ตอนที่ 1
แสงแดดยามเช้าสาดส่องสะท้อนทุ่งนาอันเต็มไปด้วยรวงข้าวสีทองซึ่งพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อนๆ
สวยงามราวกับคณะบัลเล่ต์กำลังเริงระบำไปพร้อมกับเสียงเพลง เสียงนกร้องเพลง เสียงไก่ขันและเสียงสุนัขไล่กวดกันดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ พื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญแห่งนี้และดูสงบ ร่มรื่น ปราศจากความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น บ้านคนที่อาศัยอยู่แทบจะนับหลังได้ แล้วแต่ละหลังก็ล้วนแปลกประหลาด ไม่เหมือนบ้านของคนทั่วๆไป
ยกตัวอย่างเช่น บ้านน้อยสีเขียวไข่กาของนายอดัม ริทสันและครอบครัว บ้านของเขานั้นแลดูเหมือนเล้าไก่มากกว่าบ้านคนเข้าไปทุกที บริเวณรอบๆบ้านเต็มไปด้วยมูลของสัตว์หน้าตาประหลาดๆที่พวกเขาขนมันเข้าไปอาศัยด้วยในบ้าน สัตว์ประหลาดเหล่านี้มักจะส่งเสียงร้องดังจนเป็นที่รบกวนของเพื่อนบ้านอยู่เสมอแต่ริทสันก็ไม่เคยคิดจะหาทางแก้ปัญหานี้เลย ตรงกันข้าม เขากลับมีท่าทางภูมิใจเสียด้วยซ้ำ !
นอกจากนี้ยังมีบ้านของอเล็กซ์ รอปเปอร์ ชายโสดผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามไร้ที่ติ ผิวของเขาขาวสะอาดเสียจนแลดูซีด เขาอาศัยอยู่คนเดียวในคฤหาสน์สีเบศที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ไม่ค่อยออกมาจากบ้านบ่อยนัก(หรือไม่เคยออกมาเลย)ยกเว้นเสียแต่ในเวลากลางคืน หลายๆคนเชื่อว่าเขเป็นผีดูดเลือด !
แต่นี่ยังไม่น่ากลัวเท่ากระท่อมหลังน้อยของแม่เฒ่าเจสซิกาที่ชอบอาศัยอยู่กับแมวดำหลายสิบตัว แม่เฒ่าเจสซิกาไม่ค่อยจากบ้านบ่อยนักเพราะทุกครั้งที่แกออกจากบ้าน จะมีคนตายอยู่เสมอ ! ใครก็ตามที่เห็นแม่เฒ่าเจสซิกาจะต้องตาย !
แต่คาดไม่ถึงว่าในหมู่บ้านชนบทที่มีแต่คนพิลึกๆแห่งนี้จะยังมีครอบครัวหนึ่งที่ท่าทางเป็นมิตรและสนุกสนาน ทุกคนในบ้านล้วนมีรอยยิ้มไว้แจกจ่ายให้กับทุกๆคน
บ้านสองชั้นปลูกด้วยไม้สนทาสีส้มเข้มซึ่งสะท้อนแสงแรงแข่งกับแสงอาทิตย์ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มีสวนดอกไม้เล็กๆอยู่ที่หน้าบ้านและมีสนามหญ้าตัดเล็มไว้อย่างสวยงามหมดจด และเมื่อสังเกตดูดีๆจะเห็นป้ายเล็กๆที่แขวนไว้ใกล้กับตู้รับจดหมายทำให้เราทราบได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของตระกูล ‘วีสลีย์’
ประตูบ้านเปิดผางออก หีบใบใหญ่ 2 ใบลอยออกมาช้าๆเหมือนนกที่กำลังโบยบิน ชายผมแดง ใบหน้าตกกระมาก รูปร่างสูงเก่งก้าง อายุสักประมาณ 39-40 ปีคนหนึ่ง เดินตามหีบออกมาจากบ้าน ในมือชูไม้กายสิทธิ์บังคับหีบให้ลอยไปด้วยท่าทางเกียจคร้าน และในที่สุดเขาก็สั่งให้หีบลงไปอยู่ด้านหลังรถเก๋งที่จอดอยู่หน้าบ้านได้สำเร็จ
“เฮ้ ! เร็วหน่อย !” ชายหนุ่มหันไปตะโกนเร่งคนอีกสามคนที่เพิ่งออกมาจากบ้าน
หญิงสาวผมหยิกฟูสีน้ำตาลในวัยไล่ๆกับเขากำลังรีบก้าวเร็วมาพร้อมกับเด็กชายผมแดง ตัวผอมและรูปร่างสูงเหมือนกับพ่อ
“โรส !” หญิงสาวหันไปตะโกนเชิงถามไปหาลูกสาวคนโตที่อยู่ก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
“แป๊บนึงค่ะแม่ ! หนูลืมของ !” เด็กสาววัยรุ่นหันมาตะโกนบอกแม่ เธอมีผมสีแดงและหยิกเป็นลอน รูปร่างไม่สูงมากแต่หน้าตานั้นเข้าขั้นน่ารักทีเดียวเชียว
เมื่อทุกคนในครอบครัวมาพร้อมกันหมดแล้วหัวหน้าครอบครัวหรือที่จริงแล้วเขาก็คือ รอน วีสลีย์ จึงได้เริ่มสต๊าทรถแล้วกดปุ่มบางอย่างที่ทำให้รถหายไปแล้วมาปรากฏอีกทีที่ชานเมืองลอนดอน
“เมื่อกี๊นี้ลูกลืมอะไรน่ะโรส”หญิงผมฟูที่มีชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่ วีสลีย์ หันถามลูกสาวขณะที่รถกำลังออกวิ่ง
“ตราพรีเฟ็คน่ะค่ะ”โรซี่ตอบแม่ ในขณะที่น้องชายของเธอ ฮิวโก้เริ่มเบ้ปากด้วยความหมันเขี้ยวพี่สาว โรซี่เพิ่งได้รับตราพรีเฟ็คของฮอกวอร์ตมาในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความปลื้มปีติให้แก่รอนและเฮอร์ไมโอนี่มาก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”ผู้เป็นพ่อเริ่มต้นหัวเราะขบขันขณะขับรถ “หนูนี่ไม่เหมือนลุงเพอร์ซี่เลยนะ ลุงนั่นน่ะไม่เคยห่างจากตราเลยนับตั้งแต่ได้มันมา”
“เอ๋...ลุงเพอร์ซี่ก็เคยเป็นพรีเฟ็คด้วยหรอคะ”
“ฮื่อ..ใช่ แล้วเขาก็ได้เป็นประธานนักเรียนด้วย”
“ลุงบิลก็เหมือนกันนะจ๊ะ”เฮอร์ไมโอนี่เสริม
“ว้าว !”โรสอุทานด้วยความรู้สึกทึ่ง พลางนึกในใจว่าตัวเองจะได้เป็นเหมือนลุงๆบ้างไหมหนอ
“เธออยากเป็นเหมือนพวกลุงล่ะสิ พนันได้เลย”ฮิวโก้หันไปสบประมาท
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ”โรสท้าทาย
“เชอะ !”ฮิวโก้ทำเสียงดูหมิ่น “เป็นพรีเฟ็คไม่เห็นจะเท่ห์เลย ฉันว่าเป็นกัปตันทีมควิดดิชเหมือนอย่างเจมส์น่ะเท่ห์กว่าตั้งเยอะเลย”
“หา ?”รอนทำเสียงสงสัยขัดเข้ามา “เจมส์ ? ลูกหมายถึงเจมส์ พอตเตอร์น่ะรึ”
“ใช่แล้วฮะพ่อ”ฮิวโก้มีน้ำเสียงดีใจ เขารีบยื่นหน้าเข้าไปคุยกับพ่อที่หน้ารถ ที่จริงแล้วช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เขาได้รับการสนใจจากพ่อ แม่น้อยลงเพราะว่าโรซี่ได้รับตราพรีเฟ็ค
“เจมส์ญาติเรานี่แหละฮะ เขาเขียนจดหมายมาเล่าให้ผมฟัง ยอดไปเลยว่ามั้ยฮะกัปตันทีมเนี่ย ผมว่าปีนี้ผมคงโดนฝึกหนักเชียวถ้ามีคนอย่างเจมส์มาเป็นกัปตัน” ฮิวโก้สอดใส่น้ำเสียงรักใคร่ในตัวลูกพี่ ลูกน้อง เขาเองก็เป็นหนึ่งในทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ที่เล่นในตำแหน่งคีปเปอร์
“แฮร์รี่คงจะภูมิใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลยนะฉันว่า” รอนหันไปพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
เธอยิ้มกว้างพร้อมกับพูดว่า “อื้ม...มหัศจรรย์จังเลยเนอะ ตัวเขาเองก็เคยเป็นกัปตัน พ่อของเขาก็เคย แล้วนี่ลูกของเขาก็ยังได้เป็นอีกสมัย”
“ฮ่ะๆ พวกพอตเตอร์นี่สุดยอดจริงๆเลยเนอะ”
“พูดถึงพอตเตอร์...นี่หนูบอกพ่อกับแม่รึยังคะว่าอัลบัสก็ได้เป็นพรีเฟ็ค”จู่ๆโรสแทรกขึ้นมา
“จริงเหรอ!”ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่ถามพร้อมกัน
“ค่ะ อัลเค้าเขียนจดหมายมาบอกหนู”
“เขาสมควรเป็นแล้วแหละ เฮ้อ..คนเก่งของป้า”เฮอร์ไมโอนี่รำพึง
“ให้ตายสิ ! ทั้งกัปตันทีมควิดดิช ทั้งพรีเฟ็ค ทำไมหมอนั่นไม่เคยบอกเราซักคำนะ”รอนบ่นถึงเพื่อนรักข้นมาอย่างน้อยใจ
“เขาคงไม่ค่อยมีเวลาน่ะรอน งานเขายุ่งจะตายเธอก็รู้นี่”เฮอร์ไมโอนี่ปลอบ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะแต่ช่วงนี้แฮร์รี่ไม่ค่อยได้ติดต่อเราเท่าไหร่เลยนะ”
“ก็เพราะว่าเขาไม่เคยมีเวลาว่างเลยน่ะสิ เธอก็รู้ดีนี่ว่าเป็นมือปราบมารน่ะยุ่งขนาดไหน ยิ่งตอนนี้มีพวกกองโจรวอลลัล คอยก่อกวนอยู่เรื่อย พวกมือปราบมารเลยยุ่งกันใหญ่ ไม่ต้องถามถึงแฮร์รี่ที่เป็นหัวหน้าหรอก เธอรู้มัยว่าตอนนี้เขาน่ะผอมยิ่งกว่าตอนเป็นนักเรียนอีกรอน”
เมื่อได้ยินเฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างนี้แล้วสีหน้าของรอนก็เจือนลงเพราะความห่วงใยในสุขภาพของแฮร์รี่
ทั้งครอบครัวมาถึงสถานีรถไฟในเวลา 10 โมงครึ่ง รอนวิ่งไปเอารถเข็นมาให้ลูกทั้ง 2 แล้วรีบพาทุกคนทะลุผ่านกำแพงไปยังชานชลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นจินนี่ทันทีที่บริเวณหันขบวนรถไฟ
เธอกำลังยืนอยู่กับลูกๆทั้งสามคือ เจมส์ อัลบัสและลิลี่ เจมส์นั้นกับเหมือนฮิวโก้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อภายในเวลาแค่ 2 เดือน เขาสูงเลยแม่ไปเยอะแล้วและก็ดูหล่อเหลาอย่างไม่ต้องตั้งใจทำอีกด้วย ตอนนี้เขากำลังยืนเขย่งเท้าไปมาพร้อมกับยืดคอมองราวกับกำลังมองหาใครสักคนอยู่ ส่วนอัลบัสนั้นก็คงหน้าเหมือนแฮร์รี่ได้อย่างไร้ที่ติเช่นเดิม เขากำลังแกล้งชูตุ๊กตาของเล่นบางอย่างของลิลี่ขึ้นสูงเพื่อไม่ให้ลิลี่เอื้อมถึง
ลิลี่นั้นก็เหมือนจินนี่มากเท่าๆกับที่อัลบัสเหมือนแฮร์รี่
“พอได้แล้วอัลบัส ! คืนของให้น้องไปซะ!” จินนี่พูดกับอัลบัสอย่างหมดความอดทนก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นเฮอร์ไมโอนี่และครอบครัว “อ้าว!ฉันรอตั้งนานแน่ะ”
“ที่รัก!”เฮอร์ไมโอนี่ฉีกยิ้มกว้างเข้าไปกอดจินนี่ จากหญิงทั้งสองก็แลกจูบแก่กัน
“สวัสดีครับ/ค่ะ”พวกเด็กๆทักทายญาติผู้ใหญ่กัน
“แล้วแฮร์รี่อยู่ไหนล่ะ”รอนหันมาถามน้องสาว
“เขาไม่ได้มาหรอกวันนี้ เมื่อเช้าเขารีบออกไปจากบ้านตั้งแต่ยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยเพราะว่ามีคนมาป่วนกระทรวงน่ะ”จินนี่เล่าด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนนัก ทว่าเฮอร์ไมโอนี่กลับตกใจเสียจนพูดแทบไม่ทัน
“หา ! จริงเหรอ ! ใครกันนะที่ทำเรื่องแบบนี้!”
“ฉันว่าอาจจะเป็นมาร์คัส ฟินต์น่ะ หมอนี่วางตัวเป็นปรปักษ์กับรัฐมนตรีมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วพวกเธอก็รู้ แล้วเขาก็เกลียดแฮร์รี่ด้วย ครั้งล่าสุดนี่แฮร์รี่จับได้ว่าเขาแอบค้าสินค้าศาสตร์มืดที่เป็นอันตรายต่างๆไว้เยอะจนเขาเกือบได้ไปอัซคาบันแล้ว ทำให้ฟินต์ทวีความแค้นไปอีก เขาถึงได้พาพรรคพวกมาป่วนกระทรวงในตอนดึกแล้วยังทำลายห้องทำงานของแฮร์รี่ให้เละเป็นโจ๊กเลยไงล่ะ” จินนี่ทำสายตาเครียดแค้นประกอบในตอนท้าย
“ทำไมตาแก่ฟินต์ถึงได้เกลียดพ่อนักล่ะครับ”เจมส์ถามขึ้นมาด้วยอารมณ์แค้นตาม
“เขาไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ เพราะแฮร์รี่เล่นควิดดิชเก่งทำให้ทีมกริฟฟินดอร์ชนะบ่อยๆ ฟินต์ที่เป็นกัปตันทีมสลิธีรินเลยผูกใจเจ็บ”รอนเล่าให้หลานชายฟัง
“เอ้อ ! พูดถึงเรื่องนี้...ลุงได้ยินมาว่าใครได้เป็นกัปตันคนใหม่นะ”
เจมส์ยิ้มกว้าง ยืดอกที่มีเข็มหมุดตรากัปตันปักอยู่บนเสื้อถักเสว็ตเตอร์สีม่วงให้ทุกคนเห็นชัดขึ้น
รอนฉีกยิ้มแล้วนำมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลแดงของหลานชายอย่างรักใคร่
“เก่งมากเลย ลุงภูมิใจในตัวหลานมาก....นี่ ! แล้วก็มีพรีเฟ็คอีกคนไม่ใช่หรอ”คราวนี้รอนหันมาหาอัลบัส
อัลบัสยิ้มอย่างสุภาพให้รอน
“อาเองก็ดีใจกับหลานด้วยนะโรส แฮร์รี่ก็ฝากแสดงความยินดีมาด้วยจ๊ะ” จินนี่หันมาพูดกับโรส
“ขอบคุณค่ะอาจินนี่”
ในขณะนั้นเองรอนเริ่มทำหน้านิ่วใส่จินนี่ก่อนจะเริ่มถามเธอว่า “แล้วทำไมช่วงนี้พวกเธอถึงขาดการติดต่อไปล่ะ”
“อ๋อ..เรื่องนั้นน่ะ”จินนี่ทำหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษจริงๆรอน เฮอร์ไมโอนี่ด้วยนะ ช่วงนี้พวกเรายุ่งกันมากเหลือเกิน มันใกล้งานควิดดิชยูโรเปียนคัพแล้วด้วยฉันก็เลยต้องไปทำข่าวบ่อย แล้วแฮร์รี่ก็มัวแต่วุ่นอยู่กับพวกกองโจรวอลลัส แล้วนี่ยังมีงานใหญ่มาให้เราทำเพิ่มกันอีกนะ” ถึงตอนนี้จู่ๆจินนี่ก็ผุดรอยยิ้มชอบอก ชอบใจขึ้นมา
“รู้รึยังว่าเท็ดดี้กับวิกตัวส์เขาตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้ว”
“หา ! จริงเหรอครับ!” ฮิวโก้ถาเสียงดังลั่นก่อนใครพวกด้วยท่าทางยินดีสุดฤทธิ์
“จริงแท้แน่นอนเลยจ๊ะ”จินนี่หันไปยืนยันกับหลานชาย เธอยิ้มแก้มปริ
ตอนนี้ทุกคนในวงมีรอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้าโดยไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเลย แต่ว่า..รอนยังคงน้อยใจอยู่
“แต่จินนี่ ! เรื่องสำคัญแบบนี้เธอน่าจะเจียดเวลามาบอกเราซะหน่อย” เขาต่อว่าน้องสาวทั้งที่ยังมีรอยยิ้มเต็มอยู่บนใบหน้า
“ฉันเสียใจ..รอน แต่ฉันอยากจะบอกด้วยความจริงว่าเวลาที่เราจะเจียดเวลาไปเล่าให้พี่ฟังเมื่อไหร่นกฮูกของเรามันมักจะไม่อยู่ทุกทีเลย เจมส์น่ะยึดมันเอาไปใช้เป็นการส่วนตัวตลอดหน้าร้อนเลย”
ในตอนท้ายเธอตวัดสายตาเป็นเชิงต่อว่าไปให้ลูกชายคนโต
“แฮะๆๆ ผมขอโทษนะครับลุง”เจมส์ยิ้มแหย๋ๆ ทำหน้าสำนึกผิด
แต่รอนหัวเราะตอบแล้วขยี้ผมหลายชายเหมือนอย่างที่เขาชอบทำ “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมากเล้ย ไอ้ลูกหมา!”
“จวนได้เวลาแล้วนะทุกคน ฉันว่าเด็กควรจะขึ้นรถไฟไปได้แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาหลังจากที่เธอหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนเสาร์
“อืม...นั่นสิ”รอนเห็นด้วยก่อนที่จะมาลาผู้ที่กำลังจะเดินทางทั้งหลาย
“โรส..ขอให้เรียนให้สนุกนะลูก ปีนี้จะสอบ ว.พ.ร.ส.แล้ว พ่อมั่นใจว่าลูกต้องทำได้ดีแน่.......ฮิวโก้ก็อย่าก่อเรื่องมากเกินความจำเป็นล่ะ ลิลี่ช่วยฝากดูเขาแทนลุงด้วย...อัลบัส..ทำหน้าที่พรีเฟ็คให้ดี และก็เจมส์ ลุงหวังว่าหลานจะช่วยให้กริฟฟินดอร์ได้ถ้วยควิดดิชในปีนี้นะ”
เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ก็ผลัดกันกอดและหอมแก้มเด็กๆกันยกใหญ่
“หวังว่าลูกคงเลิกสาปใครๆตามระเบียงทางเดินได้ในปีนี้นะเจมส์” จินนี่พูดกับเจมส์หลังจากที่หอมแก้มเขาเป็นคนสุดท้าย
“โธ่ ! ไว้ใจเถอะครับแม่ ปีนี้ผมมีพรีเฟ็คอัลคอยจับตามองทุกฝีก้าวเชียวนะ”
เจมส์เสริมท้ายพร้อมกับส่งรอยยิ้มเย้ยหยันให้อัลบัสซึ่งก็ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขากลับมาเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ รับรองว่าผมจะคอยดูแลพี่ชายให้ปีนี้เขาเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทเหมือนกับลูกแมวเชื่องๆเลยล่ะ”
จินนี่เลิกคิ้ว “เฮ้อ ! แม่อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขนะทั้งสองคน” เธอพูดในเชิงรู้ทัน
ทุกคนช่วยกันยกหีบและกรงนกฮูกให้ขึ้นไปอยู่บนรถไฟ หลังจากนั้นก็เอ่ยลาเด็กๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะเริ่มออกขบวนมุ่งหน้าไปไกลสู่โรงเรียนฮอกวอร์ต โรซี่และอัลบัสถูกเรียกให้ไปนั่งที่ตู้หน้าขบวนรถเพราะเป็นตู้เฉพาะสำหรับพรีเฟ็ค รถไฟใช้เวลายาวนานเช่นเคย กว่าจะถึงโรงเรียนก็จนพลบค่ำแล้ว ทุกคนต่างก็เปลี่ยนเป็นชุดคลุมนักเรียนสีดำกันอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ลงจากรถไฟ ทุกคนจะได้ยินเสียงเรียกนักเรียนปี 1 จากผู้ชายคนนึงเหมือนอย่างทุกปี
เขาคือรูเบอัส แฮกริด คนดูแลสัตว์และอาจารย์สอนวิชาสัตว์วิเศษ โรสและอัลบัสรู้จักกับเขาดีเพราะเขาเป็นเพื่อนของพ่อ แม่และแฮกริดก็เอ็นดูอัลบัสมากกว่าใคร คงเพราะอัลบัสนั้นเหมือนกับแฮร์รี่ พอเตอร์ที่เขาแสนจะรัก
“หวัดดีอัล ! หวัดดีโรส!” แฮกริดตะโกนทักพวกเขามาแต่ไกล
“หวัดดีฮะ/ค่ะแฮกริด”อัลบัสกับโรสทักตอบพร้อมกัน
“แฮกริด ! สวัสดีครับ! ”เจมส์ที่เดินไปจนถึงรถลากเธสตรอสแล้วหันมาส่งเสียงทักแฮกริดบ้าง
“โอ้ ! หวัดดีเจมส์ !” เขาหันไปทัเจมส์แล้วหลิ่วตาให้
เจมส์ยิ้มยิ้มพร้อมกับหลิ่วตาตอบก่อนที่เขาจะปีนขึ้นรถเธสตรอสไป
“แล้วเจอกันในปราสาทนะฮะ !”อัลบัสหันมาบอกแฮกริดก่อนที่จะรีบพาโรสวิ่งไปที่รถลากเพราะตอนนี้ฝนเริ่มจะตกหนักขึ้นแล้ว
“ไงล่ะ ! ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะเธอสองคนน่ะ” พวกเขาได้ยินเสียงแฮกริดทักใครอีกแล้ว
และก็ได้ยินเสียงฮิวโก้กับลิลี่ตะโกนตอบกลับมา “ไงฮะ/คะ แฮกริด!”
อัลบัสกับโรสนั่งรถลากมากับเด็กผู้หญิงฝาแฝดบ้านบ้านเรเวนคลออีกสองคนที่ทำท่าทางสนอกสนใจอัลบัสอย่างเปิดเผย อัลบัสจึงทำทีเป็นไม่ได้สังเกตเห็นแล้วเลือกที่จะวางสายตาไปที่ปราสาทฮอกวอร์ตเท่านั้น ผู้หญิงสองคนนั้นจึงไปหาเรื่องคุยกับโรสแทน ด้วยความหวังว่าอัลบัสอาจจะสนใจหันมาเข้าร่วมวงสนทนาด้วย
“ชื่อเพลีกับอารยา พาติลจ๊ะ”เด็กสาวทั้งสองแนะนำ
โรสก็แนะนำตัวเองและอัลบัสให้ทั้งสองคน รถได้ถูกลากมาจนถึงหน้าปราสาท อัลบัสจึงได้ถอนสายตาออกจากกระจกรถลากเสียที
“เราหวังว่าคงจะได้พบพวกคุณอีกนะ”หนึ่งในฝาแฝดพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหมดหวัง
โรสยิ้มกว้างตอบอัลบัสยิ้มให้เช่นกัน
“ฉันเองก็ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเธอนะ”เขาพูดกับสองคนนั้นเป็นครั้งแรกแล้วกระโดดลงมาจากรถทันทีและเขายอมพนันให้ใครมาตัดหัวเขาเลยก็ได้ว่าเขาได้ยิน 2 ฝาแฝดนั่นร้องกรี๊ดดังซะจนเกือบทำให้เธสตรอสตื่นเลย
“แหม..ฉันล่ะเบื่อนักเชียวพ่อคนเนื้อหอม”โรสแกล้งแซวอัลบัส เมื่อพวกเขาเข้าไปในปราสาทแล้ว ตัวของทั้งคู่เปียกปอนไปด้วยฝนที่ทั้งคู่วิ่งฝ่าเข้ามา
“เงียบเหอะโรส”อัลบัสพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คิกๆๆๆ”โรสหัวเราชอบใจใหญ่
อัลบัสก็เป็นอย่างนี้ทั้งชาติแหละ ไม่เคยสนใจสาวคนไหนเลยทั้งๆที่เขาออกจะเนื้อหอมเวลาอยู่ในโรงเรียน เพราะ เขาเป็นลูกของวีรบุรุษอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีบุคลิกเท่ห์ๆ เงียบขรึม แถมยังเป็นนักกีฬาควิดดิชที่เก่งกาจอีก อย่างนี้จะไม่ให้สาวๆที่นี่เขาหลงรักกันคงไม่ไหวแล้ว
โรสกำลังก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องโถงกลางแต่ทันใดนั้นเอง ! จู่ๆก็มีใครคนหนึ่งวิ่งหนีฝนเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วเบรกแตกเข้ามาชนเธอเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย !”โรสร้องลั่น เธอเกือยจะล้มอยู่แล้วแต่โชคดีที่อัลบัสจับไว้ได้ทัน
“โอ๊ย !”ชายคนที่วิ่งมาชนโรสส่งเสียงร้องดังพอๆกัน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เรียนชั้นเดียวกับโรสและอัลบัส เขาเป็นผู้ชายร่างผอมและสูง ผิวสีซีดจัดจนดูน่ากลัว ผมของเขาสีบอลนด์จนเกือบเป็นสีขาวและมีดวงตาสีน้ำเงินเจิดจรัส โรสรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ดี เขาชื่อสกอร์เปียส มัลฟอย นักเรียนบ้านสลิธีรินที่มีนิสัยกวนประสาทไม่มีใครเกิน
“เดินดูทางซะบ้างสินายน่ะ !”เธอแหวใส่เด็กหนุ่มอย่างโมโห
“เธอน่ะยืนขวางทางเองต่างหากล่ะ!” สกอร์เปียส มัลฟอยตะโกนกลับอย่างโมโหยิ่งกว่า
“ที่ทางมีตั้งเยอะ ทำไมถึงต้องเดินมาทางนี้ด้วยล่ะมัลฟอย”อัลบัสถามเสียงปกติ
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากนาย พอตเตอร์ !”สกอร์เปียสหันมาพูดใส่หน้าอัลบัส
“ฉันก็ไม่ต้องการจะรับเกียรติ์นั้นจากนายเหมือนกันมัลฟอย”
สกอร์เปียสทำท่าเหมือนอยากจะด่าอัลบัสแต่ถูกขัดจังหวะพอดีเพราะว่า...
“โอ๊ะ โอ ! ดูนั่นก่อนใครกัน” เสียงของเจมส์ดังกังวานเข้ามา
เขากำลังเดินเปียกปอนมากับเพื่อนๆอีก 3 -4คน เจมส์ส่งยิ้มกว้างที่ดูมีความหมายถึงการดูหมิ่นมาให้ผู้ฟัง ส่วนสกอร์เปียสก็ตวัดสายตาไปมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเจมส์ด้วยความไม่ชอบใจอย่างที่สุด
“ฮึ ! เจมส์ พอตเตอร์!”
“อ้า..นายจำชื่อฉันได้นี่ไอ้หนู เก่งมาก ฉันเดาว่าช่วงนี้แม่นายคงทำอาหารบำรุงสมองให้นายเป็นพิเศษเลยสิใช่ไหมถึงได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง”เจมส์ดูถูกสกอร์เปียสทั้งคำพูดและสายตาอย่างใจร้ายมาก
สกอร์เปียสขบกรามแน่นด้วยความโกรธ พวกเพื่อนๆของเจมส์ต่างหัวเราะเยาะอย่างสะใจในคำพูดแดกดันของเพื่อนรัก
“เอ๋....นี่นายเป็นกัปตันคนใหม่ของสลิธีรินหรอ”เจมส์เปลี่ยนสายตาไปจ้องมองตราบนอกของสกอเปียสอย่างสนใจปนดูถูก
“หึ ! งั้นซาบินี่ก็คงจะปัญญาอ่อนพอๆกับนายแล้วล่ะ ถึงได้แต่งตั้งเอาคนอย่างนายมาเป็นกัปตันได้ ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยมัลฟอย ว่าชีวิตนี้นายเคยได้แตะลูกสนิชบ้างไหม”
เสียงหัวเราะจากเพื่อนๆของเจมส์ดังกึกก้อง สกอร์เปียสดูโกรธและอับอายมาก เจมส์ว่าเขาเกินไปแล้ว สกอร์เปียสเป็นซีกเกอร์ที่ดีที่สุดของทีมสลิธีรินแน่นอน เขาเคยจับลูกสนิชได้อย่างน่าประทับใจในหลายนัด
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่นัดที่แข่งกับกริฟฟินดอร์หรือนัดที่มีเจมส์เป็นซีกเกอร์
“ทีนี้ฉันก็จะสบายใจล่ะ”เจมส์หันไปยิ้มกับเพื่อนๆของเขา “เพราะว่าการจะเอาชนะบ้านสลิธีรินในปีนี้น่ะมันง่ายซะยิ่งกว่ากระดิกนิ้วอีกว่ามั้ยเพื่อน....ฮ่าๆๆ”
เพื่อนนักเรียนชายปีหกของเจมส์พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นและยาวเป็นพิเศษ เจมส์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยทว่า ดูเหมือน สกอร์เปียสจะหมดสิ้นความอดทนไปแล้วในที่สุด
“ฉันจะทำให้แกสำนึกได้พอตเตอร์ ! ว่าที่จริงแล้วแกมันก็แค่เศษสวะจอมอวดดีเท่านั้นเอง !”สกอร์เปียสตะโกนก้องพร้อมกับที่ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา ! ! !