอใจล่ะ  องค์หญิงมีบัญชาว่าอยากเสวยอย่างนี้  ทาสอย่างชั้นจะบังอาจขัดพระเสาวนีย์ได้ยังไง” เดรโกพูด  เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“บ้าน่า  พูดอะไรลิเกเชียว  นี่ชั้นจู้จี้เกินไปงั้นเหรอ  เดรโก  ถามจริง ๆ นะ” เธอว่า 
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถามจริง ๆ เหรอ”
“อืม  แล้วก็ต้องตอบจริง ๆ ด้วยนะ” เธอรอฟัง
“งั้นชั้นไม่เกรงใจนะ  เธอน่ะจู้จี้มาก” เขาลากเสียงที่พยางค์หลังอย่างชัดเจน
“คนบ้า!” หญิงสาวแว้ดขึ้นมา
“อ้าวไหนว่าถามจริง ๆ ไง  แต่เธอเป็นอย่างนี้ก็ดีนะ” เขาหัวเราะเมื่อเห็นอาการตอบสนองของเธอ  หญิงสาวทำหน้างอเหมือนจะบอกว่า ‘ ดียังไง! ‘
“ดีตรงที่มีเธอคอยเป็นห่วงชั้นน่ะสิ  แล้วชั้นก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรด้วย  จะว่าไปก็ดีซะอีกที่เธอห้ามชั้นกินของทอดพวกนั้นน่ะ  ไม่งั้นซิกแพคพวกเนี้ย” เขาพูดพลางเอามือจิ้มที่ท้องของตัวเอง “มันก็หายไปหมดพอดี”
“จ๊ะ  พ่อคนหุ่นดี  กล้ามเป็นมัด ๆ แต่ชั้นว่านะถึงเธอไม่เฟิร์มขนาดนี้  หน้าหล่อ ๆ ของเธอก็หลอกให้สาวหลงได้สบายอยู่แล้ว” หญิงสาวว่าพลางหมุนแก้วกาแฟของเธอในมือ  มันเป็นกาแฟที่เดรโกซื้อให้เธอเมื่อเช้าแล้วที่ปลอกกาแฟก็มีเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงเขียนอยู่
“ให้ตายสิเกือบลืมเลย  เอามานี่เลยเฮอร์ไมโอนี่  ชั้นขอนะ” เดรโกพูดพลางเอื้อมมือมาคว้าปลอกสวมกาแฟไป  แล้วเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างระอา
“แล้วไม่โทรไปหาเค้าเลยเรอะ” เธอถาม
“ไม่ล่ะ  ชั้นมีกฎว่าจะไม่โทรภายใน 24 ชม.แรก  เดี๋ยวจะหาว่าชั้นสนใจเธอเป็นพิเศษ” เขาอธิบาย
“แล้วกฎข้ออื่น ๆ ล่ะ” เธอเท้าคางตั้งใจฟัง
“ก็กฎที่ว่าจะไม่พาไปบ้าน  ไม่พาไปพบครอบครัวของฉัน  แล้วก็กฎห้ามบอกรัก” เดรโกพูด
“น่าสงสารผู้หญิงที่เธอเดทด้วยน่าดูเลยนะ  เธอทำเหมือนพวกเขาเป็นชู้ลับอย่างนั้นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่พูดตามตรง
“เธอพูดซะชั้นดูแย่เชียว” เดรโกว่าขณะกำลังเคี้ยวขนมจีบปู  หญิงสาวยักไหล่เหมือนจะบอกว่า ‘ ก็มันจริงนี่นา ’
“เธออย่าไปสงสารแม่พวกนั้นเลย  เพราะพวกหล่อนก็รู้ว่าชั้นเป็นคนแบบไหน” เขาบอก “แล้วชั้นก็บอกพวกหล่อนก่อนออกเดทด้วยซ้ำว่านี่เป็นการคบกันแบบไม่มีการผูกมัด  พวกหล่อนรู้กฎนี่ดี  แล้วก็รับได้ด้วย”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้กับกฎบ้า ๆ ของเธอหรอกเดรโก” หญิงสาวเถียง “ผู้หญิงที่ไหนก็อยากให้ผู้ชายที่เธอออกเดทด้วยจริงจังกับเธอทั้งนั้นแหละ” เดรโกเลิกคิ้ว
“ไม่จริงมั้งเฮอร์ไมโอนี่” เขาเบ้หน้า  ราวกับว่าการจริงจังกับใครสักคนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะอยากทำ
“จริงสิ” เธอตอบอยากหนักแน่น “แม้ว่าพวกหล่อนจะทำเหมือนเข้าใจในพฤติกรรมเจ้าชู้ไก่แจ้ของเธอก็ตาม  แต่ในใจพวกหล่อนก็คงหวังลึก ๆ ว่าสุดท้ายเธอหันมาจะจริงจังกับพวกหล่อน” หญิงสาวอธิบายความรู้สึกพื้น ๆ ที่ผู้หญิงทุกคนมักเป็น
“แต่ชั้นไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด  ชั้นไม่อยากจริงจังกับใคร” เดรโกพูด
“ชั้นถึงบอกว่าพวกหล่อนน่าสงสารไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“แล้วชั้นก็รู้สึกโชคดีมากด้วยที่ไม่หลงคารมเธอตอนปีเจ็ดน่ะ” เธอเสริม
“แต่ชั้นว่าชั้นโชคไม่ดีมากกว่าที่เธอไม่หลงคารมชั้นนะ” เขาเปรยออกมาเบา ๆ
“เธอว่าอะไรนะ” หญิงสาวถาม  พร้อมกับมองเขาด้วยแววตาน่ากลัว
“เปล๊า!” เดรโกว่าพลางวางตะเกียบในมือลง  ดวงตาสีเงินดูเหม่อลอยและครุ่นคิด
“เธอบอกว่าผู้หญิงหวังแบบนี้ทุกคนงั้นเหรอ” คาสโนว่าหนุ่มถาม
“ใช่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“แล้วเธอล่ะ”
“ชั้นเหรอ  ชั้นจะไปหวังอะไรกับเธอ  ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เธอรีบปฏิเสธทันควัน
“ไม่ได้หมายถึงชั้น  หมายถึงทาร์ควินน่ะ” เขาพูดถึงทาร์ควิน  สมิธ  ทนายหนุ่มของกระทรวงที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเดทด้วยเมื่อหลายปีก่อน 
“เธอก็ไม่ได้หวังให้เขามาจริงจังกับเธอไม่ใช่เหรอ  ตรงกันข้าม  เธอกลับไม่อยากจริงจังกับเขาด้วยซ้ำ  กรณีนี้มันออกจะผิดทฤษฏีของเธออยู่นา”
เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้เขาก่อนจะบอกว่า
“ก็เพราะชั้นไม่ได้รักเขาน่ะสิ” หญิงสาวตอบ  ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยเหม่อมองไปข้างหน้า
“ตอนแรกชั้นคิดว่าเขาเป็นคนใช้ได้  แต่พอคบกันไปนานเข้าชั้นกลับรู้ว่าเรานิสัยของเราต่างกันมาก  แล้วเค้าก็มีข้อเสียหลายเรื่องที่ชั้นรับไม่ได้ด้วย  ชั้นก็เลยเลิกกับเค้า  มันก็เท่านั้น” เธอว่า
“นั่นแหละปัญหาของความสัมพันธ์” เดรโกพูด “ไอ้ช่วงอินเลิฟแรก ๆ น่ะมันก็จะดีหรอก  แต่พอคบไปนาน ๆ เริ่มเห็นข้อเสียของอีกฝ่ายมากขึ้นก็รับกันไม่ได้  ก็เลยต้องจบกัน” เขาอธิบาย
“นี่เธอเป็นผู้เชียวชาญเรื่องความสัมพันธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หญิงสาวถามอย่างทึ่ง ๆ
“ก็ตั้งแต่เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพินิจใจนั่นแหละ  อย่าลืมสิว่าชั้นเดทผู้หญิงมาเป็นร้อยแล้วนะ”
“แต่ก็ไม่เคยจริงจังกับใคร” เธอพูด  ในใจก็คิดว่าถ้าเดรโกเปลี่ยนมาเป็นคนรักเดียวใจเดียวได้  เขาจะเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กค์แบบที่เธอตามหาเลยทีเดียว
‘ อย่าโง่เลยน่า  เฮอร์ไมโอนี่  คนอย่างเขาน่ะไม่มีทางรักใครจริงหรอก  เธอเป็นเพื่อนเขามาตั้งนานก็น่าจะรู้นี่ ‘ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเธอ  เสียงที่คอยเตือนว่าอย่าฝันหวานไปหน่อยเลย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้  หญิงสาวก็วางตะเกียบลง  รู้สึกอิ่มขึ้นมากะทันหัน
“อิ่มแล้วเหรอ  ทำไมวันนี้ทานน้อยจัง” เดรโกทัก (ส่วนพี่เดรฟาดไปเต็มกระเพาะตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว  เอาไปชดเชยที่เมื่อคืนเสียพลังงานไปเยอะ  หุหุ)
“ชั้นไม่ค่อยหิวน่ะ” เธอว่า
“ของหวานหน่อยมั๊ย” เขาเสนอ  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“งั้นชั้นคิดเงินเลยนะ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาคิดเงิน  และเมื่อเขาหันกลับมาทางเธอ  หญิงสาวก็พูดขึ้นว่า
“อันที่จริงทาร์ควินเพิ่งส่งจดหมายมาน่ะ”
“หมอนั่นยังรังควานเธออยู่อีกเรอะ” เดรโกเอ่ยอย่างมีโทสะ
“ไม่ใช่ ๆ เขาแค่เขียนมาทักทายน่ะ  บอกว่าตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ที่อเมริกาถาวรแล้ว  เขาชวนชั้นไปเยี่ยมด้วย” หญิงสาวพูดถึงชายหนุ่มที่เธอเคยเดทด้วย  หลังจากเลิกกันเมื่อเกือบสองปีก่อน  ทาร์ควินถึงกับต้องหนีไปอเมริกาเพื่อทำใจ  และปัจจุบันเขาก็ย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น  ในช่วงแรกที่เขาย้ายไปนั้น  ทาร์ควินมักจะส่งจดหมายพร้อมโปสการ์ดมาให้เธอทุกอาทิตย์และโทรทางไกลมาสามวันครั้ง
จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ไปบ่นกับมัลฟอยว่าเธอเริ่มรำคาญพฤติกรรมโทรตามรังควานของทาร์ควินแล้ว  ชายหนุ่มก็อาสารับโทรศัพท์ให้  เดรโกปลอมเป็นแฟนใหม่เจ้าอารมณ์ของเธอได้อย่างแนบเนียน  และหลังจากที่เดรโกรับสายครั้งนั้น (เขาตะโกนกรอกหูโทรศัพท์ไปนานห้านาทีเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่จำได้)  ทาร์ควินก็ไม่เคยโทรมาหาเธออีกเลย  มีแต่ส่งจดหมายมานาน ๆ ครั้ง
“แล้วเธอจะไปมั๊ย” เดรโกถามขึ้น  ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเกือบจะอารมณ์เสีย  ราวกับเขาหวงเธอ
“แน่นอนว่าไม่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “เธอก็รู้นี่นาว่าระหว่างเค้ากับชั้นมันจบกันแล้วจริง ๆ แล้วชั้นก็ไม่คิดจะบินไปหาเขาไกลขนาดนั้นด้วย”
“เธอเลิกกับมันมานานแค่ไหนแล้ว” เขาถามขึ้นลอย ๆ
“สิบเก้าเดือนเศษ” เธอตอบแบบไม่ต้องคิดเลย
“นี่นับด้วยเหรอ” เดรโกเหวขึ้นมา
“เค้านับต่างหากล่ะ  เค้าเขียนมาในจดหมายน่ะ” หญิงสาวตอบพลางหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีโมโหของเดรโก  จะว่าไปแล้วเขาเองก็หวงเพื่อนไม่ใช่น้อย  ตั้งแต่เธอเลิกกับทาร์ควินมา  ซึ่งก็นานมากแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เคยมีแฟนใหม่เลย  และสาเหตุที่ทำให้เธอโสดสนิทมาจนทุกวันนี้ก็คือชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าเธอตอนนี้นี่แหละ

เพราะเดรโกยืนกรานว่าเขาจะต้องไปเจอหน้าผู้ชายที่มาจีบเธอก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจคบด้วยทุกครั้ง   แถมเขายังค่อนข้างทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอต่อหน้าหนุ่ม ๆ เหล่านั้นอีกต่างหาก  แม้เดรโกจะบอกพวกนั้นว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ตาม  แต่ชายหนุ่มมักจะพูดเสมอว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนคนสำคัญของเขา  และเขาจะไม่ให้อภัยใครเลยที่มาทำให้เธอเสียใจ  แค่ประโยคนี้เท่านั้นผู้ชายที่มาเกาะแกะเธอต่างก็หนีหายไปตาม ๆ กัน

 แต่เมื่อหญิงสาวบ่นเรื่องนี้กับเขา  เดรโกก็ให้คำตอบว่า  เขาแค่อยากปกป้องเธอจากคนที่ไม่จริงใจเท่านั้น  ถ้าผู้ชายพวกนั้นชอบเธอจริงก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นสิว่าตัวเองคู่ควรกับเธอ  ไม่ใช่แค่เจอหน้าเขาครั้งเดียวก็หนีหายไปแบบนี้  ซึ่งก็แสดงว่าไอ้พวกที่มาจีบเธอนั้นมันไม่ได้คิดจริงจังกับเธอต่างหากล่ะ  แต่เมื่อเดรโกพูดแบบนี้  เฮอร์ไมโอนี่ก็มักจะย้อนกลับว่า  แล้วทีเขาล่ะ  เขาก็ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลยซักคนเดียว  เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าใคร

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเถียงกันด้วยเรื่องที่เดรโกเข้ามาก้าวก่ายความสัมพันธ์ของเธอกับชายหนุ่มคนอื่นบ่อยครั้งก็ตาม  แต่สุดท้ายเฮอร์ไมโอนี่ก็ยอมให้เขาทำตัวเป็นกันชนให้เธอต่อไป  ซึ่งหญิงสาวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม  หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่ได้ชอบใครจริง ๆ จัง ๆ ก็เป็นได้  เธอเลยยอมให้เดรโกสวมบทเพื่อนสนิทขี้หวงต่อไป

“แต่คิดไปคิดมาก็น่าสงสารหมอนั่นเหมือนกันนะ” เดรโกพูดขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
“ทาร์ควินน่ะ  ป่านนี้แล้วยังทำใจเรื่องเธอไม่ได้เลย” เขาว่า
‘ ฮึ  แล้วใครกันยะที่ตะโกนว่าเขาในโทรศัพท์วันนั้นน่ะ ‘ หญิงสาวคิดในใจ
“แล้วไม่สงสารแม่บรรดากิ๊กของเธอบ้างเหรอฮะ  ไหนต้องรอเธอเจียดเวลามาให้  ชั้นว่าบางคนคงจะรอเธอขอแต่งงานจนแห้งตายไปแล้วก็ได้” เธอโต้
“อ๋อ  ไม่หรอก  เพราะชั้นก็ให้ความสุขพวกหล่อนได้เท่าเทียมกันเลยล่ะ  อีกอย่างนะถ้าหล่อนรู้ว่าชั้นไม่ได้จริงจังกับหล่อนล่ะก็  หล่อนก็จะทิ้งชั้นไปเองแหละ” เขาตอบแบบเพลย์บอยตัวจริง!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


piksi:


***Chapter 4 ช้อปปิ้งที่ลอนดอน***

“เธอคิดว่าชั้นจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้เค้าดีน่ะ” เดรโกพูดขึ้นขณะที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินเค้าชั้นนำของลอนดอน (หลังจากทานอาหารเสร็จ  เขาเกลี้ยกล่อมเธออยู่นานทีเดียวกว่าเธอจะยอมมาเป็นเพื่อนช่วยเลือกของขวัญให้เขา)
“ชั้นไม่ไปงานแต่งพ่อเธออีกแล้วนะ  เดรโก” หญิงสาวพูดขึ้นขณะที่เดรโกกำลังเลือกดูเครื่องแก้วลวดลายโบราณอยู่ 
“ขอบคุณครับ” เขาหันไปพูดกับพนักงานขายก่อนจะเดินตามเธอออกนอกร้าน
“โธ่  เฮอร์ไมโอนี่  เธอไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยนะ  ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น” เขาออดอ้อน
“เห็นครั้งที่แล้วก็พูดแบบนี้” หญิงสาวย้อน “ทำไมเธอไม่ชวนกิ๊กใหม่ซักคนไปแทนชั้นล่ะ”
“ก็เพราะมันเป็นงานของครอบครัวน่ะสิ” ชายหนุ่มบอก “ชั้นไม่อยากผิดกฎ”
“อ๋อ  จริงสินะ  กฎที่ว่าจะไม่พาไปเจอครอบครัว  กลัวว่าหล่อนจะเข้าใจผิดว่าเธอจริงจังด้วย  เลยต้องชวนชั้นไปแทนใช่มั๊ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรู้ทัน
“น่านะ  เฮอร์ไมโอนี่  ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ  คราวหน้าชั้นค่อยหาคนอื่นไปแทนก็ได้” เขาพูดพลางโอบไหล่เธอ  เดรโกมักทำแบบนี้ทุกครั้งที่เขาต้องการให้เธอช่วยอะไร  และหญิงสาวก็มักจะใจอ่อนทุกครั้งไป  แต่ว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งอื่น ๆ
“ขอชั้นคิดดูก่อนละกัน” เธอพูดพลางแกะมือเขาออกจากไหล่  แม้น้ำเสียงของเธอจะฟังดูเคร่งขรึม  แต่เดรโกก็รู้ดีว่าหญิงสาวใจอ่อนให้เขาเกินครึ่งแล้ว
“เธอก็รู้นี่นา เฮอร์ไมโอนี่  ว่าชั้นไม่อยากไปงานแต่งนั่นเหมือนกัน  แต่จะให้ชั้นทำยังไงได้ล่ะก็เขาเป็นพ่อทูนหัวของชั้นนี่” ชายหนุ่มพูดตามตรง 
“ชั้นนึกว่าเธออยากไปเสียอีก  เผื่อจะได้เพื่อนเจ้าสาวของว่าที่แม่เลี้ยงติดมือกลับมาซักคนสองคน” เธอพูดอย่างรู้ทัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” เดรโกพูดเสียงอ่อย  เธอหาเรื่องกัดเขาได้ตลอดเชียวเกี่ยวกับความเป็นเพลย์บอยของเขาน่ะ
“ที่ชั้นไม่อยากไปก็เพราะชั้นไม่อยากเห็นพ่อแต่งงานใหม่อีกน่ะสิ” ชายหนุ่มพูด  หญิงสาวมีสีหน้าแบบที่บอกได้คำเดียวว่า ‘ อ๋อเหรอ  ชั้นนึกว่าเธออยากจะเจริญรอยตามเขาเสียอีก ’  และแน่นอนว่าเดรโกอ่านสีหน้าเธอออก
“ไม่เอาน่า  เธอก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นไม่เคยรักพ่อเลย  ที่พวกหล่อนแต่งงานด้วยก็เพราะอยากได้เงินได้ความสุขสบายเท่านั้น  พอพวกหล่อนสูบพ่อชั้นจนพอใจก็พากันทิ้งพ่อไปอย่างที่เธอเห็นไง” เดรโกพูดตามความจริง  เพราะภรรยาคนที่ผ่านมาของเฟลิกซ์ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
“แล้วทำไมเธอถึงไม่ห้ามเขาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ชั้นห้ามพ่อได้ที่ไหนล่ะ  เธอก็รู้”
“งั้นถ้าเธอเห็นใครทำผิด  แล้วทักท้วงอะไรไม่ได้  สิ่งที่เธอทำได้ก็แค่ยินดีกับเขา” หญิงสาวแนะ
“ชั้นก็กำลังทำอยู่นี่ไง  ชั้นชวนเธอมาเลือกของขวัญให้เขา  แล้วก็ชวนไปงานแต่งงานด้วยกัน” เขาวกกลับมาเรื่องเดิมจนได้
“นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ  เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด “ชั้นหมายความว่า  เธอควรจะบอกเฟลิกซ์ว่า  ถ้าเขามีความสุข  เธอก็มีความสุขไปด้วย”
“ถ้าเขามีความสุข  ชั้นก็มีความสุขไปด้วยงั้นเหรอ” เขาทวนคำอย่างงง ๆ
“ใช่  แล้วก็บอกว่าเธอรักเขาด้วยล่ะ” เธอเสริมพลางทำสีหน้าเคร่งขรึม  ชายหนุ่มทำหน้าเหยเกหน้าราวกับเฮอร์ไมโอนี่บังคับให้เขากลืนหนอนพลับเบอร์ทั้งเป็น
 “ไม่เอาน่า  เธอก็รู้นี่ว่าชั้นไม่เคยบอกรักใคร” เขาพูดพลางทำหน้าสยอง
“เธอก็น่าจะหัดไว้บ้าง  เขาเป็นคนในครอบครัวเธอนะ” เธอพูด  ขณะที่เดรโกทำหน้าเบ้  แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่มองมา  เขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีในทันที
“โอเค  ชั้นพูดก็ได้  ชั้นจะพูดในงานแต่งต่อหน้าเธอเลยว่าชั้นรักเค้า” เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  แต่แฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้  “โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ถองเขาเข้าเต็ม ๆ
 “ใครว่าชั้นจะไปงานนั่นกับเธอล่ะ” หญิงสาวบอกพลางเดินหนีอย่างเล่นตัวนิด ๆ   แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าว่าจะเบื่อกับการง้อเธอเลย
“งั้นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้” เขาผลัด “ตอนนี้เธอช่วยชั้นเลือกของขวัญก่อนสิ”
“แล้วเธอคิดได้หรือยังล่ะว่าจะซื้ออะไรให้เฟลิกซ์ดี” หญิงสาวถาม  ขณะที่เดินนำเขาไปที่บันไดเลื่อนเพื่อลงไปชั้นล่าง
“ไม่รู้สิ  เธอก็รู้ว่าของพวกนี้” เขาชี้ไปทางเครื่องแก้วสวยงามที่วางโชว์อยู่ก่อนจะลงบันไดเลื่อนตามหญิงสาวไป  “พ่อชั้นก็มีเต็มบ้านไปหมดแล้ว  ความจริงเขามีพร้อมทุกอย่างแล้วล่ะ  ยกเว้นแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
เขาเว้นคำพูดไว้แค่นั้น  เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าทีเหมือนอยากรู้  ทั้งที่จริงเธอก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เฟลิกซ์ขาดไปนั้นคืออะไร
“คู่ชีวิตดี ๆ ซักคน” ชายหนุ่มพึมพำออกมา  ความจริงไม่ใช่แค่เฟลิกซ์เท่านั้นที่ขาดสิ่งนี้  เขาเองก็ไม่มีคู่ชีวิตดี ๆ สักคนเช่นกัน  แต่สำหรับเดรโกแล้วเขาไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย  ความจริงเขาออกจะพอใจด้วยซ้ำกับการทำตัวเป็นเพลย์บอยหนุ่มเจ้าสเน่ห์ที่ไม่ต้องจริงจังกับใคร
“ก็เพราะเขาปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปน่ะสิ” หญิงสาวพูดเรียบ ๆ ขณะพาเดรโกเดินเข้าไปยังแผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ  หญิงสาวตรงไปยังเคาเตอร์ของ  พอล  สมิธ  เธอมองดูไทด์หลากสีที่วางเรียงรายอยู่อย่างสนใจ
“อะไรนะ” เดรโกถาม 
“ก็พ่อเธอพลาดโอกาสที่จะหาผู้หญิงดี ๆ ไปไง  เพราะเขามัวเสียเวลาไปกับผู้หญิงแบบนั้น  จนป่านนี้เขาเลยยังหาคู่ชีวิตดี ๆ ไม่ได้น่ะสิ” เธออธิบาย
“ถ้าพ่อเธอเลือกจริงจังกับผู้หญิงดี ๆ ซักคนตั้งแต่แรกนะ  ป่านนี้เขาคงไม่ต้องแต่งงานถึงห้าครั้งหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะกำลังเลือกเนกไทด์ระหว่างสีฟ้าอ่อนกับเทาควันบุหรี่  และเธอก็ตัดสินใจหยิบสีเทาขึ้นมา
เดรโกมองภาพนั้นด้วยความหลงใหล  หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้  เขาจึงเพิ่งคิดได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะอยู่กับเขาอย่างนี้ตลอดไปได้  อีกสามปีหรือห้าปีข้างหน้าเธอคงจะแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ ซักคน (แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่เขาเห็นชอบด้วย) แล้วก็มาเดินเลือกเนคไทด์ให้สามีของเธอแบบนี้
แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็เอาไทด์สีควันบุหรี่นั้นมาทาบกับตัวเดรโก
“เข้ากับเธอดีจัง” หญิงสาวพูดพลางยิ้มให้เขา  มันเป็นรอยยิ้มที่แทบจะทำให้หัวใจของเขาหลุดลอยไปเลยทีเดียว  รอยยิ้มที่เขาคุ้นเคยดีตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี่  แต่กลับไม่มีวันใดที่เขาจะนึกเบื่อมันเลย

‘ ไม่ได้!  เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนของเขานะ  เขาจะเผลอคิดกับเธออย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด! ‘ เดรโกเตือนตัวเองก่อนจะสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อไล่ความสับสนออกไป  เธอมองเขาอย่างแปลกใจ

“เป็นอะไรรึเปล่า เดรโก” หญิงสาวถาม
“อ๋อ  เปล่า  ชั้นจะบอกเธอว่าพ่อชั้นไม่ใส่ไทด์ของมักเกิ้ลหรอก  แล้วชั้นก็ไม่คิดจะซื้อเสื้อผ้าให้เขาด้วย  เขาน่ะมีเสื้อคลุมเป็นร้อย ๆ ชุดแล้วมั้ง” ชายหนุ่มอธิบาย
“ไม่ได้ให้เขา  ให้เธอต่างหาก  ชั้นว่ามันเหมาะกับสีตาเธอดี” หญิงสาวพูด
“อ้อ  งั้นเหรอ  ก็สวยดีนะ  งั้นเอาอันนี้ก็ได้” เดรโกพูดขณะเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบบัตรเครดิต
 “ไม่ต้อง ๆ ชั้นเอง” หญิงสาวพูดพลางหยิบเงินของมักเกิ้ลให้พนักงานขายที่ยืนอยู่แทน “เธอเลี้ยงข้าวชั้นไปแล้วนะ”
“แต่ไทด์นี่มันแพงกว่าค่าข้าวตั้งเยอะนะ” เดรโกทำหน้าไม่พอใจ 
เขามักทำอย่างนี้เสมอเวลาหญิงสาวยืนกรานจะเป็นคนช่วยออกเงินค่าอะไรก็ตาม  แต่ถึงเขาจะทำอย่างนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังยืนกรานอยู่ดีว่าเขากับเธอจะผลัดกันจ่ายเสมอ  เพราะเธอไม่ใช่คู่เดทของเขาที่จะต้องให้เขาเลี้ยงตลอดรายการ
“งั้นทีหลังเวลาไปกินอะไรก็ดัทต์ทรีทกันสิ(อเมริกันแชร์)” เธอว่า
“ชั้นจะได้ไม่ต้องซื้อของตอบแทนเธอไง” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เธอก็รู้ดีว่าเดรโกไม่มีทางแชร์ค่าอาหารครั้งต่อ ๆ ไปกับเธอแน่  เขามักจะอ้างเสมอว่าเขาเป็นผู้ชาย  เขาควรจะเป็นฝ่ายเลี้ยง  แต่ครั้งนี้เธอไม่ยอมให้เขาเป็นคนออกเงินอยู่ฝ่ายเดียวแน่
“ไม่ต้องทอนนะคะ” เธอหันไปบอกกับพนักงานขาย

.................................................

พนักงานขายคนนั้นหายไปไม่นานนักหล่อนก็กลับมาพร้อมกับไทด์ที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกซึ่งถูกบรรจุในกล่องอย่างดี  เธอรับมันมาก่อนจะยื่นให้เดรโก
“อืม  แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี  ตกลงเธอคิดได้หรือยังว่าจะซื้ออะไรให้เฟลิกซ์น่ะ” หญิงสาวถาม
“ไม่รู้สิ  ชั้นคิดไม่ออกเลย  เฮอร์ไมโอนี่” เขาหันมาขอคำปรึกษาจากเธอ “ของที่คิดจะซื้อให้เฟลิกซ์เขาก็น่าจะมีหมดแล้ว”
“งั้นเธอก็ซื้ออย่างอื่นสิ” หญิงสาวเสนอ
“อะไรล่ะ  ภาพวาดจากแกลอรี่เธอรึไง” ชายหนุ่มว่า
“ไม่ดีกว่านะ  เพราะเธอให้ภาพจากร้านชั้นไปตอนงานแต่งครั้งที่สี่แล้วไง  จำไม่ได้เหรอ” เธอเตือนว่าตอนที่เฟลิกซ์แต่งงานครั้งที่สี่เดรโกก็ซื้อภาพวาดจากแกลอรี่ของเธอภาพหนึ่งเป็นของขวัญให้เขา 
“จริงสินะ  ชั้นลืมไปได้ไงนะ” เดรโกพูดเมื่อนึกขึ้นได้
“ความจริงเธอไม่ต้องซื้อของที่เฟลิกซ์ใช้เองก็ได้นะ  แต่ซื้อเป็นของใช้สำหรับผู้หญิงแทน  แบบว่าไว้ให้แม่เลี้ยงเธอไง” เฮอร์ไมโอนี่แนะ
“เช่นอะไรล่ะ  แส้เอาไว้ฟาดพ่อชั้นในคืนวันแต่งงานงั้นเรอะ” เดรโกถาม  หญิงสาวนิ่วหน้า
“ชั้นหมายความถึงของใช้ทั่ว ๆ ไปหรอกน่า  อย่าคิดลึกนักเลย” เธอพูดพลางพาเขาเดินมายังแผนกเครื่องใช้สุภาพสตรี  และเมื่อทั้งสองเดินผ่านแผนกเครื่องประดับที่มีเพชรพลอยส่องแสงวูบวาบอยู่ในตู้โชว์เดรโกก็ทำหน้าเหมือนคลื่นไส้ขึ้นมา
“ใช้ตายเถอะชั้นเกลียดแผนกนี้น่าดูเลย” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าสงสัยเหมือนจะถามว่า ‘ ทำไมล่ะ ’
“เธอก็รู้นี่นาว่าผู้หญิงทุกคนที่ชั้นเดทด้วยครั้งนึงต้องลากชั้นมาเดินแถวนี้  แล้วก็พยายามคะยั้นคะยอให้ชั้นซื้อเครื่องเพชรพวกนี้ให้  แค่ได้ตุ้มหูทิฟฟานี่ชิ้นนึงก็ดีใจแทบบ้าแล้ว” เขาพูดพลางทำหน้าสยดสยอง
“งั้นก็เปลี่ยนเป็นซื้อแหวนให้หล่อนสิ  ชั้นว่าหล่อนคงไม่ขอเครื่องเพชรอันอื่นจากเธอไปอีกนานเลย” หญิงสาวออกความเห็น
“น้อยไปน่ะสิ  หล่อนจะยิ่งเกาะฉันเป็นปลิงพอดี” ชายหนุ่มบ่น  และเมื่อเขาพวกทั้งสองเฉียดเข้าไปใกล้เคาเตอร์ทิฟฟานี่  พนักงานขายก็ปรี่เข้ามาหาทั้งสองทันที
“สวัสดีค่ะ  กำลังหาอะไรอยู่รึเปล่าคะ  บอกชั้นได้นะคะ” หญิงสาวผมบลอนด์  อายุมากแล้วพูดด้วยเสียงหวานเชื่อม  หล่อนคงคิดว่าเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่เป็นคู่รักที่เข้ามาเลือกเครื่องเพชรด้วยกัน
“เรากำลังหาของขวัญน่ะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกหล่อน
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” หล่อนถาม
“งานแต่งงานค่ะ”
“คุณสองคนกำลังจะแต่งงานกันหรือคะ  ยินดีด้วยนะคะ” หล่อนพูด
“โอ้  ไม่ใช่ค่ะ  เรามาหาของขวัญให้  งานแต่งงานของคนอื่นน่ะค่ะ” เธอปฎิเสธ
“ชั้นแน่ใจค่ะว่าต้องเป็นงานของคนสำคัญแน่ ๆ ชั้นขอแนะนำสร้อยข้อมือตรงนี้เป็นไงคะ  เป็นงานชั้นเยี่ยมแล้วก็รูปทรงน่ารักมากทีเดียวค่ะ” หล่อนบอกพลางผายมือไปยังสร้อยข้อมือน่ารักที่วางเรียงรายกันในตู้กระจก
“เอ่อ  ค่ะ  เดี๋ยวชั้นขอเลือกก่อนนะคะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกพนักงานขาย
“ได้เลยค่ะ  ถ้าคุณอยากดูชิ้นไหนเป็นพิเศษบอกชั้นได้เลยนะคะ” หล่อนพูดพลางเดินไปอีกมุมหนึ่งของเคาเตอร์เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าอีกคนเดินเข้ามา
หลังจากที่หล่อนเดินจากไป  เดรโกก็พูดกับหญิงสาวว่า
“ชั้นว่าเราซื้ออย่างอื่นดีกว่ามั๊ย”
“นั่นสินะ  ชั้นลืมไปว่าทิฟฟานีออกจะแพงไปหน่อยสำหรับของขวัญงานแต่งน่ะ” หญิงสาวพูดตามความจริง
“เรื่องราคาชั้นไม่เกี่ยงหรอก  แต่เพชรน่ะผู้ชายเขาเอาไว้ซื้อให้ผู้หญิงที่รักเท่านั้น” เดรโกกระซิบบอกเธอ  ขณะที่ทั้งสองผละจากเคาเตอร์ทิฟฟานี่มา
“นี่เธอก็โรแมนติกกับเขาเป็นด้วยแฮะ  ผู้ชายซื้อเพชรให้ผู้หญิงที่รักเท่านั้น  แต่เธอบอกเองว่าไม่ได้รักแม่พวกนั้นนี่  แล้วซื้อเพชรให้พวกหล่อนทำไมล่ะ” น้ำเสียงของเฮอร์ไมโอนี่ฟังดูเกือบจะหงุดหงิด  ซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
“ไม่ใช่อย่างนั้น  ที่ชั้นซื้อให้ก็เพราะโดนพวกหล่อนคะยั้นคะยอต่างหากล่ะ  จริง ๆ แล้วชั้นไม่ได้อยากจะซื้อให้ซักหน่อย” เขาพูด
“แน่ล่ะสิ  พ่อเพลย์บอย” เธอแขวะ “หลอกพวกหล่อนขึ้นเตียงตั้งหลายครั้ง  แต่พอพวกหล่อนอยากให้ซื้อเพชรให้กลับทำหน้าเหมือนอยากตายงั้นแหละ” น้ำเสียงของเฮอร์ไมโอนี่บอกได้ว่าเธอพูดเล่นมากกว่าคิดจะว่าเขาจริงจัง 
“โถ่  ก็ชั้นไม่ได้รักพวกหล่อนนี่นา  แล้วก็ไม่อยากโดนเข้าใจผิดด้วย  ที่ซื้อให้เพราะโดนบังคับรู้มั๊ย  บางรายนะลากชั้นมาลองเพชร  แล้วพอจะถอดคืนก็แกล้งทำสร้อยข่วนโต๊ะเป็นรอยบ้าง  ทำตุ้มหูร่วงลงพื้นบ้าง  สุดท้ายชั้นก็ต้องซื้อให้เพราะหล่อนทำของเขามีตำหนิแล้ว  แบบนี้เรียกว่าเต็มใจที่ไหนกัน” เดรโกบ่นออกมา 
ความจริงเขาไม่มีปัญหาเรื่องราคาค่างวดของมันหรอก  แต่เป็นปัญหาเรื่องจิตใจมากกว่า  เพราะผู้หญิงที่เขาซื้อของแบบนี้ให้ (แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม) มักคิดไปเองว่าเขาจริงจังกับหล่อน  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากให้หล่อนคิด
“ถ้าเป็นผู้หญิงที่ชั้นรักก็ว่าไปอย่าง  ต่อให้เธออยากได้ทั้งร้านชั้นก็ยินดีจะซื้อให้” เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็มองหน้าเขาอย่างสงสัย
“แต่เธอก็ไม่เคยรักใครนี่นา  ชั้นว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้เครื่องเพชรจากเธอโดยไม่ต้องบังคับให้ซื้อให้หรอกนะ” เธอพูด  เดรโกอึ้งไปพักหนึ่งเพราะคำพูดของเธอ  แล้วเขาก็ยอมรับออกมาว่าที่เธอพูดมันก็จริง  เพราะคนอย่างเขาไม่เคยรักใครมากก่อน  แล้วก็ไม่คิดจะรักด้วย!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@   


ทั้งสองเปลี่ยนจากแผนกเครื่องเพชรไปยังแผนกเครื่องประดับอื่น ๆ แทน  เมื่อเดรโกตกลงใจว่าจะซื้อของขวัญที่เป็นของใช้สำหรับผู้หญิงแทน  เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำหน้าที่เลือกของให้เขา  เพราะหญิงสาวคงถนัดในการเลือกของใช้ของผู้หญิงมากกว่าผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาแน่
   เมื่อทั้งสองเดินมาถึงแผนกเครื่องหนัง  หญิงสาวก็สะดุดตากับกระเป๋าหนังจระเข้ใบหนึ่งที่วางโชว์อยู่  มันเป็นกระเป๋าถือของผู้หญิงที่มีจระเข้สต๊าฟตัวเล็กติดตรงด้านหน้า  และส่วนที่เหลือของกระเป๋าก็ดูเหมือนจะทำจากหนังจระเข้ด้วยเช่นกัน
   เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วถามคนขายว่า “นี่หนังจระเข้แท้รึเปล่าคะ”
“แท้สิครับ  ลูกจระเข้ด้วยนะครับ” พนักงานพูดอย่างเอาใจ
“คุณน่าจะละลายบ้างนะคะที่ขายของแบบนี้น่ะ” หญิงสาวพูดอย่างเผ็ดร้อนพลางวางกระเป๋าลง  แต่เดรโกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้นิสัยของเธอดีเลยไม่พูดอะไรออกไป  เฮอร์ไมโอนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ  เธอเห็นความสำคัญของทุก ๆ ชีวิต  แม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์ก็ตาม

เดรโกพาเธอผ่านแผนกเครื่องหนังไปจนถึงแผนกเสื้อผ้าสตรี  เพราะคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่คงไม่ยอมซื้ออะไรที่ทำจากหนังแท้แน่ (อันที่จริงกระเป๋าของหญิงสาวทุกใบนั้นล้วนทำจากหนังสังเคราะห์ทั้งหมด  และเมื่อเดรโกชวนเธอไปเลือกรองเท้าหนังดี ๆ ซักคู่  หญิงสาวก็บังคับให้เขาเปลี่ยนไปซื้อคู่ที่ทำจากหนังสังเคราะห์แทน  เพราะมันไม่เป็นการทำลายชีวิตใคร  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ชีวิตสัตว์ก็ตาม)

“เดี๋ยวก่อน  แวะที่นี่ก่อน” ชายหนุ่มบอกเธอเมื่อทั้งสองเดินผ่านแผนกชุดชั้นในสตรี
“อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อชุดชั้นในให้แม่เลี้ยงเป็นของขวัญวันแต่งงานน่ะ” หญิงสาวพูด
“ใช่ที่ไหนกันเล่า  มานี่เร็ว” เขาพูดพลางคว้าแขนเธอแล้วพาเดินผ่านแผนกชุดชั้นในไปยังบริเวณที่ขายเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ 
ทันทีที่ทั้งสองก้าวเท้าเข้าไปในแผนก  พนักงานขายร่างเล็กคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“ผมกำลังหาชุดไปงานให้สุภาพสตรีคนนี้น่ะครับ”
“ไม่ทราบเป็นงานประเภทไหนคะ” พนักงานขายถาม
“งานแต่งงานครับ” เขาตอบ “เป็นงานที่ค่อนข้างหรูหราน่ะครับ  เพราะฉะนั้น”
“ได้ค่ะ  เดี๋ยวชั้นจะไปเลือกชุดที่คุณน่าจะชอบมาให้นะคะ” พนักงานพูดพลางเดินไปอีกมุมหนึ่งของร้าน  เมื่อร่างของหล่อนลับมุมราวแขวนเสื้อไป  หญิงสาวก็หันมาจ้องหน้าเขาทันที
“ชั้นยังไม่ได้บอกว่าจะไปงานกับเธอเลยนะเดรโก”
“เถอะน่า  เฮอร์ไมโอนี่  เธอไม่สงสารชั้นรึไงกัน” เขาพูดด้วยท่าทีเหมือนจะอ้อนวอน
“ทำไมชั้นต้องสงสารเธอด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ก็เพราะถ้าเธอไม่ไปงานกับชั้น  ชั้นก็ต้องเป็นชายหนุ่มน่าสงสารที่ไม่มีคู่ควงไปด้วยน่ะสิ” เดรโกพูด
“เธอก็เอาสาว ๆ ในสต๊อกของเธอไปซักคนสิ” หญิงสาวว่า
“โถ่  เฮอร์ไมโอนี่  เธอก็รู้ว่าชั้นไม่อยากผิดกฎนี่  อีกอย่างนะถ้าชั้นเอาพวกหล่อนคนใดคนหนึ่งไปงานแต่งพ่อชั้นที่ฝรั่งเศสล่ะก็  พอกลับมาหล่อนต้องเที่ยวโพทะนาไปทั่วแน่เลยว่าชั้นจริงจังกับหล่อนถึงขนาดพาไปรู้จักครอบครัวแถมยังพาไปดูโรงแรมชั้นที่ฝรั่งเศสอีกน่ะ” เขาอธิบายในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กรอกตาอย่างเบื่อหน่าย
“นะ  ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริง ๆ ” เขาพูดพลางกุมมือเธอแน่น  หญิงสาวจ้องตาเขา
“ครั้งสุดท้ายนะ” เธอว่า
“แน่นอน  ครั้งสุดท้าย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างยินดีเมื่อเธอตอบตกลง  เขาจูบมือเธอเบา ๆ โดยที่หญิงสาวไม่ว่าอะไร  สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับเดรโกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ก็คือ  เขามักจะแสดงออกทางการกระทำมากกว่าคำพูด  อาจจะเป็นเพราะเดรโกเป็นคนพูดน้อย  และที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากขอบคุณเธอเท่านั้น
“เอาล่ะ  เราไปเลือกชุดกันกว่า” เดรโกพูดพลางโอบไหล่เธอแล้วพาเดินไปอีกมุมของร้านเมื่อเห็นว่าพนักงานคนเมื่อครู่กำลังเดินมาพร้อมกับรถเข็นที่แขวนชุดราตรีมาเสียเต็มราว
“ความจริงเธอไม่เห็นต้องพาชั้นมาซื้อชุดใหม่ก็ได้นะ  อีกอย่างชุดที่นี่ก็แพงมากด้วย” หญิงสาวว่า
“แค่เธอตกลงไปชั้นก็ดีใจแล้ว  เรื่องแค่นี้ชั้นจัดการได้น่ะ” เดรโกพูดพลางยิ้มกริ่ม

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


piksi:
 

***Chapter 5  เกมส์ทายใจ***
 
หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ผ่านการลองเสื้อผ้าที่พนักงานขายเลือกมาให้ไม่ต่ำกว่าสิบชุด  เดรโกก็ลงความเห็นว่าเธอดูดีสุดในชุดเดรสสั้นเสมอเข่าสีน้ำเงินเข้มของวีร่า  แวง  แม้ว่ามันจะเป็นชุดเรียบ ๆ ไม่ประดับอะไรมากก็ตาม  แต่มันก็ทำให้เธอดูสง่างามและดูเรียบหรูในคราเดียวกัน  และชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะเลือกเครื่องประดับซึ่งเป็นสร้อยเงินเส้นเล็กประดับคริสตัลและตุ้มหูที่เข้ากัน  รวมทั้งรองเท้าและกระเป๋าให้เข้ากับชุดที่เธอใส่ด้วย  และเมื่อเขาแน่ใจว่าเขาได้เลือกของที่เธอต้องใช้ในงานให้เธอเสร็จเรียบร้อยโดยไม่ขาดอะไรแล้ว  เดรโกก็ส่งบัตรทองของเขาเพื่อให้พนักงานขายคิดเงินและนำของที่เขาซื้อใส่ถุง
เมื่อร่างเล็กของพนักงานขายคนนั้นลับราวแขวนเสื้อไป  เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งตอนนี้กลับมาสวมชุดเดิมของเธอก็เข้ามาพูดกับเดรโกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“เธอไม่เห็นต้องซื้อของแพงขนาดนั้นให้ชั้นเลย  ชุดนั่นแพงมากเลยนะ  เดรโก” หญิงสาวพูด  แม้เธอรู้ดีว่าเขามีเงินทองมากมายก็ตาม  แต่เธอก็ไม่ต้องการให้เขาใช้เงินของเขาหมดเปลืองไปกับการซื้อของให้เธอแบบนี้
“ชั้นต้องซื้อให้เธอสิ  ก็เธออุตส่าห์ไปงานแต่งงานพ่อเป็นเพื่อนชั้นทั้งทีนี่นา” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ยี่หระ  ความจริงเขาก็ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เขาชวนเธอไปงานสำคัญต่าง ๆ กับเขา  แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ชินกับมันเสียที
“อีกอย่างชั้นก็อยากจะแน่ใจด้วยว่าคู่ควงของชั้นจะสวยที่สุดในงาน” เดรโกพูดพลางยิ้มมุมปากที่ดูกรุ้มกริ่มเหลือเกินในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่  แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่มักทำให้สาว ๆ ทุกคนหลงเสน่ห์เขาทันทีที่เขายิ้มออกมา 
“ใครเป็นคู่ควงเธอกัน  ชั้นไปงานกับเธอในฐานะ.......” เธอเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ชั้นไปงานกับเธอในฐานะเพื่อนต่างหากล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แก้ 
“แน่นอน  เฮอร์ไมโอนี่  เธอไปงานในฐานะเพื่อนของชั้น  เพื่อนที่ดีที่สุดของชั้น” เดรโกพูดพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว
 
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


หลังจากทั้งสองออกจากแผนกเสื้อผ้าสุภาพสตรี  เดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงเตร็ดเตร่อยู่ในห้างต่อเกือบตลอดช่วงบ่าย  เนื่องจากพวกเขายังหาของขวัญแต่งงานให้กับเฟลิกซ์  พ่อทูนหัวของเดรโกไม่ได้  แต่หลังจากผ่านการเดินช้อปปิ้งอยู่ในห้างหรูของลอนดอนนานเป็นเวลาเกือบสามชั่วโมง  ทั้งสองก็ยอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถหาของขวัญแต่งงานที่พวกเขาคิดว่าเฟลิกซ์น่าจะชอบได้ในห้างของมักเกิ้ลแห่งนี้  เมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกจึงหันไปปรึกษาเฮอร์ไมโอนี่ว่าเขาควรไปหาของขวัญแต่งงานที่ ‘ เดอะ ฮิททอรี่ ’ ดีไหม  และเมื่อหญิงสาวบอกว่าเธอเห็นด้วยกับเขา  เดรโกก็พาเธอออกจากห้างของมักเกิ้ลแห่งนี้และขับรถไปแถบถนนฟลีตท์ทันที
เดอะ  ฮิททอรี่  เป็นร้านขายของเก่าแถวถนนฟลีตท์ในลอนดอน  แม้คำว่า ‘ ของเก่า ’ อาจจะดูไม่ค่อยมีราคาและคู่ควรที่จะซื้อเป็นของขวัญแต่งงานนัก  แต่ร้านที่เดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่จะไปนั้นเป็นร้านที่เขาเป็นลูกค้าประจำมาเป็นเวลานานแล้ว  ร้านเดอะ  ฮิททอรี่ที่ว่านี้ไม่ได้ขายของเก่าที่หักพังและทรุดโทรมจนซ่อมแซมไม่ได้  แต่มันเป็นร้านที่ขายของโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่างหาก 
เดรโกรู้จักร้านนี้เพราะเฮอร์ไมโอนี่แนะนำให้เขามาลองเลือกซื้อของเก่าจากที่นี่เพื่อเอาไปตกแต่งโรงแรมในสก็อตแลนด์  หลังจากเดรโกมาบ่นกับเธอว่าเขายังหารูปภาพไปประดับล็อบบี้ของโรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวไม่ได้เลยหญิงสาวจึงแนะนำให้เขาลองมาที่นี่  ตอนแรกเดรโกก็มีความคิดในทางลบกับคำว่า ‘ ของเก่า ’   เพราะมันทำให้เขานึกถึงของใช้มือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว  ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่เคยจับต้องหรือคิดจะซื้อมันมาครอบครอง 
แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ที่รู้ทันเขามากกว่าใครทั้งหมดเห็นสีหน้าไม่ประทับใจของเดรโก  เธอจึงอธิบายขึ้นมาว่าร้าน ‘ เดอะ ฮิททอรี่ ’ ที่เธอพูดถึงนี้ไม่ใช่ร้านขายของมือสอง  แต่เป็นร้านที่ขายสินค้าที่มีคุณค่าในทางโบราณคดี  ร้านนี้ขายสินค้าที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์  สินค้าที่เป็นโบราณวัตถุผิดกับร้านขายของเก่าทั่ว ๆ ไป  และหญิงสาวก็เห็นว่าเดรโกควรจะหาซื้อภาพวาดที่ดูมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์  และของตกแต่งที่ดูเก่าแก่มีค่าไปประดับโรงแรมของเขามากกว่าจะซื้อภาพเขียนใหม่เอี่ยมไปแขวน  เพราะมันคงดูไม่เข้ากับบรรยากาศของโรงแรมที่ถูกดัดแปลงมาจากปราสาทโบราณเลยแม้แต่น้อย
เดรโกยอมจำนนในเหตุผลของเธอ  รวมทั้งยอมให้เธอพาเขามาดูของที่ร้านที่เธอพูดถึง  ซึ่งในตอนแรกชายหนุ่มมากับเธอเพราะเขาไม่อยากจะขัดใจเธอเท่านั้น  แต่ปรากฏว่าหลังจากได้เห็นของที่อยู่ในร้านเดอะ ฮิททอรี่ นี้แล้ว  เดรโกก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันที  เพราะมันเป็นแบบที่เฮอร์ไมโอนี่บอกเขาไว้ทุกอย่าง  ร้านนี้มีของโบราณจำนวนมากมายเกินกว่าที่เขาจะเลือกดูไหว  ไม่ว่าจะเป็นแจกันโบราณสมัยศตวรรษที่ 17 ภาพเขียนโบราณหายากที่ถูกขายมาจากปราสาทในสก็อตแลนด์ [ซึ่งเดรโกซื้อไปตกแต่งโรงแรมของเขาจำนวน 3 ภาพ]  ดาบ  เชิงเทียน  โต๊ะเก้าอี้รูปทรงโบราณ  และของใช้โบราณอื่น ๆ อีกมากมายจนเขาเลือกดูแทบไม่ไหว 
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้านนี้เดรโกรู้สึกเหมือนกับเขาหลุดเข้ามาในช่วงที่เวลาเดินถอยหลัง  และนั่นมันทำให้เขาเกิดความคิดในการตกแต่งโรงแรมแบบยุคโบราณขึ้นมา  และความคิดนี้เองกลับผลักดันให้เขาได้กลายเป็นราชาอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปในอีกหลายปีต่อมา  รวมทั้งที่เขาได้กลายเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ไปโดยปริยาย

…………………………………………………………..

เมื่อมาถึง  เดอะ  ฮิททอรี่  เดรโกใช้เวลาเลือกสินค้าไม่นานนักเขาก็สะดุดเข้ากับเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นโบราณที่ยังมีสภาพดีอยู่ 
“เธอว่าชิ้นนี้เหมาะไหม” เดรโกถามขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับมองสำรวจสิ่งที่เขาถามเธอ
“เธอไม่เอาแจกันยุคราชวงศ์หมิงที่เธอเล็งไว้ตอนแรกแล้วเหรอ” หญิงสาวถาม “แต่ชั้นว่าอันนี้ก็เหมาะกว่านะ”
“ก็จริง  เธอก็รู้ว่าชั้นไม่ควรให้ของที่แตกได้เป็นของขวัญแต่งงานเฟลิกซ์  พ่อชั้นยิ่งเป็นคนค่อยไม่รักษาของอยู่ด้วย  ถ้าขืนชั้นให้แจกันนั่นไปเวลาพ่อเล่นไล่จับกับเมียใหม่ของเขา  พ่อคงจะชนมันล้มพอดี” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเพราะคำพูดของเขา
“ที่ชั้นพูดว่าเหมาะน่ะ  หมายความว่าเฟลิกซ์คงไม่ค่อยชอบของตกแต่งสไตส์เอเชียเท่าไหร่  ชั้นว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับคฤหาสน์ของเขาน่ะ” เธอรีบพูด  พลางมองหน้าเดรโกด้วยสายตาราวกับเธอต้องการจะบอกเขาว่า ‘ นี่เธอคิดเรื่องพวกนี้ได้ตลอดเวลาจริง ๆ เหรอเนี่ย ’
“ชั้นก็พูดตามความจริงนี่นา” เดรโกเริ่มปกป้องตัวเองเมื่อเห็นสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้มองเขา “เธอจำนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ชั้นให้เขาเป็นของขวัญงานแต่งงานครั้งที่สามได้มั๊ย  ที่เขาทำพังตั้งแต่สามวันแรกน่ะ”
เขาพูดถึงนาฬิกาตั้งโต๊ะทำจากคริสตัลที่เฮอร์ไมโอนี่ช่วยเขาเลือกเป็นของขวัญงานแต่งงานครั้งที่สามของเฟลิกซ์  และเมื่อเดรโกส่งจดหมายไปอวยพรอีกรอบหลังงานแต่งงานพร้อมกับถามพ่อของเขาว่าชอบของขวัญไหม  เฟลิกซ์ก็เขียนตอบกลับมาว่า  มันแตกเป็นชิ้น ๆ ไปตั้งแต่ตอนเขาไปฮันนีมูนแล้ว  เพราะพ่อทูนหัวของเดรโกวางมันไว้บนโต๊ะขณะที่เขากับภรรยาใหม่กำลัง......ขย่มโต๊ะกันอยู่  แล้วดูเหมือนว่าเฟลิกซ์จะออกแรงเยอะไปหน่อย  ของขวัญที่ลูกทูนหัวของเขาซื้อให้เลยหล่นลงมาที่พื้นและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  แถมยังบาดเท้าเฟลิกซ์อีกต่างหาก 
หลังจากนั้นเดรโกก็เขียนจดหมายตอบกลับไปว่า  เขาดีใจที่เฟลิกซ์เอาของขวัญของเขาไปฮันนีมูนด้วย  และเขาสัญญาว่าเขาจะไม่ซื้อของที่แตกได้ให้เป็นของขวัญเฟลิกซ์อีกแล้ว
 
“อ๋อ  จำได้สิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แล้วจู่ ๆ เธอก็หัวเราะขึ้นมา  เดรโกเลิกคิ้ว
“หัวเราะอะไรกัน” เขาถามพลางเดินเข้ามาโอบเอวหญิงสาวที่กำลังหัวเราะคิก ๆ อยู่
“เปล่า.....” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ใบหน้าแดงกล่ำเพราะกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ “ชั้นแค่คิดว่าชั้นคงลำบากน่าดูเวลาเธอแต่งงานน่ะ” เธอมองสีหน้างงงวยของเดรโกแล้วก็พูดต่อ
“ชั้นหมายถึง  ชั้นคงเลือกของขวัญให้เธอยากน่าดู  ยากยิ่งกว่าเฟลิกซ์อีกมั้ง........แต่ชั้นก็พอจะนึกออกอยู่อย่างนึงนะ” หญิงสาวเสริม
“ที่ว่านึกออกนั่นนั่นมันอะไรกันล่ะ” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ที่ใบหน้าเริ่มเป็นสีจัดอีกครั้ง
“กุญแจมือซักอันมั้ง” เธองึมงำออกมา “เผื่อเจ้าสาวของเธอกลัวเธอจะหนีไปไหน  จะได้มัดเธอไว้กับเตียงไง” หญิงสาวหัวเราะ 
“ไม่รู้ยักแฮะว่าเธอก็ทะลึ่งเป็นกับเขาด้วย” เดรโกพูดอย่างประหลาดใจหน่อย ๆ
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา  และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มใจเต้นแรง  เดรโกมองภาพเธออย่างหลงใหลพลางคิดว่าเธอดูสวยมากเวลาที่เธอยิ้ม  แต่เมื่อชายหนุ่มรู้ตัวว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  เขาก็รีบลบความคิดนั้นออกไปจากหัวทันที
 “แต่อย่าห่วงเลย  เฮอร์ไมโอนี่  เธอคงไม่มีวันได้ให้ของขวัญงานแต่งงานกับชั้นหรอก” เดรโกพูดพลางปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ “เธอก็รู้ดีว่าชั้นไม่อยากแต่งงาน” สีหน้าของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อพูดประโยคสุดท้ายออกมา  แต่หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นมัน
“ชั้นก็รู้ว่าเธอคิดแบบนี้  ก็ตอนนี้เธอยังหนุ่ม  แถมเสน่ห์แรงอีกต่างหาก  มันก็คงยากถ้าหากเธอจะทิ้งอิสระพวกนั้นมาแต่งงานกับใครซักคน  เรื่องนี้ชั้นพอเข้าใจ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เดรโกกลับส่ายหน้า
“แต่ชั้นก็ไม่ได้อยากอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ  ชั้นแค่คิดว่าวันนึงชั้นอาจจะเจอผู้หญิงที่รักชั้นจริง ๆ ก็ได้” หญิงสาวเลิกคิ้วกับคำพูดของเขา
“แต่เท่าที่ชั้นเห็นเธอก็มีคนรักเธอออกเยอะแยะนี่นา  เดรโก  สาว ๆ ในสต๊อกเธอก็มีออกเป็นเบือ  แต่เธอกลับพูดเหมือนเธอขาดความรักอย่างนั้นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิดเสียให้ดีก่อน  และเมื่อเธอเห็นสายตาของเดรโกที่มองกลับมามันก็ทำให้เธอรู้ว่าเธอคงพูดอะไรผิดไป
“เธอก็รู้นี่นาเฮอร์ไมโอนี่  ว่าผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้รักชั้นจริง ๆ เลยซักคน  พวกหล่อนรักความร่ำรวยของชั้น  รักชื่อเสียงของชั้น  รักรูปร่างภายนอกของชั้น  แล้วก็.....” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“รักที่จะอยู่บนเตียงของเธอ” เธอต่อให้  เดรโกพยักหน้า “แต่เธอเองก็ไม่ได้รักพวกหล่อนนี่  แล้วเธอจะแคร์อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  แม้ว่าคำถามนั้นจะฟังดูตรงไปตรงมากและออกจะแทงใจดำเดรโกอยู่มากก็ตาม  แต่หญิงสาวก็มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงขณะถามคำถามนั้นกับเขา
“ชั้นไม่แคร์เลยเรื่องที่ผู้หญิงพวกนั้นไม่รักชั้นตราบเท่าที่พวกหล่อนยังให้ความสุขกับชั้นได้  แต่ที่ชั้นแคร์ก็คือ......” เดรโกเว้นจังหวะ  ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง 

‘ แต่ที่ชั้นแคร์ก็คือเธอ  ชั้นกลัวว่าวันนึงเธอจะจากชั้นไป  ชั้นกลัวว่าวันนึงจะมีใครมาแย่งเธอไปจากชั้น  และเธอจะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ชั้นอีกต่อไป ’

เดรโกคิดอย่างสับสน  แต่ก็เป็นเหมือนครั้งที่แล้ว  เมื่อชายหนุ่มรู้ตัวว่าเขาคิดอะไรอยู่  เขาก็รีบลบความคิดนั้นออกไปจากสมองอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่มองเดรโก  เธอรอให้เขาพูดประโยคต่อมาอยู่  แต่ชายหนุ่มไม่ยอมสบตาเธอ  เขาเหลือบมองไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่คิดว่าจะซื้อเป็นของขวัญแต่งงานให้เฟลิกซ์
“เธอก็รู้ว่าการที่ได้เห็นพ่อทูนหัวของตัวเองแต่งงานหลายครั้งขนาดนั้น  มันทำให้ชั้นกลัวขึ้นมา  ชั้นกลัวว่าวันนึงฉันอาจจะเป็นแบบเขา  ชั้นกลัวว่าวันนึงชั้นอาจจะต้องอยู่คนเดียว  วันนึงที่ชั้นหาผู้หญิงดี ๆ มาเป็นคู่ชีวิตด้วยไม่ได้......ชั้นอาจจะต้องแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่ากับผู้หญิงที่รักฉันเพียงเพราะเงินเท่านั้น” เดรโกสารภาพออกมา  เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรจึงทำให้เขาพูดความในใจของเขาออกมาเสียหมดเปลือกแบบนี้  ความในใจที่เขาไม่ควรจะให้ใครก็ตามรับรู้  แม้กระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เพราะเมื่อเขาทำเช่นนั้นก็เท่ากับเขาได้แสดงด้านที่อ่อนแอของเขาให้เธอเห็น  ตัวตนด้านที่เขาอยากจะซ่อนไว้ให้ลึกที่สุดเพื่อไม่ให้ใครพบเจอ  เขาอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนละคนกับเดรโก  มัลฟอย  หนุ่มเพลย์บอยเจ้าสเน่ห์ที่ไม่เคยจริงจังในเรื่องของความรัก
 ในใจลึก ๆ เดรโกกลัวว่าเฮอร์ไมโอนี่จะหัวเราะกับสิ่งที่เขาพูด  แต่เปล่าเลย  เธอไม่ได้ทำเช่นนั้นแต่เธอกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน  เธอลูบแขนเขาเบา ๆ และพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“ชั้นแน่ใจว่าเธอจะไม่มีวันเป็นแบบเฟลิกซ์แน่นอน  เดรโก” เธอพูดอย่างมั่นใจ “เพียงแต่วันนึงที่เธอพบผู้หญิงที่เธอรัก  เธอต้องบอกผู้หญิงคนนั้นว่าเธอรักเขา  ว่าเธอต้องการจริงจังกับเขา  และที่สำคัญเธอต้องเลิกเจ้าชู้ด้วย” หญิงสาวย้ำ  เดรโกทำหน้าเหยเก
“ถ้าเธอทำอย่างนั้นได้  ชั้นว่าคงไม่มีผู้หญิงดี ๆ คนไหนที่จะปฏิเสธเธอได้ลงหรอก” หญิงสาวพูด  เดรโกยิ้มให้เธอ  เฮอร์ไมโอนี่ดีกับเขาเสมอมา  เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา  เพื่อนที่เขาจะไม่มีวันยอมเสียไปเป็นอันขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แม้ว่าวันข้างหน้าเธอจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม  แต่เขาก็จะยังคงเป็นเพื่อนกับเธอไปจนวันตาย  และที่สำคัญเดรโกจะไม่มีวันยอมสูญเสียเธอไปเพราะความคิดชั่ววูบของเขาอย่างเด็ดขาด เขาจะไม่มีวันยอมให้อารมณ์หวั่นไหวชั่วครู่มาทำลายมิตรภาพของเธอและเขาอย่างแน่นอน
“ทีเธอยังปฏิเสธชั้นเสียไม่มีดีเลยคืนนั้นน่ะ  แถมยังว่าหน้าตาชั้นเหมือนตัวเฟเร็ตอีกด้วย” เขารำลึกความหลังขึ้นมา  เฮอร์ไมโอนี่ค้อนเขาเข้าควับใหญ่
“ก็เธอจะปล้ำชั้นนี่นา  จะให้ชั้นยอมเธอง่าย ๆ งั้นเหรอ  อ้อ  อีกอย่าง  ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนนั้นเธอก็ยังหน้าเหมือนตัวเฟเร็ตอยู่ดี” หญิงสาวเสริมพลางบีบจมูกเรียวของเขาแรง ๆ เดรโกร้องออกมา
“โอ๊ย  เจ็บนะ  ยายบ้า!” เขาปัดมือเธอออกพลางคลำจมูกตัวเอง
“สมแล้ว  ตาบ้า!” เธอว่าพลางสะบัดหน้าหนี
“รู้งี้คืนนั้นปล้ำเสียให้เข็ดก็ดี” เดรโกพึมพำออกมา  เฮอร์ไมโอนี่หันมาทางเขา
“ว่าไงนะ!”  หญิงสาวเหวขึ้นมา  พลางมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาน่ากลัว
“เปล๊า!” เขารีบกลบเกลื่อน “ว่าแต่ว่าตกลงเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี่ดีแล้วใช่ไหม  ชั้นจะได้คิดเงินแล้วให้เขาห่อของขวัญซะที” เดรโกเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วพลางโอบไหล่เฮอร์ไมโอนี่แล้วพาเธอเดินไปยังเคาเตอร์ด้านหน้าของร้าน

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เมื่อทั้งสองซื้อของขวัญแต่งงานให้เฟลิกซ์เสร็จก็เป็นเวลาเย็นเสียแล้ว  หลังจากออกจากเดอะ ฮิททอรี่  เดรโกก็พาเฮอร์ไมโอนี่ไปยังที่สุดท้ายที่เขาและเธอต้องไปด้วยกันทุกอาทิตย์  มันคือร้านขนมที่ขายดีที่สุดในลอนดอนซึ่งทั้งสองมาทานด้วยกันทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกในวันอาทิตย์  แม้ว่าบางครั้งเดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่จะต้องยืนรอต่อคิวเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงก็ตาม
 ความจริงแล้วเดรโกเป็นคนไม่ชอบทานขนมหวานเลย  เขาคิดว่าของหวานมีไว้สำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอกสามศอกเช่นเขา  แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พาเขามาทานขนมเค้กที่ร้านนี้ความคิดของเดรโกก็เปลี่ยนไปในทันที  ชายหนุ่มนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน  ตอนที่เขาเพิ่งชนะคดีความกับทางกระทรวงและรอดพ้นจากการถูกยึดทรัพย์มาอย่างหวุดหวิดเพราะความช่วยเหลือของเฮอร์ไมโอนี่ทนายสาวมือดีที่เขาจ้างมาทำคดีให้  จนบัดนี้เธอได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนของเขาแทน
หลังจากการพิจารณาคดีผ่านไปและเขาพ้นข้อกล่าวหาแล้ว  เดรโกก็รับปากว่าจะพาเฮอร์ไมโอนี่ไปเลี้ยงขอบคุณ  เขาบอกเธอว่าเธอสามารถพาเขาไปร้านไหนก็ได้ตามแต่เธอต้องการ  ในตอนแรกเดรโกคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเลือกร้านอาหารอิตาลี่ราคาแพง  หรือร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูบนโรงแรมห้าดาวให้คุ้มกับค่าเหนื่อยในการทำคดีที่ยากเย็นให้เขา  แต่ปรากฏว่าหญิงสาวกลับพาชายหนุ่มไปทานร้านอาหารจีนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งตรงหัวมุมถนนที่ดูไม่น่าเข้าเสียเลยในความคิดของเดรโกเมื่อเขาเห็นมันในตอนแรก [แต่หลังจากได้ลองทานแล้ว  เดรโกก็พบว่าอาหารของร้านนั้นอร่อยมากทีเดียว]
หลังจากทานอาหารจีนเสร็จแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็พาเขาไปทานขนมเค้กในร้านที่มีชื่อว่า ‘ ซัมซิงส์สวีท ’ ต่อ  ในตอนแรกเดรโกอยากจะปฏิเสธเพราะเขาเป็นคนไม่ชอบทานของหวานใด ๆ ทั้งสิ้น  แต่เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนเอ่ยปากบอกเธอเองว่าเธอสามารถเลือกร้านที่อยากจะทานได้ตามใจชอบ  ชายหนุ่มจึงไม่อาจพูดอะไรออกไปได้  เดรโกจำได้ว่าวันนั้นเขากับเฮอร์ไมโอนี่ยืนรอต่อคิวเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไปในร้าน  แต่ชายหนุ่มก็ไม่บ่นซักคำกับการรอคอยที่ออกจะไร้สาระบ้างก็ตามในความคิดของเขาตอนนั้น  แต่เดรโกกลับประท้วงออกไปเป็นครั้งแรกเมื่อเฮอร์ไมโอนี่สั่งเค้กเผื่อเขาที่นึง
ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงตอนนั้น

.................................................

 “เอาเค้กช็อกโกแลตครีมฟัดจ์สองที่ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับพนักงานเสิร์ฟหลังจากกวาดสายตาผ่านเมนูที่อยู่ในมือเพียงแค่แวบเดียว  ราวกับเธอคิดมาแล้วว่าต้องการสั่งอะไร
“นี่เธอจะกินคนเดียวสองชิ้นเลยเหรอ” เดรโกพูดอย่างทึ่ง ๆ เขาไม่รู้มาก่อนว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนโปรดปรานเค้กขนาดนี้  แถมหุ่นเพรียวบางของเธอจึงทำให้เขาดูไม่ออกเลยว่าเธอเป็นคนกินเก่งแต่อย่างไร
“ใครว่าล่ะ  ชั้นสั่งให้เธอต่างหาก” เธอพูด
“สั่งให้ชั้นทำไม ใครบอกว่าชั้นจะกินกัน” ชายหนุ่มพูดพลางวางแก้วชาในมือลง
“ลองซักนิดไม่เสียหายหรอกน่า  เค้กร้านนี้อร่อยจะตาย” หญิงสาวชวน
“ไม่เอาล่ะ  ชั้นไม่ชอบของหวาน  ชั้นว่าชั้นสั่งให้เค้าเอาอีกชิ้นใส่กล่องให้เธอดีกว่านะ” เดรโกทำท่าจะเรียกพนักงานเสิร์ฟเพื่อเปลี่ยนแปลงออเดอร์  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับพูดขึ้นมาก่อน
“มิน่าล่ะ  หน้าตาถึงเป็นอย่างนี้” เธอบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกชาขึ้นมาจิบ  เดรโกหันมามองเธอ
“หน้าตาชั้นเป็นยังไง” ชายหนุ่มถาม  นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่ยายหัวฟูนี่วิจารณ์เรื่องหน้าตาเค้าเนี่ย
“ก็หน้าบูดอยู่ตลอดเวลาไงล่ะ  คิ้วก็ขมวดกันจนแทบจะเป็นปมอยู่แล้ว” เธอพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “ตอนแรกนึกว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเสียอีก  ที่ไหนได้ก็เพราะไม่ยอมกินของหวานนี่เอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่เดรโกทำหน้างง ๆ
“ชั้นไม่กินของหวาน  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่หน้าชั้นบูดกัน” เขาถามขึ้นอย่างงง ๆ ในขณะที่หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์
“ยอมรับแล้วสิว่านายน่ะหน้าบูดอยู่ตลอดเวลาน่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เดรโกเพิ่งรู้ว่าเขาหลงกลเธอเข้าเสียแล้ว
“ยาย!.....” ชายหนุ่มกำลังจะย้อนเธอบ้าง  แต่เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเสิร์ฟเข้ามาเสิร์ฟเค้กเสียก่อน  เดรโกจึงได้แต่ทำปากขมุบขมิบออกมาคล้าย ๆ กับคำว่า ‘ ยายหัวฟู ’ มากทีเดียว
เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินจากไป  เฮอร์ไมโอนี่ก็หันมาจัดการเค้กของตนเองอย่างอารมณ์ดี  โดยมีเดรโกที่นั่งหน้าบูดอยู่ตรงข้ามเธอ  เขาไม่ยอมแตะเค้กตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย  จนกระทั่งหญิงสาวพูดขึ้น
“ทานซะสิ  เดี๋ยวหน้าเธอก็บูดไปมากกว่านี้หรอก”
“ชั้นไม่เห็นว่าการกินไอ้ขนมบ้านี่หรือไม่มันจะเกี่ยวกับหน้าตาของฉันตรงไหนเลย” เดรโกสวนขึ้นมา
“เกี่ยวสิ  การกินของหวานทำให้อารมณ์ดีรู้มั๊ย  แล้วจากการที่เธอไม่กินของหวานเลยแบบนี้  ชั้นก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นต้นเหตุให้เธอทำหน้าเครียดได้ตลอดเวลา” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น 
เดรโกอ้าปากจะเถียงว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย  ที่เขาทำหน้าเครียดอยู่ตลอดเวลานั่นก็เพราะ......เพราะ......ช่างเถอะ  ชายหนุ่มคิดพลางหลบตาเธอแล้วมองไปทางอื่น  เขาไม่ต้องการจะพูดออกไปหรอกว่าจริง ๆ แล้วที่หน้าตาเขาดูเครียดอยู่ตลอดเวลานั้นมันเป็นเพราะเขาไม่ค่อยจะมีความสุขกับชีวิตในช่วงที่ผ่านมานี้เท่าไหร่นัก
เดรโกหันกลับมาทางเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง  แล้วพบว่าเธอกำลังทานขนมเค้กอย่างเอร็ดอร่อย
“มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นมา 
“อยากรู้ก็ลองดูสิ” หญิงสาวพยักหน้าไปทางเค้กของเขาที่ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้อง
“ไม่ล่ะ....ชั้นให้เค้าเอาใส่กล่องให้เธอกลับไปทานที่บ้านดีกว่า” เขามองขนมเค้กตรงหน้าพลางนึกอะไรขึ้นมาได้ “เว้นแต่ว่า......” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“เว้นแต่อะไร” เธอถาม  มือหนึ่งถือส้อมค้างอยู่
“เว้นแต่เธอจะป้อนฉัน” ชายหนุ่มตอบพลางมองเธอด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับชั้นนะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่แหวขึ้นมา  ใบหน้าเป็นสีแดง
“ใครว่าชั้นรุ่นร่ามกัน  แค่ป้อนหน่อยเดียวเอง  ไม่สึกหรอหรอกน่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์  แต่เมื่อหญิงสาวมองเขาตอบด้วยสายตาแบบเดียวกับที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลใช้เปี๊ยบชายหนุ่มก็รู้ดีว่าเขาควรหยุดแกล้งเธอได้แล้ว
“โอเค ๆ ชั้นลองกินดูก็ได้” เดรโกพูดอย่างยอมแพ้  ก่อนจะส้อมจิ้มเค้กเข้าปาก

.................................................

“เดรโก  เดรโก!” หญิงสาวเรียก
“หือ” ชายหนุ่มตื่นมาจากภวังค์  เขาเผลอนึงถึงเรื่องราวเมื่อเกือบสิบปีก่อน  ตอนที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่มาทานเค้กที่ร้านนี้เป็นครั้งแรก  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่คนปัจจุบันมองเขาอย่างระอา
“เมื่อคืนนอนไม่พอหรือไง  ถึงได้ยืนเหม่อแบบนี้น่ะ” หญิงสาวแขวะเขา  เดรโกเลิกคิ้ว
“ชั้นไม่ได้เหม่อซะหน่อย  ว่าแต่เมื่อกี๊เธอพูดถึงไหนนะ” ชายหนุ่มพูด  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาด้วยสายตาราวกับจะพูดว่า ‘ เนี่ยนะไม่ได้เหม่อ! ’
ทั้งสองกำลังยืนต่อแถวซื้อขนมของร้านซัมซิงส์สวีทอยู่  ซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่เฮอร์ไมโอนี่พาเขามาทานเมื่อเกือบสิบปีก่อนแล้วแดรโกก็เริ่มติดใจของหวานตั้งแน่นั้นเป็นต้นมา
“เรากำลังเล่นเกมส์ทายใจกันอยู่  แล้วจู่ ๆ เธอก็เหม่อไปซะก่อน” เธอพูด  เกี่ยวแขนของเธอรอบแขนของเดรโกและพาเขาเดินตามแถวที่ร่นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองมายืนต่อแถวอยู่อย่างนี้เป็นเวลาว่า 15 นาทีแล้ว  แต่มันก็มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ  และเนื่องจากทั้งสองต้องรอนานขนาดนี้เดรโกเลยคิดเกมส์ขึ้นมาเล่นระหว่างที่เขาและเธอยืนรอต่อคิวอยู่  มันชื่อว่า ‘ เกมส์ทายใจ ’ พวกเขามักจะเล่มเกมส์นี้เสมอเวลาที่มาต่อแถวซื้อขนมร้านนี้
“แล้วเราเล่นถึงไหนแล้วล่ะ” ชายหนุ่มถามขึ้น  หญิงสาวมองหน้าเขา
“เธอกำลังทายว่าชั้นจะสั่งอะไร.......แล้วเธอก็ยังตอบไม่ถูกด้วย” เธอเสริมด้วยท่าทางนึกสนุก
“อืม.....ชั้นทายอะไรไปบ้างแล้วนะ” เดรโกทำท่าเหมือนเขากำลังใช้ความคิด “เค้กช็อกแลตครีมฟัดจ์ทายไปรึยัง”
“ไปแล้ว” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้ม
“งั้นอะไรดีล่ะ........ไวท์ช็อคโกแลตครีมเค้กรึเปล่า” เขาทาย  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า  แววตาของเธอดูขี้เล่นและซุกซนราวกับเด็ก ๆ
“อืม.......บราวนี่ครีมชีส” เขาลองอีกครั้ง  คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอีกหนเช่นกัน
“ของโปรดของชั้นนอกจากช็อกโกแลตครีมฟัดจ์ไง  จำไม่ได้เหรอ” เธอใบ้ให้  และเดรโกก็คิดออกทันที
“บลูเบอรี่ชีสเค้ก” เขาตอบ  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“เก่งมาก” เธอยิ้มให้เขา “คราวนี้ตาชั้นบ้างนะ.......อืม  ไวท์ช็อกโกแลตชีสเค้กรึเปล่า” เธอลองทาย  เดรโกส่ายหน้า  เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าคิดอีกรอบ
“อืม........คาปูชิโน่บัตเตอร์เค้กแน่เลย  เห็นเธอทำหน้าง่วง ๆ อยู่” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้ม
เดรโกส่ายหน้าอีกครั้ง  พลางเสริมว่า “ชั้นก็กินกาแฟไปแล้วตอนเช้านะ”
“อืม......งั้นก็คงไม่ใช่ไอริชคอฟฟี่เค้กด้วยใช่มั๊ย” เธอลองทายอีกครั้ง  และชายหนุ่มก็ส่ายหน้าอีกหน  นั่นยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่คิดหนักมากขึ้น
“มงต์บลังก์รึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ลองอีกที  แต่เดรโกก็ส่ายหน้าอีกจนได้
“ชั้นยอมรับนะว่าชั้นคิดจะสั่งมงต์บลังก์  แต่ชั้นเปลี่ยนใจเสียก่อน” เขาพูดพลางส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หญิงสาว
“งั้นอะไรอีกล่ะ” เธอพึมพำ  เท่าที่เธอทายไปมันก็จะหมดอยู่แล้ว  แต่เธอยังทายไม่ถูกเลยว่าเดรโกอยากสั่งอะไรในวันนี้ “ชีสเค้กแมคคาเดเมียราดบัตเตอร์สก็อต” เธอลองอีกครั้ง  คราวนี้เดรโกก็หัวเราะออกมา
“ไม่ถูกเลยเฮอร์ไมโอนี่  เฉลยดีกว่ามั้ง  แต่ความจริงเธอไม่น่าลืมเลยนะ  ท่าทางจะมือตกแล้วนะเนี่ย” ชายหนุ่มพูดยั่ว  หญิงสาวรีบยกมือห้ามเขา
“เดี๋ยว ๆ ๆ ยังก่อน” เธอกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดแบบเดียวกับที่เธอทำเวลาเจอคำถามยาก ๆ  ราวกับเธอต้องการเอาคำตอบที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากออกมา
“แบล็กฟอร์เรส!” เธอร้องออกมา  เดรโกยิ้มกว้างให้เธอ
“ในที่สุดก็ถูกซะที” ชายหนุ่มพูดพลางโอบไหล่เฮอร์ ไมโอนี่แล้วพาเธอเดินตามแถวที่เริ่มร่นขึ้นไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version