ผู้เขียน หัวข้อ: 07/10/09 รวมเรื่องลี้ลับ ผี !(เรื่องจริง) ที่คุณไม่เคยรู้ !! OoO  (อ่าน 1447 ครั้ง)

mameawiiz

  • มักเกิ้ล
  • *
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 45


ห้องน้ำชั้น 3
 
นักเรียนคนหนึ่งเปิดเผยเรื่องสยองขวัญในครั้งนี้ให้ ้ ฟังว่าห้องน้ำหญิงภายในอาคาร 3 ของโรงเรียนแห่งนี้ คงมีบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น นักเรียนหญิงทุกคนต่างล้วนรู้ดี และหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่เข้าห้องน้ำแห่งนี้เป็นอันขาด

 
                ด้วยความที่เป็นเรื่องเล่าปากต่อปากถึงความน่ากลัวมายาวนาน เหล่านักเรียนรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาก็ชอบที่จะลองของ หรือพิสูจน์ ซึ่งก็มักจะโดนดีทุกรายไป ไม่เว้นแต่อาจารย์ที่อยู่เวรยามค่ำคืนที่ต้องขนหัวลุกกลับบ้านกลางดึกอยู่หลายคน

              เหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นกับห้องน้ำนี้ เกิดขึ้นมาเมื่อต้นเทอมที่ผ่านมา นักเรียนใหม่คนหนึ่งเดินเข้าไปในช่วงเลิกเรียนคาบสุดท้าย ระหว่างที่กำลังทำภารกิจอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเคาะผนังจากห้องข้างๆ แต่พอส่งเสียงทักทาย เสียงเคาะนั้นก็เงียบหายไปทันที
             
จากนั้นไม่นานเสียงเคาะก็ดังขึ้นมาอีก จนนักเรียนคนนั้นเริ่มสงสัย และคิดในใจว่าต้องเป็นฝีมือเพื่อนแน่นอน จนตัดสินใจเปิดประตูออกมา แต่สิ่งที่เห็นกลับพบว่าทั้งห้องน้ำมีตนอยู่เพียงคนเดียว

              นักเรียนคนนั้นรีบล้างมือ เพื่อที่จะออกไปให้เร็วที่สุด แต่ขณะที่ล้างมืออยู่นั้นได้หันหน้าตรงมองไปที่กระจก และก็พบว่าในห้องน้ำที่ตนเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ ผนังด้านบนมีร่างคนใส่ชุดผู้หญิงโบราณไม่มีหัวนั่งอยู่ 2 คนซึ่งต่างกำลังใช้ขาแกว่งเคาะผนังห้องน้ำอยู่

              นักเรียนหญิงคนนั้นวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ซึ่งก็ได้คำตอบว่าห้องน้ำนี้รุ่นพี่ๆ เจอดีเกือบทุกคน บางคนเห็นแต่ขา บางคนได้ยินเสียงคนแก่ร้องโหยหวน ซึ่งจนทุกวันนี้ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า ข้างในนั้นในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์อะไรมาก่อน หรือเปล่า..


ไปไหมคะ ?

เรื่องราวความสยองขวัญที่เกิดขึ้นในลิฟท์ ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โรงเรียนแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับดอกบัว !

          เรื่องราวที่รอการพิสูจน์ในครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงประมาณทุ่มกว่าๆ เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมปลายห้องหนึ่งกำลังช่วยกันจัดบอร์ดด้านบนตึก และขณะนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งได้ขอตัวกลับบ้านก่อน ซึ่งก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินมาส่งที่หน้าลิฟท์

          ระหว่างที่รอลิฟท์ลงมาจากชั้นบนนั้น นักเรียนทั้งสองก็คุยกันเรื่องการบ้านของวันรุ่งขึ้น สักพักลิฟท์ก็เลื่อนลงมาถึง และทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกมานักเรียนทั้งสองที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงแทรกออกมาจากในลิฟท์ว่า “ไปไหมคะ”

         นักเรียนคนที่ขอตัวกลับบ้านจึงตอบกลับไปว่า “ไปค่ะๆๆ” จากนั้นนักเรียนทั้งสองก็ร่ำลากัน เพื่อนที่มาส่งก็กลับไปจัดบอร์ดนิทรรศการต่อ ขณะที่อีกคนก็เดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อกลับบ้าน

         เมื่อเข้าไปในลิฟท์นั้นแล้ว นักเรียนคนนั้นก็กดหมายเลขชั้น ก่อนประตูลิฟท์จะปิด และเลื่อนลงทันที ระหว่างที่ลิฟท์กำลังเลื่อนลงไปนั้น นักเรียนที่อยู่ในลิฟท์ก็เริ่มสังเกตดูรอบๆ และพบว่า "ตัวเองกำลังอยู่ในลิฟท์ลำพังเพียงคนเดียว !"

               แล้วเสียงผู้หญิงที่เอ่ยถามออกมาจากในลิฟท์ก่อนหน้านี้หายไปไหน และตอนนี้ทำไมในลิฟท์กลับมีตัวเราเพียงคนเดียว หรือแท้ที่จริงมีอีกคนอยู่ด้วย เรื่องราวในครั้งนี้พูดกันปากต่อปากจนกระทั่งไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าขึ้นลิฟท์ อีกเลย !


กลับดึก !

เรื่องราวชวนขนหัวลุกของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่หนึ่งในสี่ ขุนพลแอดมิชชั่นเรียลลิตี้ เรียนอยู่ !!

 

            โรงเรียนแห่งนี้มีองค์อุปถัมภ์เป็นเจ้าพระยา ซึ่งเหล่าคณาจารย์ และศิษย์ทุกรุ่น ต่างให้ความเคารพ และนับถือกันมากๆ จนกลายเป็นเรื่องราวชวนขนหัวลุกในครั้งนี้.. โดยเรื่องราวได้เกิดขึ้นเมื่ออาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งได้ตรวจการบ้านนักเรียนจนดึก

     ขณะที่กำลังนั่งตรวจการบ้านในห้องพักครูอยู่นั้น ท่านก็ได้ยินเสียงเดินเท้าของกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งราวกับว่า เสียงเดินเท้านั้นกำลังเดินมาใกล้ๆ ซึ่งท่านก็คิดในใจว่าคงเป็นอาจารย์ หรือนักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่ทำงาน ทำการบ้านที่โรงเรียนจนดึก

          เสียงเดินเท้า เริ่มดัง และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และขณะนั้นหางตาของอาจารย์ก็เริ่มรู้สึกว่า ที่ทางเดินด้านนอกห้องเรียน กำลังมีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินผ่านไป อาจารย์ท่านนั้นจึงตัดสินใจเงยหน้า และมองออกไปดูทันที !!

           สิ่งที่ได้พบเห็นนั้น ทำเอาอาจารย์เกือบหมดลมหายใจในทันที !! เพราะได้เห็นผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง สวมชุดราชการในอดีตราวกับท่านขุน กำลังเดินผ่านไป อาจารย์ท่านนั้นจึงตัดสินใจวิ่งออกมานอกห้องเพื่อลงไปชั้นล่างด้วยความตกใจ

          วันรุ่งขึ้น อาจารย์ท่านนั้นได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ อาจารย์คนอื่นฟังทันที และก็ได้คำตอบมาในทางเดียวกันว่า.. ผู้ชายร่างใหญ่ในชุดราชการอดีต ที่ได้เห็นนั้น คือ ท่านเจ้าพระยาองค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน ที่บ่อยครั้งอาจารย์ท่านอื่นๆ จะเห็นท่านเดินตรวจตราความเรียบร้อยในยามค่ำคืน ก่อนจางหายไป !!!
 


 




รุ่นพี่ที่แอบชอบ


เรื่องราวสยองขวัญซึ่งเป็นประสบการณ์ตรงของ น้องมาเรียน มาเล่าให้ฟังครับ เรื่องลี้ลับชวนหัวลุกเรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ย่านปริมณฑล ซึ่งปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นสหฯไปเรียบร้อยแล้ว จะน่ากลัวสั่นประสาทขนาดไหน ไปอ่านกันเลยครับ..

          เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยฉันเรียนอยู่ม.4 โรงเรียนในย่านปริมณฑล ซึ่งเป็นอดีตโรงเรียนหญิงล้วนประจำจังหวัด ในตอนนั้นมีรุ่นพี่ม.6 ในโรงเรียนเสียชีวิตไป1คน และรุ่นพี่คนนี้แกชอบเล่นบาสเอามากๆ ฉันเองชอบแอบมองพี่เขาอยู่บ่อยๆ เพราะพี่เขาหน้าตาดีมาก และเป็นขวัญใจของรุ่นน้องในโรงเรียนแทบทุกคน

          พี่เขาเป็นคนเรียนเก่งมาก และเหมือนเขารู้ว่าฉันกำลังแอบมองเขาอยู่ และจากนั้นไม่นานพี่เขาก็โดนรถชนที่หน้าโรงเรียน หลังจากได้ข่าวว่าพี่เขาเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ฉันเองตกใจมาก อึ้งเลยทีเดียว เพราะเมื่อวันก่อนพี่เขายังเข้ามาคุยกับฉันอยู่เลย และอีกไม่กี่อาทิตย์เรื่องที่ชวนขนหัวลุกมันก็เกิดขึ้นกับฉัน..




           ฉันเองก็เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ซึ่งก็ต้องอยู่ซ้อมจนถึงเย็น หรือมืดเลย และตึกที่น่ากลัวที่สุดของโรงเรียนก็คงไม่พ้น "ตึกวิทยาศาสตร์" เป็นตึกที่มีเรื่องเล่ามากมายสารพัด ฉันเองก็ไม่อยากจะเก็บเอามาคิดตอนนั้น และโรงยิมก็อยู่ตึกเดียวกับตึกวิทย์ซะด้วย ฉันเดินออกจากโรงยิมเพื่อที่จะอาบน้ำ ห้องน้ำตรงโรงยิมเกิดใช้ไม่ได้อีก ฉันเลยต้องเดินลงมาเข้าห้องน้ำอีกชั้นนึง

          ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะ 1ทุ่ม ฟ้ามืดแล้ว ไฟในอาคารต่างก็เริ่มถูกปิดลงทีละดวง ฉันเดินเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ ห้องน้ำมีอยู่ 2 ห้อง มีฉันเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องน้ำนั้น เมื่ออาบเสร็จ เสียงฝักบัวต่างเงียบกริบ ฉันรีบใส่เสื้อผ้าเพื่อที่จะรีบกลับบ้าน แต่อีกไม่นาน...สิ่งที่ฉันได้ยิน คือเสียงก๊อกน้ำที่เปิดอยู่ตรงอ่างล้างหน้า

          ฉันคิดในใจว่ายังมีคนเพิ่งซ้อมกีฬาเหลืออยู่นอกจากฉันอีกเหรอ? ฉันตะโกนออกไป "ใครเหรอ" แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันค่อยๆเปิดประตูออกมาดู แต่ก็ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น แถมก๊อกน้ำก็ถูกเปิดอยู่ ฉันเดินไปปิดก๊อกน้ำแล้วเริ่มมองซ้ายมองขวา มองเข้าไปในกระจกมีแต่ฉันเท่านั้นที่อยู่ในห้องน้ำ แล้วใครล่ะมาเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เล่นๆแบบนี้

          คราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกหวั่นๆขนเริ่มลุกชูชันขึ้นมาแล้ว ฉันรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องพักนักกีฬาเพื่อเก็บของกลับบ้าน ในห้องพักก็ไม่มีใครอีกเลยนอกจากฉันคนเดียวเท่านั้น ฉันรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าทันที แล้วรีบเดินออกจากห้องพักโดยเร็ว ในโรงยิมว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคน ถูกปิดไฟมืดไปหมด และเมื่อฉันกำลังล็อคห้องพักอยู่นั้นเอง มีเสียงเดาะลูกบาสดังออกมาจากโรงยิม ตุ่บ...ตุ่บ...ตุ่บ

          ฉันมองเข้าไป เพราะสงสัยว่าดึกป่านนี้ยังมีนักเรียนคนไหนมาเล่นบาสอยู่อีกเหรอ ฉันเปิดประตูโรงยิมเพื่อเข้าไปเปิดไฟ ก็เห็นแต่ลูกบาสที่เพิ่งถูกเดาะกำลังกลิ้งมาทางที่ฉันยืน ฉันมองตามลูกบาสลูกนั้น มองไปรอบๆโรงยิม แล้วฉันก็ได้เจอสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้ฉันถึงกับผงะ และตาค้าง ฉันเห็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียนเลือดท่วมตัว ยืนยิ้มให้ฉันอยู่ตรงแป้นบาส

          ฉันไม่รออะไรอีกต่อไปแล้ว ฉันคิดว่าวินาทีนั้นฉันคงต้องวิ่งสุดชีวิตแล้วล่ะ เช้าวันต่อมา ฉันตื่นสายจนทำให้มาเรียนไม่ทัน แต่ฉันก็ไม่ลืมเรื่องเมื่อวานที่ฉันเห็นได้เลย ฉันเล่าให้อาจารย์พละฟัง แต่ก็เหมือนกับไม่มีใครเชื่อฉันซักคน

          จนมีพี่ม.6 ที่เป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ที่ตาย เข้ามาบอกกับฉันว่า "เพื่อนพี่ที่ตาย มันชอบน้องมานานแล้วแต่มันไม่มีโอกาสบอก มันมาเข้าฝันให้พี่มาบอกน้องนี่แหละ มันมาหาน้องหรือยังล่ะ" ฉันยืนนิ่งไม่พูดอะไรกับพี่คนนั้น เพราะฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อวานนี้ที่โรงยิม ต้องเป็นรุ่นพี่ที่ฉันชอบเขาอยู่แน่ๆ และหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่กล้าออกจากโรงยิม ตอนมืดอีกเลย..



ห้องพยาบาล


เรื่องราวสยองขวัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านจังหวัดนนทบุรี โรงเรียนแห่งนี้เป็นสหศึกษา และที่สำคัญตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ วัด..

          มีนักเรียนผู้ชาย ม.ปลายคนหนึ่ง วันนั้นเกิดอาการไม่สบายขึ้นมา จึงขออนุญาตอาจารย์ไปทานยา และพักผ่อนที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน.. เด็กนักเรียนชายคนนั้นเล่าให้ฟังว่า.. ห้องพยาบาลของโรงเรียนจะแยกออกจากตึกเรียนเป็นหลังเล็กๆ และมีเพียงครูพยาบาลคนเดียวเท่านั้นที่ดูแลอยู่..

          ระหว่างที่กำลังทานยาอยู่นั้น เด็กนักเรียนคนดังกล่าวก็บังเอิญกวาดสายตามองไปที่เตียงนอนด้านในของห้องพยาบาล ก็รู้สึกสะดุดตากับสำรับอาหารชุดหนึ่ง.. ซึ่งมีลักษณะเหมือนเครื่องเซ่นตามสุสาน.. แต่นักเรียนคนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร และเดินเข้าไปนอนพักผ่อนในเตียงทันที..




          ระหว่างที่นอนไปได้สักพัก.. อาจารย์ห้องพยาบาลก็เดินมาบอกว่าจะไปสอนคาบสุขศึกษาหนึ่งชั่วโมง และให้นักเรียนคนนั้นอยู่คนเดียวไปก่อน.. ด้วยความที่ทานยาไปได้ไม่นานนี้ นักเรียนคนนั้นจึงเริ่มหลับไปในที่สุด..

          นักเรียนคนนั้นเล่าต่ออีกว่า.. ขณะที่นอนหลับนั้นได้ฝันถึง คนแก่ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างเสียงดัง.. แต่ไม่ใช่ภาษาคน เป็นภาษาอะไรไม่รู้ที่ฟังไม่ออก.. ในฝันนักเรียนชายคนนั้นพยายามไม่สนใจแต่เสียงคนแก่คู่นั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆๆ..

          เหตุการณ์ในความฝันนักเรียนคนนั้นเริ่มทนฟังไม่ไหว จึงพยายามวิ่งหนีๆๆ แต่ระหว่างทางที่วิ่งไปก็พบคนแก่คู่นั้นตลอดเวลา.. รวมถึงพบคนแก่หลายๆ คู่เต็มไปหมด.. และเสียงคุยกันของคนแก่คนอื่นๆ ก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบฟังไม่ได้..

         ระหว่างที่ในฝันกำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตอยู่นั้น นักเรียนชายดังกล่าวก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการหวาดกลัว เขาลืมตาตั้งสติได้สักพัก จึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่งบนเตียง.. และทันที่ลุกขึ้นมาได้สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้านั้นก็คือ คนแก่แต่งกายชุดโบราณจำนวนมาก กำลังแย่งกินอาหารในเครื่องเซ่นในห้องพยาบาลอยู่..

          วินาทีนั้นนักเรียนชายคนดังกล่าววิ่งกระโจนข้ามหัวคนแก่เหล่านั้นไปยังไม่คิดชีวิต ก่อนที่จะออกไปเล่าเรื่องราวที่พบเห็นมาให้อาจารย์ท่านอื่นๆ ได้ฟัง.. ซึ่งอาจารย์แต่ละท่านก็ไม่พูดอะไร นอกจากพาเด็กนักเรียนคนนั้นมาไหว้เครื่องเซ่นที่ห้องพยาบาลในวันรุ่งขึ้น..

          เรื่องราวในครั้งนี้ถูกเล่าต่อในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว จนสร้างความสงสัย และความหวาดกลัวให้กับนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้เป็นอย่างมาก จนไม่มีใครกล้าเข้าห้องพยาบาลอีกเลย แต่ไม่ว่าจะเกิดกระแสออกมาด้านไหน อาจารย์แต่ละท่านก็ไม่ยอมเปิดเผยถึงเรื่องราวที่น่าสงสัยแม้แต่คนเดียว แถมยังมีการจัดเครื่องเซ่นมาไหว้อยู่เสมอทุกวัน !


ตึก 2 สยองขวัญ

เรื่องราวที่รอคอยการพิสูจน์ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ.. โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่เหล่านักเรียน ม.ต้น หลายๆ คนใฝ่ฝันไว้ และมีชุดพลศึกษาเป็นสีกรมท่าล้วน..

 

            โรงเรียนแห่งนี้มีอาคารตึกเรียนอยู่หลายตึก ซึ่งบางตึกก็จะมีทางเชื่อมโยงเข้าหากัน.. โดยเฉพาะระหว่างอาคาร 2 และอาคาร 3 ซึ่งมีทางเชื่อมเป็นทางใต้ดิน.. และเรื่องราวความน่ากลัวของเรื่องลี้ลับในครั้งนี้ ก็เกิดขึ้นในทางเชื่อมใต้ดินแห่งนี้แหละครับ..

 

              ปัจจุบันทางเชื่อมใต้ดินแห่งนี้ถูกปิดตายมานานหลายปี บางฤดูกาลก็ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถลงไปได้.. จนกระทั่งล่าสุดมีนักเรียนกลุ่มหนึ่ง เกิดอุตริอยากรู้ว่าอุโมงค์ทางเชื่อมแห่งนี้ มีอะไรอยู่ พวกเขาจึงตัดสินใจรวมกลุ่มกันลงไปดูหลังเลิกเรียน.

            ทันทีที่ลงไปด้านล่าง ทั้งหมดก็ได้พบกับความมืด ไฟฉายที่เตรียมมาจู่ๆ ก็ดับแบบไม่มีสาเหตุ ขณะที่ไฟแช็ค และไม้ขีดไฟ ก็จุดไม่ติด ซึ่งหลายคนมองว่าอาจเป็นเพราะอากาศชื้น..

        แต่ด้วยความพยายามเด็กกลุ่มนั้นจึงขึ้นไปหาไฟส่องสว่างแล้วลงมาอีกครั้ง.. ซึ่งก็ได้ผล เพราะตลอดเวลาในอุโมงค์ทางเชื่อม ก็ไม่มีเหตุการณ์ไฟดับ.. พวกเขาเดินไปได้ซักพักพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนกำลังพูดคุยกัน.. แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง..

            จากนั้นเดินเข้าไปอีกนิด แสงไฟก็ส่องไปเจอห้องๆ หนึ่ง.. ซึ่งในห้องนั้นมีโต๊ะเก่าๆ ตัวหนึ่งวางอยู่กลางห้อง.. และสิ่งที่เห็นก็คือ.. มีเงาดำๆ คล้ายกับคนใส่ชุดทหารญี่ปุ่น กำลังเดินไปเดินมา ราวกับว่ากำลังประชุมหารืออะไรกันอยู่.. และทันทีที่ได้เห็น พวกเขาก็รีบวิ่งขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต..

           นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เรื่องนี้ก็กระจายไปเข้าหูนักเรียนคนอื่นๆ ในโรงเรียน.. ซึ่งต่างก็แสดงความเห็นกันว่า หลายครั้งที่ต้องเดินผ่าน ตึก 2 ที่เป็นต้นกำเนิดทางเชื่อมในเวลากลางคืน ก็มักจะได้ยินเสียงรองเท้าคอมแบตของทหารเดินวนเวียนอยู่เป็นประจำ..


เพลงลบหลู่


เกิดขึ้นที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี โรงเรียนแห่งนี้มี 5 พยางค์ และเป็นโรงเรียนประจำ

            เหตุการณ์ชวนสยองเริ่มต้นเมื่อนักเรียนประจำซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน 2 คน นึกขึ้นมาได้ก่อนเข้านอนว่า ได้ลืมสมุดการบ้านทิ้งไว้ที่ห้องเรียน ซึ่งอยู่บนตึกเรียนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นตึกที่ผีดุที่สุดในโรงเรียน โดยเฉพาะในห้องนาฏศิลป์ และห้องวิทยาศาสตร์

        แต่ด้วยความจำเป็นนักเรียนทั้งสองจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนตึกเรียนเพียงลำพัง ขณะที่บรรยากาศบนตึกนั้นก็ถูกปิดไฟมืดสนิทเกือบทั้งตึก เหลือไว้บริเวณห้องน้ำเท่านั้น สร้างอารมณ์ชวนวิ่งหนีให้กับนักเรียนสองคนนั้นเป็นอย่างมาก

                    ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปบนตึกนั้น นักเรียนทั้งสองก็พบเจอกับความเงียบสงัดไปตลอดทาง พวกเขสจึงตัดสินใจร้องเพลงเน้นเสียงดังเพื่อคลายความเงียบ และสร้างบรรยากาศ โดยเพลงที่ร้องก็ขนมาหมดตั้งแต่เพลงมาร์ชโรงเรียน ยันเพลงชาติไทย

                  ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางขึ้นมาถึงห้องเรียน และได้เข้าหยิบสมุดการบ้าน ช่วงจังหวะนั้นพวกเขาทั้งสองเริ่มรู้สึกว่า นอกห้องเหมือนมีคนเดินวนไปวนมาอยู่รอบๆ จนบางครั้งก็เหมือนจะเห็นคนเดินอยู่จากหางตา ทั้งสองรีบหยิบสมุด และรีบลงจากตึกนั้นทันที

                       ระหว่างทางลง ขณะที่เพื่อนคนหนึ่งกำลังแหกปากร้องเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศอยู่นั้น เพื่อนอีกคนหนึ่งเกิดได้ยินเสียงแว่วมาในหูว่า “ช่วยด้วยยยยย” เสียงนั้นเป็นเสียงโหยหวน เย็นๆ ทันใดนั้นจึงสะกิดบอกให้เพื่อนอีกคนเงียบ และเงี่ยหูฟังพร้อมกัน

         ขณะที่กำลังตั้งใจฟังอยู่นั้น เสียงที่ว่า “ช่วยด้วยยยยย” ก็ดังออกมาอีกครั้ง คราวนี้มาอย่างต่อเนื่อง และชัดเจนมากขึ้น จังหวะนั้นนักเรียนทั้งสองไม่รอฟังอะไรอีกแล้ว วิ่งลงและหนีออกจากตึกทันที จนครูเวรด้านล่างเห็นถึงกับเรียกไปตำหนิ

           ผ่านพ้นเหตุการณ์คืนนั้นไปนักเรียนทั้งสองนำเรื่องไปเล่าให้คุณครูที่สนิทฟัง ก็ได้รับคำตอบมาว่า คงเป็นพ่อครูแม่ครูนาฏศิลป์ที่โกรธ และออกมาเตือน เพราะนักเรียนทั้งสองร้องเพลงส่งเสียงดัง ซึ่งถือเป็นการลบหลู่ท่าน !!



ใครเดินตามมา

เรื่องราวสุดแสนจะน่ากลัวเกินคำบรรยายของ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต ที่ไม่น่าเชื่อว่าสถาบันแห่งนี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า จนเป็นที่มาของเรื่องลี้ลับในสถาบันของวันนี้..คำเตือนใครที่อยู่คนเดียว ไม่ควรอ่าน..แต่สำหรับคนที่มั่นใจว่าพร้อม ไปสัมผัสกับเรื่องลี้ลับจากเจ้าตัวกันเลยครับ..

          เรื่องลี้ลับนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง แถบรังสิต เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนเราเรียนอยู่ปีสอง เป็นเหตุการณ์ติดตาที่เราไม่มีวันลืม

          หอของเราเป็นหอที่เรียกได้ว่าโอเค อยู่ในเขตมหาวิทยาลัย และเป็นหอที่สร้างในลักษณะยันต์ ในที่นี่หมายถึงการวางรูปแบบหอเป็นยันต์ และรุ่นพี่บอกตลอดว่าตึกของเราเป็นตึกที่น่ากลัว เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าน่ากลัวยังไง ก็อยู่มาตั้งปีหนึ่งแล้ว ไม่เคยมีไร หรือเห็นอะไรเลยนะ

          ช่วงนั้นเราเพิ่งไปพบหมอดูมา หมอท่านบอกว่าช่วงนี้ดวงไม่ดี การเรียนไม่ค่อยรุ่ง ออกจะร่วง ซึ่งก็จริงเลย คะแนนปลายเทอมไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งหมอดูท่านก็แนะนำให้ไปสะเดาะห์เคราะห์กับคนตาย ด้วยความที่เชื่อ และก็คิดว่าทำไปไม่เสียหลาย ถือว่าเพื่อความสะบายใจ ก็ได้จัดแจงไปทำบุญตามสั่งกับเพื่อนมา


เราคิดว่านี่แหละ คือสาเหตุที่ทำให้เราใกล้ชิดกับเรื่องสัมผัสที่ 6 ไปเลย อย่างแรกที่เราเจอก็คือ

            1.เรื่องลิฟต์ วันนั้นเราจะออกไปข้างนอกหอ เราก็เข้าไปในลิฟต์ กดลงชั้น1 แต่มันก็ยังอยู่ชัน7 เหมือนเดิม แล้วอยู่ดีๆประตูลิฟต์มันก็เปิดออก เราก็เหวอมากๆ ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรกดปิดใหม่ จากนั้นก็กดชั้น1 แต่มันก็ยังอยู่ที่ชั้น 7 อีกเหมือนเดิม..เริ่มเครียด แต่ก็คิดนะว่าสงสัยคงจะขัดข้อง ไม่เป็นไร กดใหม่ แต่ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม เราเลยตัดสินใจวิ่งลงบันไดมาเองเลย วิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลย..

          พี่ยามที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างล่าง ตรงบันไดหนีไฟ ทำหน้างงๆ แล้วก็ถามว่า "น้องพาใครขึ้นข้างบนโดยไม่ได้รับอนุญาติ ไม่ยอมแลกบัตร" เราถึงกับงงมาก เราบอกไปว่าเปล่าไม่มี ไม่ได้พาใครขึ้นไป เราก็อยู่กับรูมเมทของเรา แล้วพี่ยามเขาก็พูดต่อว่า "อ้าวเมื่อกี้พี่ยังเห็นเขาเดินตามหลังน้องมาอยู่เลย" เรานี่สุดยอดหลอนมาก กลัวจนหน้าซีด แล้วเขาก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ทีหลังห้ามพาคนนอกขึ้นหออีกนะ ไม่งั้นพี่จะแจ้งอาจารย์" ตอนนั้น..เราแบบไม่รู้จะพูดยังไงต่อดีเลย..หลังจากนั้นเราเอาไปเล่าให้รูมเมทเราฟัง เขากลับบอกว่า เขาคงตาฝาด เราก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

            2.ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบปลายภาคพอดี เราเพิ่งเรียนวิชาเอกใหม่ๆ จำได้ว่ามันต้องขยันมากๆ อ่านหนังสือดึกจนเกืบตีสี่ทุกคืน คืนนั้นฝนตกหนัก เรากับรูมเมทเลยตกลงกันว่าจะไม่เปิดแอร์ จะเปิดผ้าม่าน และมุ้งลวดทิ้งไว้ อากาศเย็นดีมากๆ พอเที่ยงคืนเมทเราก็หลับ เราก็อ่านหนังสือต่อ แต่พอผ่านไปประมาณตีหนึ่งเกือบตีสองก็เริ่มง่วง แบบฝืนไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องไปนอน

          ห้องเราเป็นห้องสองคน เมทเรานอนติดฝั่งระเบียง ส่วนเรานอนฝั่งกระจกซึ่งเราไม่ชอบเลย แต่เรื่องมันไม่ได้เกิดตรงกระจก ตอนนั้นเรากำลังอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น นอนหันหน้าไปทางระเบียง เราก็เห็นสีดำยาวๆ คล้ายผม ซึ่งตอนนั้นคิดว่าต้องเป็นผมคน และมีคนยืนตรงระเบียงแน่นอน เราเลยหันกลับไปทางกระจก ตอนนั้นตานี่สว่างแน่นอน ชั่งใจว่าจะหันไปอีกทีดีไหม เอาว่าให้ชัวร์ หรือมั่วนิ่ม ตอนนี้ตาสว่างแล้ว พอหันไปอีกที สิ่งที่เห็นก็ยังคงอยู่ ผมยาวสีดำเด่นชัดมากๆ เราเลยมุดในผ้าห่ม ไม่กล้าไปปลุกรูมเมท

          หลังจากนั้นเราก็รีบไปทำบุญครั้งใหญ่เลย ที่วัดแถบนั้น แบบไม่ไหวแล้ว น่ากลัวมาก ซึ่งหอตรงนั้นเป็นหอที่เฮี้ยน เพราะมีคนบอกว่าเคยเป็นสุสานอิสลาม หรืออะไรทำนองนี้มาก่อน การวางรูปแบบหอก็เลยเป็นรูปยันต์แขก สังเกตุได้ว่างวิธีเรียงหอ เขาจะงงๆ หากันไม่ค่อยเจอ ถ้าไปอยู่แรกๆ

          เป็นเรื่องลี้ลับอีกเรื่องหนึ่งที่เสียวสันหลังได้ไม่น้อยนะครับ..หากเรากำลังเดินเข้าบ้าน เดินขึ้นบันได กำลังอาบน้ำ หรือนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เราจะรู้หรือไหมว่า มีใครเดินตาม หรือนั่งอยู่ด้านหลังเราหรือเปล่า..แล้วเราจะกล้าหันไปดูหรือไม่..




พอเท่านี้ก่อนล่ะกันนะคะ ^^ (คนลงขนลุกเเล้ว) เเหะ ๆ

เครดิต www.dek-d.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม 2009, 12:37:23 pm โดย mameawiiz »

PON EILEEN SNAPE

  • LOVE HARRY POTTER ALWAYS
  • นักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ปี 3
  • ********
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 605
  • I LOVE SEVERUS SNAPE
บางเรื่องก็เคยอ่านมาบ้างแล้วค่ะอย่างเช่น ห้องน้ำชั้น 3 , รุ่นพี่ที่แอบชอบและก็ ใครเดินตามมา

แต่อ่านกี่รอบๆก็ยังขนลุกเหมือนเดิม ขอบคุณที่นำมาฝากนะค่ะ

หมั่นโถว

  • Love only you,Harry...
  • ผู้วิเศษเลือดบริสุทธิ์
  • *****
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 212
  • {{...LoVe U 4eVeR...}}
หลอนได้ใจมากๆเลยค่ะ
น่ากลัวมากเลย :o
ขอบคุณนะคะที่นำมาฝากกัน...

leeonalove

  • มักเกิ้ล
  • *
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 27
น่ากลัวมากแล้ววันนี้จะกล้าหลับตางได้ไหมเนี้ย

แล้วเราก็คงไม่กล้าเล่นคอมตอนดึกแล้วแหล่ะ

ก็เล่นลงท้ายอย่างนั้นเลยอ่ะ

 :o :o :o :o

อัลบัส เต้ ดับเบิ้ลดอร์

  • อิอิอิอิ 555+ งิงิงิ
  • ผู้วิเศษเลือดผสม
  • ****
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 157
  • ผม อัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ ครับ
 :o  :'( น่ากลัวงะ
เตเต้เองครับ

ooa

  • สควิบ
  • **
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 80
ผีนะ กลัวกว่าสิ่งอื่นใด

 >:(

ChelseaFC_FiFA_118726

  • Status : คิดถึง PSW Family ทุกคนนะครับ ; )
  • มนุษย์หมาป่า
  • ******
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 293
  • Status : This's Bad
    • www.chelseafc.com
ปกติ!!! ผมจะเป็นคนจิตหลอนอยู่แล้ว  แต่ยิ่งอ่านข้อความเนี่ย โห บอกไได้อย่างเดียว น่ากลัวชิบหาย  :o

 

SMF spam blocked by CleanTalk